จากกรณีนายเสน่ห์ เฟื่องฟู หรือ พรานเก่ง อายุ 42 ปี เข้าไปหาของป่าในพื้นที่ป่า ม.2 บริเวณเขาชมภู่-เขาเขียว ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค. 63 และยังไม่กลับออกมา ทั้งที่มีความชำนาญในการเดินป่า ญาติและชาวบ้านออกตามหาตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค. 63 ยังไม่พบตัว แต่เชื่อว่ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าหน้าที่ช่วยการค้นหา
วันที่ 24 ส.ค. 63 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ ม.2 ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี จุดเกิดเหตุเป็นแนวเขาชมพู่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ ที่บริเวณตีนเขามีเจ้าหน้าที่จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าประมาณ 10 คน กู้ภัยสว่างศีลธรรมสมาคมบ้านบึง ประมาณ 30 คน ชาวบ้านประมาณ 60 คน มาตั้งเต็นท์และออกเดินตามหากัน ซึ่งชาวบ้านจะเดินแยกกันไปในป่า ไม่ได้แบ่งกลุ่มก้อนอย่างชัดเจน ค้นหาในรัศมีประมาณ 4-5 กม. รอบจุดที่เดินขึ้นเขา
นายศักดิ์ เฟื่องฟู อายุ 63 ปี พ่อของพรานเก่ง ที่ได้ร่วมคนหากับเจ้าหน้าที่ตั้งแต่วันแรกที่หาย จนถึงวันนี้ก็ยังร่วมค้นหา เปิดเผยว่า วันที่ 18 ส.ค. ตนเองได้ให้พระมาทำพิธีเปิดป่าตามความเชื่อแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววจะเจอ
ตนเองก็เป็นคนหนึ่งที่ในสมัยที่ตนหนุ่ม ๆ จะชอบเดินป่าเพื่อหาของป่า จะค่อนข้างชำนาญเส้นทางป่าในละแวกนี้ดี โดยบริเวณจุดที่ลูกหายไปเรียกว่าหุบป่ากระโฉม พื้นที่ค่อนข้างกว้าง ซึ่งบริเวณใกล้ ๆ ก็มีภูเขา 3-4 ลูก แต่ลูกตนน่าจะอยู่แถวป่าใกล้หมู่บ้าน และไม่เคยหายไปนานขนาดนี้ ไปเช้า-เย็นก็กลับ
ตนมีความกังวลมากกลัวว่าลูกจะมีอุบัติเหตุ พยายามตามหาทุกวัน อีกทั้งตนก็กังวลอีกด้วยว่าลูกจะหายเข้าไปในเมืองลับแล ตามความเชื่อคนสมัยเก่า ที่เล่าขานกันว่าป่าแห่งนี้มีเมืองลับแลซ่อนอยู่ หากหายเข้าไปจะถูกปิดบังไว้ คนที่ตามหาจะหาไม่เจอ แต่คนที่หายเข้าไปอาจจะมองเห็นคนที่ตามหา แต่ไม่สามารถสื่อสารกันหรือออกมาได้ เหตุที่ชาวบ้านเชื่อเพราะในป่ามันมีความลึกลับจึงเชื่อว่าเมืองลับแลมีอยู่จริง ตนก็ยังไม่ได้เชื่อทั้งหมด แต่ก็ไม่ลบหลู่
วันนี้ ตนปลื้มใจที่ชาวบ้านและหน่วยงานมาช่วยเหลือ ลูกชายตนเป็นคนแรกของหมู่บ้านที่หายไป วันแรก ๆ ได้ทำพิธีเปิดป่าไปแล้ว ตนและภรรยาก็กินข้าวไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะห่วงลูก ได้แต่หวังว่าลูกยังมีชีวิตอยู่
นายพัน ขุมทรัพย์ อายุ 64 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เปิดเผยว่า สำหรับกรณีคนหลงป่าอาจจะมีบ้างบางครั้ง แต่ก็กลับออกมาได้ทุกครั้ง ที่หายไปนานแบบนี้มีพรานเก่งคนแรกของหมู่บ้าน ตนก็มาช่วยตามหาทุกวัน เดินไปหลายกิโลเมตร อ้อมไปมาลักษณะพื้นที่ป่าจะเป็นภูเขาเป็นชั้น ๆ มีโกรกหินเยอะ หากเดินไปก็สามารถทะลุออกเขต อ.ศรีราชาและ อ.บ้านบึงได้ เพราะป่ามันกว้างมาก
โดยอุปสรรคการตามหาคือความเหนื่อยล้า เพราะบางจุดค่อนข้างชันก็ต้องค่อย ๆ ไป ซึ่งวันนี้หาไปในรัศมี 4-5 กม. ก็ไม่เจอร่องรอยและหากมองในแง่ร้ายว่าถ้าเสียชีวิต แต่กลับไม่มีกลิ่นอะไรเลย อีกทั้งชาวบ้านก็ขึ้นเขากันประจำไม่มีใครหลง และชาวบ้านยิ่งไม่อยากเชื่อเลยว่าพรานเก่งจะหลง เพราะชำนาญป่ามาก เดินป่ามาตั้งแต่อายุ 10 ขวบเศษ จนปัจจุบัน 42 ปีแล้ว
สำหรับความเชื่อชาวบ้านหลายคนเชื่อว่าป่าแห่งนี้มีเมืองลับแล สมัยปู่ย่าตนก็เล่าให้ฟังว่าในทุกวันพระจะได้ยินเสียงดนตรีดังออกมาจากในป่า ตนก็ยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด แต่มันก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ จึงไม่อยากลบหลู่
ช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ญาติได้เชิญพระสงฆ์มา 1 รูป เพื่อทำพิธีเปิดป่า ซึ่งพระสงฆ์มาถึงได้เดินเข้าไปชายป่าและได้เริ่มทำพิธีเปิดป่าด้วยการจุดบุหรี่ 9 มวน เพื่อถวายเจ้าป่าเจ้าเขาจุดธูป 16 ดอก เพื่อขอให้เจ้าป่าเจ้าเขาเปิดทางให้ นอกจากนี้ยังได้หยิบเศษดินจากป่าไปวางไว้ใกล้บุหรี่ เพื่อให้เจ้าที่นำทางให้มองเห็นทางด้วย
โดยพระที่มาทำพิธี เปิดเผยว่า พรานหายไปอาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ขอให้ค้นหาไปตามหุบเหว หรือโกรกหิน เพราะเชื่อว่าพรานอาจจะเกิดอุบัติเหตุในป่า
นางประคอง เฟื่องฟู อายุ 60 ปี แม่ของผู้สูญหาย กล่าวว่า วันที่ลูกชายออกไปป่าช่วงเช้ามืด ภรรยาขับรถจักรยานยนต์ไปส่งที่ตีนเขา ซึ่งตนสอบถามทางลูกสะใภ้ระบุว่านายเสน่ห์ไปยิงไก่ป่าจะกลับมาบ้านช่วงเที่ยง จากนั้นช่วงเที่ยงลูกชายยังไม่กลับมา ก็คิดว่าลูกน่าจะกลับช่วงเย็น แต่ยังไร้วี่แวว จนวันที่ 17 ส.ค. เริ่มเอะใจจึงชวนญาติพี่น้องไปตามที่เขา แจ้งผู้ใหญ่บ้าน และอบต. ให้ช่วยกันตามหา ค้นหาต่อเนื่องทุกวันพบซองกาแฟ รอยเท้า และรอยขุดเป็นร่องน้ำบนเขา น่าจะเป็นของลูกชาย แต่ก็ยังไม่เจอตัว ซึ่งในช่วงนี้เป็นฤดูฝน ป่ารก มีฝนตกทุกวันทำให้ชะล้างร่องร่อยต่าง ๆ อาจจะทำให้หาได้ยาก ส่วนตัวเชื่อว่าลูกชายยังมีชีวิต และน่าจะหลงทางหรือ มีสิ่งลี้ลับบางอย่างบังตา เพราะคนเฒ่าคนแก่เคยบอกว่าสมัยก่อนเคยได้ยินเสียงดนตรีไทยบริเวณเขา
นอกจากนี้ ตนปรึกษาเกจิ หมอทรงต่าง ๆ บางส่วนบอกว่าลูกชายตนยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งตนก็เชื่อคิดว่าหากลูกชายเสียชีวิตแล้วผู้ที่เดินตามหาก็น่าจะได้กลิ่นบ้าง แต่กลับไม่มีเลย ยอมรับว่าลูกชายตนทำผิดหรืออาจจะลบหลู่เจ้าป่าเจ้าเขาเรื่องการล่าสัตว์ แต่ตนก็ขอขมาจุดธูปบอกเจ้าป่าเจ้าเขาแล้ว ขอให้เจอตัวลูกชาย ได้แต่หวังปาฏิหาริย์
นางสาวอุมา กลิ่นเอี่ยม อายุ 29 ปี ภรรยาผู้สูญหาย กล่าวว่า สามีบอกตนว่าจะไปยิงไก่ป่าบริเวณหน้าพระ ซึ่งอยู่ห่างจากตีนเขาไม่เกิน 1 กิโลเมตร โดยเตรียมแค่กาแฟ 2 ซอง ยาทากันยุง 2 ขวด น้ำ 1 ลิตร 1 ขวด มีดทำครัว 1 เล่ม และ ปืนลูกซองยาว 1 กระบอกเท่านั้น ซึ่งสามีไม่ได้เตรียมตัวไปนอนค้าง เพราะไม่ได้เตรียมข้าว รวมถึงเปลนอนไปนั่งห้าง
จนช่วงเย็นสามียังไม่กลับบ้าน แต่โทรศัพท์มาหาตน 3 รอบห่างกันรอบละ 10 นาที โดยไม่ได้พูดอะไรเหมือนไม่มีสัญญาณ ในตอนนั้นคิดว่าสามีจะลงมาจากเขาแล้วให้ตนไปรับแต่ก็ไม่แน่ชัด ส่วนตัวเชื่อว่าสามีไม่น่าจะหลงป่าเพราะเดินเขามาตั้งแต่อายุ 12 ขวบ ไม่มีประวัติการหลงป่า แต่กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ พลัดตกลงไปในร่องหินหรือเหวที่ลึกมาก ทั้งนี้ คิดว่าสามีน่าจะยังมีชีวิต เพราะหากเสียชีวิตแล้วน่าจะมาเข้าฝันตนบ้าง
นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา มือปราบสัมภเวสี บอกว่า ยอมรับว่าชาวบ้านในจังหวัดเพชรบุรีเดินทางมาขอความช่วยเหลือคนหายที่ จ.ชลบุรี กับตนจริง แต่ตนไม่สามารถให้รายละเอียดเจาะลึกได้ เพราะคนที่มาก็ไม่ใช่ญาติสายเลือดเดียวกัน ไม่ใช่แม่ หรือไม่ใช่ภรรยาคนสูญหาย ที่จะตัดสินใจอะไรพร้อมกับตนได้ ถามว่าตนอยากช่วยไหม ตนก็อยากช่วย แต่ต้องรอให้แม่หรือภรรยามา ถ้าพูดไปตอนนี้เหมือนตนเพ้อเจ้อไปเรื่อย
ถ้าครอบครัวอยากให้ช่วยจริง ๆ ขอให้มาหาตน และต้องรีบมาหา ตนอยากจะไปวันพระที่จะถึงนี้ ตรงกับวันที่ 26 ส.ค. 63 จะดูว่าหายตรงจุดนั้นจริงหรือไม่ ตอนนี้ที่ตนยังไม่ลงไปเอง กลัวกลายเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ กลัวหาว่าตนเ-ือก ส่วนพวกตนเองรอให้การช่วยเหลืออยู่แล้ว