จากกรณีการหายตัวของ เด็กหญิงอรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ น้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพัก หมู่ 2 บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง โดยหายไปตั้งแต่ 11 พ.ค. 63 และพบเป็นศพในวันที่ 14 พ.ค. 63 ผ่านมากว่า 3 เดือนยังไม่สามารถจับคนร้ายได้
วันที่ 22 ส.ค. 63 พ่อกับแม่ของน้องชมพู่อยู่บ้านตั้งแต่เช้า และไม่ได้ออกไปไหน กระทั่งเวลา 13.00 น. พ่อ แม่ น้องสะดิ้ง น้าแต และน้าฝน ได้เดินทางไปยัง อ.เมือง จ.สกลนคร เพื่อพักผ่อนไปทานอาหารนอกบ้าน
ต่อมาเวลา 16.00 น. เดินทางไปยังวัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร ซึ่งวันนี้พ่อแม่ยังมีสีหน้าที่แจ่มใสและเข้มแข็ง ไร้ซึ่งความกังวล แม้ว่าในช่วงนี้จะมีตำรวจชุดสืบมาในหมู่บ้าน และมีกระแสข่าว ส. และ ต. ที่เกี่ยวข้องกับคนร้าย ต่อมาเวลา 17.00 น. ซึ่งหลังจากกราบพระเสร็จ ทางครอบครัวน้องชมพู่ก็ได้เดินทางกลับมาที่หมู่บ้านกกกอก
ทางด้านที่บ้านลุงพล มีคนเดินทางมาให้กำลังใจไม่ขาดสาย ส่วนใหญ่เข้ามาขอถ่ายภาพ พร้อมนำของที่ระลึกมามอบให้ มีทั้งกรอบรูปเจ้าแม่สองนางพี่น้อง จ.มุกดาหาร และยังมีคนทำกรอบรูปลุงพล ป้าแต๋น ซึ่งโซเชียลไปแต่งภาพป้าแต๋นให้ดูหน้าอ่อนวัย และใส่ผมยาวขึ้น รวมทั้งยังมีขนมหวาน หม้อแกงมาให้
นอกจากนี้ที่หน้าบ้านยังมีแผงค้าตลาดน้อยหน้าบ้านลุงพล มีคนนำของมาจำหน่ายเช่นเดิม รวมทั้งแผงขายสลากกินแบ่งรัฐบาลก็มาตั้งอยู่ด้วย
ชาวบ้าน จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า พวกตนเดินทางมาจาก จ.บุรีรัมย์ ออกเดินทางตั้งแต่ 03.00 น. ส่วนตัวตั้งใจเดินทางมาหาป้าแต๋น กับลุงพล วันนี้ดีใจมากก็อยากมาให้กำลังใจ โดยขอให้ลุงพลป้าแต๋นทำดีไปเรื่อย ๆ พวกตนเชื่อว่าการทำดีย่อมได้สิ่งดีตอบแทน เชื่อว่าคดีชมพู่วันหนึ่งความจริงจะปรากฎ ตนเองมาเจอลุงพลวันนี้ก็ปลื้มใจแทนที่เห็นมีคนมาหาลุงพลเยอะ
นางพงษ์สุดา เชื้อคนแข็ง ย่าน้องอชิ ซึ่งนำเสื้อยืดสกรีนลายมาขายที่หน้าบ้านลุงพล เปิดเผยว่า บรรยากาศวันนี้ขายเสื้อได้ดี ตัวละ 199 บาท ประมาณ 10 ตัว คนขายเห็ด ขายหน่อไม้ ก็ขายหมด ซึ่งเปิดอยู่ข้าง ๆ กันเกือบทุกวัน ส่วนตัวถือว่าวันเสาร์อาทิตย์ขายดีกว่าทุกวัน ซึ่งเสื้อตนผลิตออกมา 200 ตัว ตอนนี้เหลือ 80 ตัว ส่วนตัวพร้อมจะส่งผ่านไปรษณีย์ได้ หากคนสนใจสั่งซื้อ ซึ่งสามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้ 084-997-9851
สำหรับเพจเฟซบุ๊ก อย่าหาทำ มีการนำภาพไทม์ไลน์ของน้าเสริม จากทุบโต๊ะข่าวไปวิเคราะห์และกล่าวถึงน้าเสริมว่า "จำอะไรไม่ได้สักอย่าง ห่วงความจำพี่เสริม คงไม่มีตำรวจที่ชื่อ ย. อยู่เบื้องหลังนะ" เนื่องจากก่อนหน้านี้ตำรวจเข้ามาขอกล้องหน้ารถเพื่อเป็นหลักฐานในทางสืบสวนทางคดี
นายไชย์พล วิภา ลุงของชมพู่ เปิดเผยว่า ประเด็น ตำรวจ ชื่อ ย. กรณีนี้ตนเองไม่รู้ว่าตำรวจตัวย่อ ย. คือใคร เชื่อว่าหากมีหลักฐานคงจะมีคนสืบต่อไป ส่วนตัวไม่ได้รู้จักกับตำรวจมาก อย่างใน สภ.กกตูม ตนเองก็ไม่คุ้นเลย
ทั้งนี้ ตนเองไม่กังวลใจ ตอนนี้ก็รอว่าจะมีแถลงอะไรไหม ตำรวจก็ไม่ได้มีเข้ามาในพื้นที่ บรรยากาศก็เงียบ ก็ไม่รู้เมื่อไรตำรวจจะออกมา กังวลอย่างเดียวหากตำรวจเงียบ ไม่เคลียร์เรื่องที่แม่ชมพู่สงสัยตน ตนเองคงไปทำงานอะไรไม่ได้ แต่เมื่อคนมาให้กำลังใจก็เป็นพลังให้ตนต่อสู้ไปได้บ้าง
นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ ให้ข้อมูลว่า ตนไม่รู้ว่าตำรวจที่มีอักษรย่อ ย. คือใคร รวมถึงตนก็ไม่รู้ว่าคนที่น้าเสริมไปสนิทด้วยเป็นใครเช่นกัน ส่วนเรื่องกล้องหน้ารถน้าเสริมที่ตำรวจมาขอไป ตนไม่คิดว่าช้าหรือเร็ว เพราะคิดว่าเขาต้องมีเหตุผลที่จะมาเอากล้องไป ตนก็มีความหวังกับหลักฐานทุกชิ้นที่ตำรวจเก็บไป แม้จะมีการเก็บหลักฐานตนก็ไม่สงสัยในตัวน้าเสริม