จากกรณีการหายตัวไปของ น.ส.กัญญาวีร์ ซาเสน หรือเจี๊ยบ อายุ 26 ปี โดยหายออกจากบ้านช่วงกลางดึกของวันที่ 11 ส.ค.63 ที่ผ่านมา ซึ่งได้เบาะแสเพียงรอยเท้าที่เดินไปเรื่อย ๆ 6 กิโลเมตร จนไปหยุดที่สถานปฏิบัติธรรมที่เคยมาอยู่ ซึ่งจากการระดมค้นหาไปพบรองเท้าของน.ส.เจี๊ยบ ถอดอยู่บริเวณริมห้วย ใกล้สถานปฏิบัติธรรม
โดยมีนายอภิสิทธิ์ ซาเสน พี่ชายน้องเจี๊ยบ ให้ข้อมูลว่า เงินจำนวน 150,000 บาท พระอาจารย์ได้เอาไปให้น้าลงทุนที่วาปีปทุม เอาไปลงทุนแอปสกุลเงินโฟเร็ก (FOREX) แล้วจะให้ผลตอบแทนเดือนละ 6,000 บาท พระอาจารย์อ้างแบบนั้น และวันที่ไปตามน้องวันแรก ได้สอบถามเรื่องเงินว่า "เป็นจริงไหมครับ ที่จะได้เงินตอบแทนเดือนละ 6,000 บาท" ท่านก็บอกว่าจริง เงินอยู่กับพระอาจารย์ โดยให้น้องใช้เดือนละ 1,000 บาท ตนก็เลยสงสัยว่าทำไมไม่โอนเข้าบัญชีน้องโดยตรง
พระอาจารย์ตอบว่า ไม่ไว้ใจเขา เขายังเป็นเด็ก การตัดสินใจยังไม่ได้ ตอนนี้ก็ยังตามหาน้องอยู่ ตามไปที่ต่าง ๆ จนกว่าจะเจอน้อง ถ้าผู้ใดพบเห็นน้องก็ขอความร่วมมือให้ติดต่อมาที่เบอร์โทร 089-6533715 ได้ตลอดเวลา
พระอาจารย์คำนวณ ฐิตญาโน หัวหน้าสำนักสงฆ์เทพนิมิต กล่าวต่ออีกว่า พอตอนเช้ามามีคนมาบอกว่าน้องหาย ทางญาติเขาบอกว่าหายตอน 4-5 ทุ่ม ทางญาติได้ตามรอยเท้ามา เห็นรองเท้าที่ลำห้วย ห่างจากวัดประมาณ 1 กม. แถววัดบ้านป่าพะยอม ซึ่งห่างจากวัดพระอาจารย์ประมาณ 5 กม. ทางญาติก็ได้มาขอค้นกุฎิวัด ก็อนุญาตให้ค้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
สาวหายปริศนา ญาติคาใจหอบเงินแสนให้วัด พระขวางค้นกุฏิพบรอยเท้าโผล่ใกล้ห้วย
ล่าสุดวันที่ 20 ส.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางไปที่บ้านหลังที่น้องเจี๊ยบ อยู่ห่างจากวัด 6 กิโลเมตร เป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งไม้ครึ่งปูน ทีมข่าวได้พูดคุยกับเจ้าของบ้าน เป็นน้าของน้องเจี๊ยบ คือ นายธาตุ คนยืน เล่าว่า วันที่ 11 ส.ค.63 เวลา 17.00 น. หลังจากที่เเม่เเละพี่ชาย พาน้องเจี๊ยบไปหาหมอที่โรงพยาบาลดอนตาล ซึ่งเเพทย์ระบุว่าน้องมีอาการซึมเศร้า ต้องส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลศรีมหาโพธิ จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างที่รอการส่งตัว เเม่จึงพาน้องเจี๊ยบมานอนที่บ้านของตัวเอง เพราะเกรงว่าหากให้น้องเจี๊ยบนอนที่บ้านของเเม่ คนที่วัดจะนำรถมารับไป เพราะที่ผ่านมาเวลาน้องเจี๊ยบไปที่ไหน คนที่วัดจะคอยติดตามเเละรับกลับไปตลอด
ในวันดังกล่าวน้องเจี๊ยบ และเเม่ นอนอยู่ที่ห้องโถงชั้นล่าง ตรงหน้าทีวี ส่วนตนนอนที่ชั้นบน จนกระทั่งช่วงเวลา 22.00 น. ได้ยินเสียงเปิดประตูในครัวชั้นล่าง ตอนนั้นยังไม่ได้เอะใจ คิดว่าเสียงคนเดินไปเข้าห้องน้ำ กระทั่งเวลา 23.00 น. เเม่น้องเจี๊ยบขึ้นมาเรียก บอกว่าน้องเจี๊ยบหายไป ตนจึงวิ่งลงมาดู ก็พบว่าประตูหลังบ้านมีการเปิดทิ้งไว้ เเละรองเท้าเเตะของตนที่ถอดไว้ก็หายไปด้วย จึงทราบว่าน้องเจี๊ยบหนีไปเเล้ว จึงช่วยกันตามหา จนถึงเวลา 02.00 น. เเต่ก็ไม่พบตัว
สำหรับระยะเวลา น.ส.เจี๊ยบ อยู่ที่สำนักสงฆ์ เริ่มตั้งแต่ปี 61 เป็นต้นมา กระทั่งในวันที่ 11 ส.ค.63 ได้หายตัวไป รวมระยะเวลาการใช้ชีวิตที่สำนักสงฆ์ดังกล่าว ประมาณ 2 ปี
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับ นายวิชัย วงละคร เป็นน้าอีกคนของน้องเจี๊ยบ ได้พาทีมข่าวไปดูเส้นทางที่คาดว่าน้องเจี๊ยบใช้หนีออกจากบ้าน สภาพเป็นทางดิน สลับทางลูกรัง เต็มไปด้วยโคลนเนื่องจากฝนตกต่อเนื่องมาหลายวัน ซึ่งนายวิชัยได้พาทีมข่าวไปดูจุดพบรองเท้า ริมถนนข้างห้วย อยู่ห่างจากบ้าน 1.5 กิโลเมตร จุดพบรอยเท้าครั้งเเรก อยู่ห่างจากบ้าน 1.6 กิโลเมตร เเละจุดพบรอยเท้าครั้งสุดท้าย บริเวณทางเข้าวัด อยู่ห่างจากบ้าน 6 กิโลเมตร
โดยนายวิชัย กล่าวว่า วันที่ 11 ส.ค.63 เวลา 23.00 น. พี่ชายน้องเจี๊ยบได้โทรหา บอกว่าน้องเจี๊ยบหนีออกจากบ้าน ตนพร้อมด้วยพี่ชายเเละญาติ 3-4 คน ได้ขับรถกระบะตามหา ซึ่งตอนนั้นเชื่อว่าน้องเจี๊ยบต้องไปที่วัด จึงขับหาตามเส้นทางที่มุ่งหน้าไปวัด กระทั่งถึงบริเวณห้วยช้างชน อยู่ห่างจากบ้าน 1.5 กิโลเมตร พบรองเท้าเเตะวางคู่กันอยู่ริมถนน คาดว่าน้องใส่เดิน เเล้วรองเท้าขาด จึงถอดทิ้งเเล้วเดินต่อเท้าเปล่า
จากนั้นขับรถต่อไปอีก 100 เมตร ก็พบกับรอยเท้า เป็นรอยเท้าเปล่าไม่สวมรองเท้า ตนมั่นใจว่าเป็นรอยของหลานสาว จึงขับรถไปต่อ จนกระทั่งถึงหน้าทางเข้าวัด อยู่ห่างจากบ้าน 6 กิโลเมตร ก็พบรอยเท้าเดินเข้าวัด ตนเเละญาติจึงกลับบ้าน เพราะคิดว่าน้องเจี๊ยบคงนอนอยู่ในวัดเเล้ว พอรุ่งเช้าวันที่ 12 ส.ค.63 ได้เดินทางไปที่วัด ปรากฏว่าพระบอกว่าไม่มีใครเห็นน้องเจี๊ยบเข้ามาในวัด ตนจึงขออนุญาตค้นวัด พระก็อนุญาตให้ค้นเเค่กุฏิที่น้องเจี๊ยบนอน ส่วนกุฏิอื่น ๆ ไม่อนุญาต ซึ่งระหว่างการค้น สังเกตเห็นว่ามีเสื้อผ้า เป็นเสื้อกับกางเกงสีขาว เเช่น้ำอยู่ในถังในห้องน้ำ เตรียมจะซัก ซึ่งเเม่ระบุว่าลักษณะคล้ายกับเสื้อผ้าวันที่น้องเจี๊ยบใส่ก่อนหายตัว ตนจึงเชื่อว่าน้องเจี๊ยบกลับมาที่วัด
นอกจากนี้จากการสอบถามเเม่ชีในวัด ให้ข้อมูลว่า "ญาติเอากลับบ้านไป เเล้วทำไมไม่ดูเเลให้ดี ปล่อยหนีกลับมาทำไม" เเละเเม่ชีบางคนยังพูดว่า ที่บ้านมีการใส่โซ่ตรวนน้องเจี๊ยบ ซึ่งนายวิชัยได้อธิบายว่า วันที่ 10 ส.ค.63 หลังจากที่เเม่รับน้องเจี๊ยบกลับบ้าน ได้พาไปอยู่ที่บ้านของตน ซึ่งช่วงกลางคืนตนมีการล่ามโซ่ประตูบ้าน เพื่อป้องกันน้องเจี๊ยบหนี ไม่ได้ล่ามตัวน้องเจี๊ยบเเต่อย่างใด เเต่ก็สงสัยว่าตนไม่เคยบอกใครเลย เเม้เเต่เเม่เเละพี่ชายของน้องเจี๊ยบเองก็ไม่ทราบ เเต่เเม่ชีที่วัดทราบได้อย่างไร
หลังจากนั้นช่วงบ่าย ตนได้เดินทางไปเเจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.ดงเย็น จ.อุดรธานี หลังจากเเจ้งความเสร็จก็กลับมาที่วัดอีกรอบ เห็นรถตู้คันหนึ่งขับสวนทางออกจากวัด ตนก็เชื่อว่าหรือน้องเจี๊ยบอาจจะไปกับรถตู้คันนั้น ญาติจึงหาไม่พบ ซึ่งตนเชื่อว่าต้องมีคนพาน้องออกจากวัดไปอยู่ที่อื่น เพราะน้องไม่มีเงินติดตัว ไม่มีเครื่องมือสื่อสาร จึงไม่เชื่อว่าจะหนีไปคนเดียวได้
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับ พระอาจารย์คำนวณ ฐิตญาโน หัวหน้าสำนักสงฆ์เทพนิมิต กล่าวถึงสาเหตุที่น้องเจี๊ยบอยากอยู่ที่วัด เเล้วไม่อยากกลับบ้าน มาจากปัญหาครอบครัว ซึ่งน้องเจี๊ยบเคยเล่าให้ฟังว่าอยู่ที่บ้านรู้สึกกดดัน เนื่องจากพี่ชายจะคอยกำกับชีวิตให้น้องต้องไปตามเส้นทางที่กำหนดเวลามีเรื่องอะไร ไม่สามารถปรึกษาพี่ชายได้เลย เเต่เมื่อมาอยู่กับหลวงพ่อ เหมือนได้ชีวิตใหม่ เพราะหลวงพ่อสามารถให้คำปรึกษาได้ จึงอยากมุ่งมาทางธรรม ไม่อยากไปทางโลก ซึ่งจากการสังเกตพฤติกรรมตลอด 2 ปีที่น้องเจี๊ยบอยู่วัด ไม่เคยมีอาการซึมเศร้าเเต่อย่างใด
ส่วนเรื่องเงิน จำนวน 150,000 บาท อาตมาขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับวัด ซึ่งเรื่องดังกล่าวก็มีที่มาที่ไป โดยน้าชายของอาตมาทำธุรกิจโรงเรียนเอกชน ในจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งเมื่อต้นปี 63 ที่ผ่านมา อาตมาได้ไปเยี่ยมโรงเรียนของน้าชาย มีญาติโยมร่วมเดินทางไปหลายคน เเละได้ชักชวนน้องเจี๊ยบไปด้วย ซึ่งน้องเจี๊ยบก็มีการพาคุณเเม่ไปด้วย อาตมาก็พูดคุยกันเล่น ๆ กับน้าชาย เรื่องการลงทุนทำธุรกิจโรงเรียน โดยเจี๊ยบเเละเเม่เจี๊ยบก็นั่งฟังด้วย ซึ่งน้องเจี๊ยบก็สนใจอยากลงทุนด้วย ส่วนน้าชายบอกว่าไม่รับลงทุน เพราะไม่อยากมีปัญหากับใคร เเต่หากใครอยากลงทุน เอาเงินมาให้ยืมเลยดีกว่า เเล้วจะให้ดอกเบี้ย ร้อยละ 4 ซึ่งน้องเจี๊ยบก็สนใจนำเงินมาให้ยืม 150,000 บาท มีการทำสัญญากัน โดยเเม่น้องเจี๊ยบก็เซ็นให้ด้วย ซึ่งเป็นสัญญาการยืม ไม่ใช่การลงทุนเเต่อย่างใด โดยจะให้ดอกเบี้ยเดือนละ 6,000 บาท เเต่ได้มีการกำหนดจ่ายสิ้นปี
ส่วนกรณีที่พี่ชายน้องเจี๊ยบกล่าวหาว่า อาตมาว่าให้เงินน้องเจี๊ยบเดือนละ 1,000 บาท เเล้วเก็บไว้เองเดือนละ 5,000 บาท นั้น เป็นการฟังไม่ชัดเจนเเล้วนำไปตีความ เงิน 5,000 บาท เป็นเงินเยียวยาโควิด-19 ที่น้องเจี๊ยบได้รับ 3 เดือน เเล้วนำมาถวายวัด ตนก็จะเก็บไว้ให้น้องเจี๊ยบ ไม่ใช่เงินดอกเบี้ยจากการให้กู้ยืม ส่วนเงินที่ให้น้องเจี๊ยบเดือนละ 1,000 บาท เป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้คนที่อยู่ช่วยงานที่วัดเป็นปกติอยู่เเล้ว
กรณีที่ญาติระบุว่า ทางวัดคอยตามเจี๊ยบตลอดเวลา ก็เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก ไม่ใช่การบังคับ ซึ่งวันที่น้องหายไป อาตมาไม่ทราบว่าน้องเจี๊ยบเข้ามาในวัดหรือไม่ เเต่ยืนยันว่าไม่มีคนในวัดเห็นเเต่อย่างใด ส่วนกรณีที่ญาติระบุว่า เห็นเสื้อผ้าน้องเจี๊ยบเเช่กับถังในห้องน้ำ อาตมาไม่ทราบ เพราะอาตมาเป็นพระ ไม่ได้ไปกุฏิของแม่ชี
ส่วนกรณีวันที่ 12 ส.ค.63 ให้ญาติค้นเเค่กุฏิเดียว เพราะไม่อยากให้รบกวนพระหรือแม่ชีที่จำวัด ส่วนกรณีที่ญาติระบุว่า ช่วงบ่ายวันที่ 12 ส.ค.63 เห็นรถตู้ขับสวนออกไปจากวัด เเล้วตั้งข้อสงสัยว่าน้องเจี๊ยบอาจไปกับรถตู้คันนั้น ขอชี้เเจงว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถของวัด ตอนนั้นขับไปทำธุระที่ตลาด ไม่มีคนซุกซ่อนคนเอาไว้เเต่อย่างใด เเต่หากญาติสงสัย เหตุใดตอนนั้นจึงไม่ขับตาม ดังนั้นขอยืนยันว่าที่วัดไม่มีใครซุกซ่อนน้องเจี๊ยบ จึงอยากให้น้องเจี๊ยบปรากฏตัว ก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลายไปมากกว่านนี้
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับเเม่ชีจิมมี่ ที่มีความสนิทสนมกับน้องเจี๊ยบ กล่าวว่า น้องเจี๊ยบเคยระบายให้ฟังว่ามีปัญหาครอบครัวกับพี่ชาย โดยพี่ชายอยากให้เจี๊ยบไปเรียน เเต่เจี๊ยบอยากไปทางธรรม เพราะเรียนไม่ได้ ซึ่งนิสัยของน้องเจี๊ยบ เป็นคนชอบปฏิบัตธรรม ชอบเดินจงกรม ชอบศึกษาพระไตรปิฎก โดยตอนที่อยู่ด้วยกัน น้องเจี๊ยบไม่ค่อยมีอาการปวดหัว มีเเต่ปวดเส้นปวดเอ็นธรรมดา เเละไม่มีอาการซึมเศร้าเเต่อย่างใด
การที่น้องเจี๊ยบหายตัวไป ตนก็ตกใจ ไม่ทราบว่าน้องไปที่ไหน ทราบเพียงว่าน้องกลับบ้านวันที่ 10 ส.ค.63 ที่ผ่านมา เเล้วก็ไม่กลับมาวัดอีกเลย ซึ่งติดต่อกันครั้งสุดท้ายคือเช้าวันที่ 11 ส.ค.63 น้องเจี๊ยบโทรศัพท์มาบอกว่าอยู่โรงพยาบาล หลังจากนั้นก็ติดต่อกันไม่ได้ ขอยืนยันว่าคนที่วัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของน้องเจี๊ยบ เเละไม่มีใครเห็นน้องตั้งเเต่วันที่ 10 ส.ค.63 ที่ผ่านมา
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับเพื่อนของน้องเจี๊ยบ คือ น.ส.บี (นามสมมติ) เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับเจี๊ยบตั้งเเต่เรียนชั้น ม.1 โดยอยู่ห้องเดียวกัน ก่อนจะเเยกย้ายกันตอนเรียนมัธยมฯ ปลาย เเต่ก็ยังติดต่อกันตลอดไม่เคยขาด เเม้เเต่ตอนเจี๊ยบไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ก็ยังติดต่อกัน ซึ่งเจี๊ยบเป็นคนเรียนเก่ง นิสัยร่าเริง ซึ่งช่วงมัธยมฯ เจี๊ยบไม่เคยมีอาการเเปลก ๆ
เเต่เมื่อ 2 ปีที่เเล้ว ขณะนั้นเรียนอยู่ปี 4 เจี๊ยบบอกว่าปวดหัว เรียนไม่ได้ บอกว่ามีเรื่องเครียด เเต่ไม่บอกว่าเครียดเรื่องอะไร เเละปรึกษาตนว่าจะเรียนต่อดีไหม ตนก็เเนะนำให้เรียนไปก่อน เพราะฝึกสอนอีกเพียง 1 ปีก็จะจบเเล้ว จากนั้นเจี๊ยบก็ขาดการติดต่อไป เพื่อน ๆ หลายคนก็พยายามติดต่อผ่านเฟซบุ๊ก เเต่เจี๊ยบไม่ตอบใครเลย กระทั่งทราบภายหลังว่าเจี๊ยบไปอยู่วัด ซึ่งตนรู้สึกว่าเจี๊ยบเปลี่ยนไป
น.ส.บี ได้นำเเชทเฟซบุ๊กที่คุยกับเจี๊ยบ ให้ทีมข่าวดูว่า จากเดิมที่เคยพูดคุยกันเรื่องสนุกสนาน เเต่เมื่อเจี๊ยบไปอยู่วัด จะพูดคุยกับเพื่อนเฉพาะเรื่องกฐิน ผ้าป่า เเละการทำบุญ นอกจากนี้น้องเจี๊ยบเคยเป็นคนที่ห่วงแม่มาก ไม่เคยห่างเเม่ เเม้เเต่ไปเรียนต่างจังหวัดยังฝากให้ตนไปดูเเม่ให้
เเต่พอไปอยู่วัด ไม่คิดเเม้เเต่จะติดต่อกลับมาหาเเม่ อีกทั้งการพูดจาก็เปลี่ยนไป จากเดิมเคยเป็นคนพูดเพราะ ก็กลายเป็นคนพูดน้ำเสียงเเข็งกร้าว ซึ่งจากพฤติกรรมดังกล่าว ตนจึงอยากให้เจี๊ยบออกมาจากตรงนั้นโดยเจี๊ยบก็เคยชวนตนไปทำบุญที่วัดดังกล่าวหลายครั้ง เเต่ตนไม่กล้าไป เพราะกลัวจะเป็นเเบบเจี๊ยบ ตนก็สงสัยว่าเหตุใดเจี๊ยบจึงติดวัด ก็เคยสอยถาม เเต่เจี๊ยบก็บอกเพียงว่า "ถึงเวลาเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังเอง" ส่วนในเรื่องเเฟนหนุ่ม เจี๊ยบเคยมีตอนเรียนที่ฉะเชิงเทรา เเต่เมื่อเจี๊ยบมาอยู่วัด ก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
อย่างไรก็ตาม อยากฝากไปถึงเจี๊ยบ "ถ้าเจี๊ยบอยู่ตรงไหนสักเเห่ง ก็อยากให้เจี๊ยบกลับมาหาเเม่ เพราะเเม่เจี๊ยบอยู่บ้านคนเดียว เเละอายุก็มากเเล้ว ก่อนหน้านั้นเจี๊ยบเคยห่วงเเม่ เเต่ทำไมตอนนี้เจี๊ยบไม่ห่วงเเม่เคย"