ตลกเอกลักษณ์ "อรชร เชิญยิ้ม" ได้เปิดใจถึงชีวิตส่วนตัวในรายการ APOP บันเทิง 34 ออกอากาศทุกวัน จันทร์ - พฤหัสฯ ยกเว้นวันศุกร์ เวลา 19.45-20.15 น.ทางช่องอมรินทร์ทีวี ช่อง 34 โดยเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นสาวประเภทสอง เพราะเป็นแล้วได้เงิน ปกติจะแต่งตัวธรรมดา ยอมรับลูกโดนแซวที่โรงเรียนว่ามีพ่อเป็นตุ๊ด แต่ลูกก็เข้าใจในอาชีพของพ่อ
ล่าสุด (16 ม.ค.) ทีมข่าวอมรินทร์ได้เจอตัว “อรชร เชิญยิ้ม” ที่มาถ่ายซิทคอมเรื่อง “ฮาตามนัด” ที่จะออนแอร์ทางช่องอมรินทร์ที่วี 34 ของเราในเดือนมีนาคมนี้ ทีมข่าวจึงขออัพเดทชีวิตตลกคนนี้อีกสักหน่อย
เปิดใจเรื่องเป็นกะเทย เรื่องลูกโดนล้อ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
“ก็ไม่ได้โดนล้ออะไรแล้ว ทำให้เขาภูมิใจ ทำให้เขาดีใจ เขาบอกดีใจมากเลย ที่แบบว่าวันเกิดเราก็ซื้อของขวัญวันเกิดให้เขาไม่เคยแคร์ใครนะ ใครจะพูดยังไงก็ช่าง เขาดีใจนะ มีทั้งพ่อทั้งแม่ในตัวคนเดียว”
แล้วเวลาเราอธิบายลูก สอนลูกเราสอนยังไง?
“เราจะสอนว่า ทำตัวดีๆนะ อย่าดื้อนะ ฟังย่า แต่พ่อจะนานๆไปที นานๆคุยกัน แต่พ่อจะบอกว่าทำตัวดีๆนะ จะยังไงพ่อก็ไม่ทิ้ง พ่อก็จะไม่มีคนใหม่ ยังไงเราก็จะได้อยู่ด้วยกัน พ่อก็จะอยู่ของพ่อแบบนี้ เขาก็เข้าใจรับได้”
แล้วตอนแรกที่อธิบายยังไงบ้างครับ?
“เขาก็ยังงงๆแต่เวลามา ใกล้ชิดมากๆ มันจะซึมลึก แล้วความรู้สึกของเขา เขาจะแบบพ่อไม่ทิ้ง พ่อไม่มีใคร เขากลัวพ่อไปรักคนอื่นมากกว่า แต่เราก็คือจะแบ่งให้เขา โดยย่าจะสอนว่าถ้าไม่มีพ่อเราก็จะลำบาก เราก็จะไม่มีกินนะ”
นี่มีลูกก่อนที่จะเป็นกะเทยหรือว่ายังไง?
“มีก่อนแหละ ถือว่าช่วงนั้นเราพลาดแล้วกัน เราไม่ได้คุม”
อันนี้พูดถึงจริงๆแล้วก็มีตลกหลายๆท่านที่มีครอบครัวด้วย แต่ก็เป็นกะเทย?
“ใช่ค่ะ ก็มีหลายท่านอย่างที่เห็นกันอยู่แต่เราคิดว่าทุกคนต่างจิตต่างใจว่ากันไม่ได้ มันเป็นความสุขของแต่ละบุคคล แต่เราทำแบบนี้เรามีความสุขแล้ว แล้วก็มีเวลาให้กับครอบครัวด้วย”
ก็คือเราเป็นตลก ก็ยังเป็นคนอยากมีลูก?
“ใช่ ทุกคนแหละ มันอยากมีความสุข อนาคตบั้นปลายชีวิตแต่ละคน มันเลือกกันไม่ได้หรอก มันแบ่งไม่ได้หรอก อย่างชร นี้ ชรเลือกถูกแล้ว ที่เป็นแบบนี้”
มีตลกบางท่านไหมครับที่แบบ แต่งงานแล้ว มีลูกแล้วแล้วเพิ่งมารู้ตัวทีหลัง?
“ก็เห็นๆ กันอยู่นะ เราจะไม่เอ่ยชื่อ มันต่างจิตต่างใจ แต่อย่างชร ชรพูดเลยว่าชรเป็นและรับประกันได้ว่า ชรจะไม่ย้อนเวลาแน่นอน จะใช้ชีวิตแบบนี้และจะไม่มีสามีอย่างแน่นอนโดยเด็ดขาด”
แล้วภรรยาว่าไง?
“เก็บไว้คิดก่อน ล้อเล่น”
ก็ยังอยู่ด้วยกันปกติ?
“ไม่ได้อยู่ด้วยกันค่ะ แต่เขาก็คงรู้ตัวอะไรประมาณนี้ ต่างคนต่างทำงาน ไม่มีเวลาให้กัน เรายังต้องทำงานตรงนี้ เรายังมีภาระ มีพันธะต่างๆ มีครอบครัวมีหลานที่ต้องดูแลเต็มบ้าน”
ไม่ได้แยกกันอยู่?
“ก็คือโทรคุยกัน ต่างคนต่างอยู่ เค้าก็อยู่ต่างจังหวัดอะไรประมาณนี้”
แล้วลูกก็อยู่กับทางคุณแม่ ก็มาเจอบ้าง?
“ก็บางครั้งเขาก็โทรมาหา แต่ก็จะชวนไปอยู่ แต่ก็ไม่ไป เขาก็น้อยใจ ว่าทำไมตอนเล็กๆไม่ดูแลเขา โตแล้วจะเอาเขาไป ไม่เอาหรอก เขาจะอยู่กับย่ากับแม่”
มันเกิดจากอะไร?
“ก็ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกัน จะเล่นเฟซบุ๊กบ้าง เขาจะส่งรูปมา จะโทรคุยบ้าง แต่ก็เป็นเพื่อนกันแล้ว”
ถึงเราจะเป็นแบบนี้แต่ความเป็นพ่อเราเต็มเปี่ยม?
“เต็มเปี่ยมค่ะ”
แล้วงานวันพ่อ ถ้าเขาให้ไปเราไปมั้ย?
“วันพ่อก็ไป วันแม่ก็ไป แต่วันนั้นพี่สาวบอกอย่าไปนั่งเลย พี่สาวไปนั่งแทน ก็ไหว้พี่สาวแทนแม่ เขาก็เรียกพี่สาวแทนแม่ วันพ่อเขาก็จะมี คิดถึงพ่อนะ รักพ่อนะ”
แล้วเราได้ไปโรงเรียนมั้ย?
“ไม่ค่อยได้ไป พอถึงวันพ่อทีไรจะติดงานตลอด แต่ใจน่ะอยากไป ถ้าว่างจริงๆ ถ้ามีโอกาสทุกครั้งจะไปหมด”
เค้าก็อยากให้ไปใช่มั้ย?
“เขาก็อยากให้ไป เขาก็เรียกพ่อ เพื่อนเขาก็มอง เพราะบางทีเราก็ใส่หมวกบ้าง ผูกโบว์บ้าง ทุกวันนี้ที่เป็นแบบนี้เราได้ตังค์แล้ว เราคือจบแล้วเราไม่คิดอะไรมาก”
ถ้าไปโรงเรียน ถ้าเราแต่งตัวแบบนี้ไปคนจะมองเราก็ไม่สนใจใช่มั้ยครับ?
“อ่อ ไม่เคยแต่งตัวแบบนี้ จะนุ่งเกงยีนส์ธรรมดา รองเท้าผ้าใบ แต่ถ้าไปงาน ก็จะแวะหาแม่ก่อนก็จะแต่งตัวผู้หญิงแบบนี้ ลูกเห็นก็จะขำ แม่เขาก็บอกว่าย่าสอนตลอดว่าพ่อเป็นแบบนี้เพราะอะไร เพราะพ่อได้ตังค์ โกรธพ่อมั้ย เขาก็จะตอบว่า “ไม่” ดีใจซะอีกที่พ่อไม่ทิ้งเขาแล้วส่งเสียเขาเรียนด้วย”