ศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิต "ผอ.กอล์ฟ" จำเลยคดีกราดยิง 3 ศพ ชิงทรัพย์ห้างทองใน จ.ลพบุรี ริบทรัพย์หลายรายการ พร้อมให้ชดใช้ค่าสินไหมผู้เสียหาย แม้เจ้าตัวจะรับสารภาพ แต่เพราะจำนนต่อหลักฐาน
เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 63 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมตัวนายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือ ผอ.กอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนชั้นประถมแห่งหนึ่งใน จ.สิงห์บุรี จำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นฯ พยายามฆ่าผู้อื่นฯ ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนฯ และความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน มาที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อเข้าฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้น ในคดีก่อเหตุกราดยิงชิงทรัพย์ร้านทองออโรร่า ในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 63 ซึ่งเจ้าตัวสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง "ผอ.กอล์ฟ"
- ลุ้น! ศาลพิพากษา "ผอ.กอล์ฟ" กราดยิงชิงทอง ดับ 3 ศพ ห้างลพบุรี 27 ส.ค.นี้
- ตำรวจเบิกความเป็นพยานโจทก์ คดี “ผอ.กอล์ฟ”ฆ่าชิงทอง พบหลักฐานเพียบจนนำไปสู่การออกหมายจับ
- ศาลนัดสืบพยานคดี "ผอ.กอล์ฟ" ฆ่า 3 ศพชิงทอง
- ศาลนัดสืบพยานคดี "ผอ.กอล์ฟ" ฆ่าชิงทองลพบุรี 16 มิ.ย. ร้านทองออโรร่าขอเป็นโจทก์ร่วม
- ศาลอาญาสอบคำให้การ "ผอ.กอล์ฟ" มือยิงชิงทองลพบุรี
คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2563 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 63 จำเลยซึ่งมีอาวุธปืนออโตเมติก ขนาด 9 มม. ติดท่อเก็บเสียง 1 อัน ซองกระสุนปืนพร้อมเครื่องกระสุน ได้นำอาวุธพร้อมเครื่องกระสุนเข้าไปภายในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาลพบุรี แล้วยิงนายธีระฉัตร นิ่มมา พนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของห้างฯ รวมทั้งประทุษร้ายบุคคลทั่วไป จนเป็นเหตุให้ ด.ช.ภาณุวิชญ์ วงศ์อยู่ และ น.ส.ธิดารัตน์ ทองทิพย์ พนักงานร้านทองออโรร่า ถึงแก่ความตาย และจำเลยยังได้ยิงบุคคลอื่นอีก 4 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนชิงเอาสร้อยคอทองคำ น้ำหนักเส้นละ 1 บาท จำนวน 22 เส้น น้ำหนักเส้นละ 2 สลึง อีก 11 เส้น รวม 33 เส้น เป็นเงินทั้งสิ้น 664,470 บาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนีไป ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจได้สืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมตัวจำเลยได้พร้อมของกลางหลายรายการ และให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าพยานและหลักฐานของพนักงานสอบสวนรวมถึงพยานในที่เกิดเหตุสอดคล้องตรงกัน มีความชัดเจน ทำให้เชื่อได้ว่า จำเลยเป็นผู้ก่อเหตุในคดี ข้ออ้างที่จำเลยให้การต่อศาลว่าเป็นความคิดชั่ววูบ เพราะมีปัญหาหนี้สินจำนวนมาก รับฟังไม่ขึ้นเนื่องจากมีการเตรียมการและมีอาวุธปืนพร้อมที่เก็บเสียง แสดงให้ถึงการตระเตรียมที่จะกระทำความผิด
สำหรับกรณีวิถีกระสุนทำให้เด็กชายเสียชีวิตจำเลยอ้างว่าไม่เจตนา ไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อพิจารณาจากหลักฐานแล้ว เห็นว่าเมื่อจำเลยนำปืนเก็บเสียงยิงไปที่ นายธีระฉัตร ผู้เสียหายที่หนึ่ง รปภ. ห้างโรบินสัน และกระสุนทะลุไปโดน ดช.ภาณุวิชญ์ จนเสียชีวิต ศาลถือว่าเจตนากระทำผิดต่อเด็กด้วย
ส่วนที่จำเลยขอให้ลงโทษสถานเบาเพราะภายหลังก่อเหตุเกิดความสำนึกเสียใจ ยอมให้จับกุมประกอบกับ มีคุณงามความดีมาก่อนนั้น ศาลเห็นว่าจำเลยไม่ได้มอบตัวและการให้การมีประโยชน์ต่อการแสวงหาหลักฐาน หรือการสอบสวน เนื่องจากพยานหลักฐานของโจทก์ก็สามารถนำสืบจนทราบได้ และคำให้การไม่มีการให้ประโยชน์ความรู้กับศาล จึงไม่มีเหตุให้พิจารณาบรรเทาโทษ ทั้งนี้คำรับสารภาพของจำเลยเป็นการจำนนต่อหลักฐาน การกระทำผิดของจำเลยเป็นภัยร้ายแรง คุกคามต่อสังคม ไม่มีเหตุให้บรรเทาโทษตามกฎหมาย คำขอของจำเลยฟังไม่ขึ้น
เมื่อพิจารณาโทษทั้งหมดจำเลยมีความผิดตามฟ้อง หลายกรรมต่างกัน พิพากษาให้ลงโทษทุกกรรม รวมโทษทุกกระทง ประหารชีวิต และปรับเงิน 1,000 บาท พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียทุกคน รวมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จนกว่าจะแล้วเสร็จ