จากกรณี นายเวฒสุวรรณลักษณา เมฆาจันนัฒกาจ หรือ "เน โฮฟาทูร่า" เน็ตไอดอลที่ชอบแต่งตัวคอสเพลย์แบบญี่ปุ่น และตั้งตัวเป็นปรมาจารย์สำนักดาบทาบูราชิ ได้ถูกตำรวจจับกุมเหตุพยายามข่มขืนลูกศิษย์หญิงวัย 10 ขวบ ที่มาเรียนดาบ โดยถูกตั้งข้อหากระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (29 ม.ค.) นางเป้ (สงวนชื่อ-นามสกุล) น้าสาวของน้องฝ้าย (นามสมมติ) หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนกับนายเน เคยศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนแห่งเดียวกัน หลังจากเรียนจบไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย จนกระทั่งมาทราบว่า อยู่ข้างบ้านและเป็นคนดัง เวลาเจอกันมักจะยิ้มทักทายกันเพียงเท่านั้น
ต่อมา น้องฝ้าย ได้ไปเรียนพิเศษที่บ้านหลังหนึ่งภายในซอย แล้วต้องเดินผ่านบ้านของนายเน ทุกครั้ง โดยบริเวณบ้านของนายเน จะมีเด็กวิ่งเล่นกันเป็นประจำ จึงทำให้น้องฝ้ายเกิดความสนใจ อยากที่จะเข้าไปเล่นด้วย
จนมาวันเกิดเหตุ น้องฝ้าย ได้ไปเล่นที่บ้านของนายเน โดยไม่ได้แจ้งให้ใครทราบ และไม่ขออนุญาตคนในบ้าน ตอนนั้นตนรู้สึกแปลกใจที่น้องฝ้ายได้หายไป
หลังจากนั้น นางเป้ ได้ไปสอบถามจากลูกศิษย์ของนายเน แต่ไม่ได้รับคำตอบ ก่อนที่จะเดินทางไปแจ้งความ แล้วมาทราบภายหลังว่า นายเนให้น้องฝ้าย เข้าไปล้างตัวในห้องน้ำ แล้วถอดเสื้อผ้าออกให้หมดและให้นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมา หลังจากห้องน้ำ นายเน กรีดข้อมือตัวเอง แล้วนำเลือดมาผสมน้ำ เพื่อนำมาเขียนลงอักขระที่ตัวน้อง โดยใช้ผ้าปิดตา หลังจากนั้นพยายามลวนลาม โดยใช้อวัยวะเพศสอดใส่
นางเป้ จึงตัดสินใจชักชวนเพื่อนไปถ่ายคลิปวิดีโอเป็นหลักฐาน เพราะรู้ว่าเน เป็นคนดัง ต้องมีคนให้ความสนใจ และคงจะมีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ
หลังจากเกิดเรื่อง ตนได้พาน้องฝ้ายไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย ผลออกมาว่า น้องไม่ติดเชื้อจากการถูกอวัยวะเพศสอดใส่ มีเพียงรอยแผลถลอกเท่านั้น แต่ตนคิดว่าเพียงเรื่องแค่นี้ก็สามารถเอาผิดนายเนได้
ในวันนี้ตนมารอฟังผลตรวจเลือด และรอพบนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ และแพทย์จากนิติเวช เพื่อตรวจสอบสภาพจิตใจ ก่อนจะรวบรวมสำนวนทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ ก็คงทราบผล
ส่วนสภาพจิตใจของน้องฝ้าย ขณะนี้ยังไม่ค่อยปกติ เนื่องจากมีบางช่วงที่น้องฝ้ายร้องไห้ หรือซึม เนื่องจากน้องฝ้ายถูกเพื่อนและคนรอบข้างถามว่า "ถูกข่มขืนหรือ" เพราะปกติแล้วน้องฝ้ายจะร่าเริง ขี้เล่น
ขณะเดียวกัน นายอภิรักษ์ ชัชอานนท์ หรือ "เสี่ยโป้" ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ถึงเรื่องของนายเน ว่า "เทพเนโฮฟาทูร่า ท่าทางจะโดน...ในเรือนจำ" เสี่ยโป้ ได้เล่าให้ฟังว่า ตนรู้จักกับนายเน เมื่อช่วงประมาณปี พ.ศ.2555-2556 เพราะตนได้ขึ้นชกมวยแทน "เน วัดดาว" เนื่องจาก นายเน มีปัญหาเรื่องสุขภาพ แต่ตนไม่ทราบถึงสาเหตุถึงการชกมวยในครั้งนั้น
ตอนนั้นตนไม่ได้รู้จักกับนายเน แต่ทราบเพียงว่านายเน มีกลุ่มของนักฟันดาบ ที่มีลูกศิษย์เพียงไม่กี่คน มีผู้หญิง 2 คนและผู้ชายอีก 2 คน สวมใส่ชุดสีดำในลักษณะนักฟันดาบ
ก่อนขึ้นชก นายเนได้วางกติกาว่า ถ้าหากเสี่ยโป้พ่ายแพ้ จะต้องฝากตัวเป็นศิษย์กับนายเน แต่ผลการแข่งขันที่ออกมาช่วงนั้นที่ตนต่อยกับนายเนคือเสมอกัน
เสี่ยโป้ ได้เล่าย้อนถึงเหตุการณ์ที่ได้ขึ้นชกกับนายเน ว่าก่อนการแข่งขัน นายเน พยายามพูดจาทำนองว่า ตัวเองเก่ง ถ้าการแข่งขันครั้งนี้ตัวเองใช้ดาบ เสี่ยโป้ จึงท้าทายบ้างว่า ตนมีมีดสั้น แต่นายเน ได้พูดจายั่วโมโห จึงได้นำไม้คมแฝกตีนายเน ก่อนขึ้นชก
นอกจากนี้ เสี่ยโป้ ยังเล่าว่า ตอนนั้นรู้สึกว่า นายเน ไม่ค่อยปกติ เหมือนกับคนที่มีอาการป่วย เพราะ นายเน ดูอินกับหนังการ์ตูนญี่ปุ่น เพราะแสดงท่าทางปล่อยพลังให้ตนดู
สำหรับคดีที่เกิดขึ้น ที่มีพิธีกรรมฝากตัวเป็นศิษย์ ด้วยการใช้เลือดขีดเขียนยันต์บนร่างกายด้วย เสี่ยโป้ คิดว่าเป็นพิธีกรรมที่ไม่ปกติ ตนคาดว่า นายเน น่าจะป่วยมากกว่า
เสี่ยโป้ บอกอีกว่า ที่ตนเองโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว เพราะรู้สึกว่า นายเน ไม่น่าจะทำเช่นนี้ เพราะผู้เสียหายยังเป็นเด็กชั้นประถมศึกษาเท่านั้น ตนจึงมองว่ารสนิยมของ นายเน แปลกไป เนื่องจาก ก่อนหน้านี้ตนเคยเห็นว่า นายเน ยังมีแฟนวัยเดียวกันที่ค่อนข้างหน้าตาดี
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้โทรศัพท์สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าข้าม ได้ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ผู้เสียหายทั้งสามรายได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายเน เพียงข้อหาเดียว คือกระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่ถึง 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม
ในระหว่างนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรอผลการตรวจร่างกาย จากแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อนำมาประกอบคดี ในการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับ นายเน ซึ่งได้ฝากขังไว้ที่เรือนจำศาลอาญาธนบุรี
สำหรับเพื่อนร่วมบ้านเช่าของนายเน ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรู้เห็นเป็นใจให้นายเนกระทำความผิดด้วยหรือไม่ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติม ภายหลังจากสอบปากคำเด็กผู้เสียหายทั้ง 3 รายในวันพุธที่ 31 ม.ค. นี้
ขอบคุณภาพจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก เนโฮฟาทูร่า