กรณีมีรายงานข่าวว่าเมื่อวันที่ 26 ส.ค.63 นายอนามัย วงศ์ศรีชา พ่อของน้องชมพู่ ถูกตำรวจเรียกตัวไปสอบปากคำ ซึ่งล่าสุดทีมข่าวได้สอบถามพ่อของน้องชมพู่ ให้ข้อมูลว่า ไม่ได้ถูกเรียกไปสอบปากคำ เพียงแต่ตำรวจสอบถามข้อมูลว่าในวันเกิดเหตุ แม่น้องชมพู่ไปวัด GPS สวนยางจริงหรือไม่
คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่
ล่าสุดวันที่ 27 ส.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่หมู่บ้านกกกอก ไปพูดคุยกับนายม็อค (สงวนชื่อ-นามสกุล) สามีของนางนลิน เปิดเผยว่า ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 11 พ.ค.63 ซึ่งเป็นช่วงเกิดเหตุ เวลาประมาณ 09.00 น. ขณะที่ตนและนางนลินกำลังขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับ ก็เห็นแม่น้องชมพู่ ลุงพล ป้าแต๋น กำลังจับ GPS สวนยางของพวกเขาอยู่ ตนและนางนลิน จึงได้เข้าไปหาพวกเขาในสวนยาง พูดคุยเรื่องจับ GPS ด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคนทั้งหมด 5 คน คือ ตน นางนลิน ลุงพล ป้าแต๋นและแม่น้องชมพู่ ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ลุงพลชวนพวกตนไปส่งพระสุรัตน์ ที่อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร
โดยนั่งคุยกันประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นก็ช่วยกันหยอดน้ำกรดที่จอดยาง แต่ไม่ทันเสร็จลุงพลกับป้าแต๋นก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับไปก่อน แต่นางนลิน ก็ช่วยแม่น้องชมพู่หยอดน้ำกรดอีกครู่หนึ่ง หลังจากนั้นตนและนางนลิน ก็เดินทางกลับ โดยจำได้ว่าแยกกับแม่น้องชมพู่ ในเวลาประมาณ 09.30 น. เพราะตนกับนางนลิน รีบไปส่งพระกับลุงพล ซึ่งตนเป็นพยานได้ว่า ช่วงเวลา 09.00 - 09.30 น. แม่น้องชมพู่ อยู่ที่สวนยางจริง ๆ
นายม็อค ยังบอกอีกว่า ถ้าหากตำรวจจะมีการสอบสวนใหม่ทั้งหมด ตนก็ไม่อยากให้สอบสวนใหม่ เพราะชาวบ้านก็คงจำรายละเอียดไม่ได้ทั้งหมด และถ้าสอบสวนใหม่ชาวบ้านก็จะเดือดร้อน เพราะไม่ได้ออกไปทำมาหากิน อย่างไรก็ตามสำหรับการพักคดีนั้น หากไม่ได้หลักฐานอะไรตนก็อยากให้พักคดี แต่ถ้าตำรวจไม่พักคดี ตนก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เพราะมันเป็นหน้าที่ของเขา
นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ บอกว่า "ที่ตำรวจลงพื้นที่มาสอบนั้น ก็อาจจะมีบางข้อมูลมีประโยชน์กับคดี แต่ถ้ามีการสอบสวนใหม่ แม่ก็กังวล เพราะตลอด 3 เดือนที่ตำรวจทำงาน แม่ก็มีความหวังมากแล้วว่าจะจับคนร้ายได้"
กรณีเมื่อวันที่ 21 ส.ค.63 ที่ผ่านมา รถของตำรวจชุดสืบสวน เป็นรถโตโยต้า เวลไฟร์ ได้ติดหล่มภายในหมู่บ้านกกกอก และนายอนามัย วงศ์ศรีชา พ่อของน้องชมพู่ ได้ใช้รถไถเข้าไปช่วยลากขึ้น
โดยในวันเกิดเหตุนั้นฝนตก มีน้ำท่วมขัง เนื้อดินเหนียว มีความลื่น ขนาดหลุมความกว้าง 1 เมตร ความยาว 2 เมตร ความลึก 15 ซม. ซึ่งพ่อน้องชมพู่ใช้รถไถลากรถของตำรวจ โดยใช้เวลาแค่ 5 วินาที ก็สามารถลากขึ้นมาได้
ทีมข่าวได้ทดสอบนำรถกระบะลงไปติดหล่ม ซึ่งวันนี้ฝนไม่ตก แตกต่างจากวันที่เกิดเหตุฝนตก แต่หลุมหล่มก็ยังคงมีอยู่ โดยได้ใช้รถกระบะจำลองว่าล้อหน้า 2 ล้อติดหล่มแทนรถของตำรวจ แต่สามารถขึ้นจากหล่มได้เองโดยที่ไม่ใช่รถลาก ใช้เวลาเพียง 5 วินาที เนื่องจากวันนี้ฝนไม่ตก ดินไม่มีความเหนียว จึงสามารถขับรถขึ้นจากหล่มได้เอง
ทั้งนี้บนโลกออนไลน์ ยังมีชาวเน็ตจึงตั้งข้อสังเกตว่า รถติดหล่มแค่ 2 ล้อหน้า ทำไมจะขึ้นไม่ได้ ทำไมต้องใช้รถไถของนายอนามัยลากขึ้นมาด้วย
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี สอบถามไปยัง นายจักษ์ทอง นาวาศุภพานิช นักแข่งรถชื่อดัง และนักธุรกิจเดินเรือรายใหญ่ กล่าวให้ข้อมูลว่า รถรุ่นดังเป็นรถโตโยต้าเวลไฟร์ มีกำลังสูงสุด 182 แรงม้า และขับเคลื่อนด้วยระบบ 2 ล้อหน้า นี่จึงเป็นสาเหตุที่รถติดโคล่น แล้วแทบจะไม่สามารถขึ้นเองได้เลย
ส่วนประเด็นความลึกของโคลนที่ล้มจมลงไป 15 ซม.นั้น ความจริงก็เกือบจะมิดล้อแล้ว จึงเป็นอีกเหตุผลที่รถขึ้นจากหล่มไม่ได้ ฉะนั้นรถรุ่นนี้แค่ความลึกของโคลนเพียง 10 ซม. ก็แทบไม่สามารถขึ้นเองได้แล้ว
ทั้งนี้ถ้าจะใช้กำลังคนช่วยกันเข็นรถขึ้นจากโคลน ต้องใช้มากว่า 10 คนขึ้นไป เพราะน้ำหนักรถที่มากถึง 2 ตัน จำนวนคนเพียง 4-5 คนอย่างไรก็ยากที่จะช่วยกันเข็นขึ้นได้ ดังนั้นเวลาในการเข็น จึงขึ้นอยู่กับจำนวนคนว่ามีคนกี่คน
นอกจากนี้หากจะใช้รถลัมโบร์กินี 700 แรงม้า มาลากรถคันนี้ขึ้นจากโคลน ตนยืนยันได้เลยว่าไม่ขึ้นแน่นอน เพราะหลักการแล้วไม่เกี่ยวข้องกับแรงม้า อย่าเข้าใจผิด แต่มันขึ้นอยู่กับรถขับเคลื่อนกี่ล้อ หากใช้รถฟอร์จูนเนอร์ รถปาเจโรสปอร์ต หรือ BMW เอ็กส์ 5 ที่เป็นรุ่นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งรถรุ่นจำพวกนี้น้ำหนักมากว่าคนที่ติดโคลน รับรองว่าลากขึ้นแน่นอน
ดังนั้นการใช้รถไถลากจูง จึงเป็นสิ่งที่ทำถูกต้องแล้ว เพราะแรงฉุดของรถไถออกแบบมาด้วยพละกำลังที่สูงมาก ๆ และล้อรถไถที่สามารถตะกุยพื้นหรือดินได้มากกว่ารถธรรมดามากถึง 3 เท่า
นางสมพร หลาบโพธิ์ ป้าของชมพู่ เปิดเผยว่า เรื่องนี้ตนยืนยันได้ว่า แม่ชมพู่ไปกับตนจริง หากตำรวจจะถาม ตนคิดว่าเรื่องนี้ต้องมาถามคนที่ไปด้วย หากไปถามคนที่ไม่ได้ไปด้วยก็คงจะไม่รู้เรื่อง
คนที่ไปวันนี้ก็มีจะแม่ชมพู่ ป้าถอน ลุงม๊อค ตนและลุงพล หากจะมีคนที่จะเห็นอีก คือ ตาชาญ และยายสมควร แต่คนที่มั่นใจว่าอยู่ด้วยแน่นอน คือ กลุ่มคนที่อยู่ที่ 5 คน โดยเฉพาะป้าแต๋น กับลุงพล
ทั้งนี้ตนยืนยันได้ว่า ความคิดที่ว่าแม่ชมพู่ไม่ได้ไปวัดจีพีเอสเป็นไปไม่ได้ เพราะเราอยู่ด้วยกัน หากให้เป็นพยาน ตนก็พูดได้ มันไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าตนพร้อมหรือไม่ในการไปเป็นพยาน แต่ตนอยู่ตรงนั้นจริง ๆ และแม่ชมพู่ก็อยู่ ดังนั้นตนก็พูดได้ หากตนไม่อยู่คงทำอะไรไม่ได้
พ.ต.อ.ชัชชัย วงศ์สุนะ รองผบก.ภ.จว.มุกดาหาร บอกว่า "ตำรวจก็ไม่เคยออกมาพูด หรอืเปิดเผยข้อมูลส่วนนี้ จึงอยากวอนให้ทุกฝ่ายที่สนใจในคดี รอการแถลงผลของการสอบสวนของตำรวจ อย่าไปหลงเชื่อบางข้อมูลที่ไม่มีที่มาที่ไป"
Advertisement