จากกรณีเวลาประมาณ 22.00 น. ของคืนวันที่ 28 ส.ค. 63 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบ้านไร่ จ.อุทัยธานี รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกทำร้ายจนเสียชีวิต ที่บริเวณไร่นา บ้านอีมาดอีทราย หมู่ 4 ต.แก่นมะกรูด อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี จึงลงตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกู้ชีพ กู้ภัยอำเภอบ้านไร่ และแพทย์เวร โรงพยาบาลบ้านไร่
โดยที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชายสวมเสื้อสีน้ำเงินแขนยาว กางเกงยีนส์ขายาว นอนหงายเสียชีวิตในสภาพถูกตัดศีรษะขาดออกจากตัว ห่าง 30 เมตร ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายอนุวัฒน์ กระแหน่ ชาวกระเหรี่ยง อายุ 23 ปี ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายอนุชา กระแหน่ อายุ 33 ปี พี่ชายของผู้ตาย
กระทั่งวันที่ 31 ส.ค. 63 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายอนุชา กระแหน่ อายุ 33 ปี ผู้ก่อเหตุได้แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจดักซุ่มอยู่แถวไร่ของนายอนุชา และพบสุนัขของนายอนุชาเดินออกมา เป็นหมาตัวผู้สีขาว อายุประมาณ 1 ปี ชื่อปุ๊ จากนั้นพบว่านายอนุชาได้เดินตามออกมาที่พัก จึงได้เข้าจับกุมตัว
ล่าสุด วันที่ 1 ก.ย. 63 เวลา 09.30 น. บรรยากาศที่ สภ.บ้านไร่ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สิงห์ไกร ผกก.สภ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ได้แถลงข่าวจับกุมคนร้ายในคดียิงและฆ่าตัดศีรษะนายอนุวัฒน์ หนะแหน่ อายุ 23 ปี น้องชาย ซึ่งผู้ต้องหาสารภาพกล่าวอ้างว่าสาเหตุที่ฆ่าน้องชาย เกิดจากความแค้นสะสมมานาน เนื่องจากน้องชายชอบทำร้ายเป็นประจำ จนเกิดความกดดัน วันเกิดเหตุก็ได้ทะเลาะกับน้องชายและน้องชายก็ได้ท้าทายให้ยิง ตนจึงยิงน้องชายและตัดศีรษะไปด้วยความโกรธแค้น
ส่วนปมเหตุเรื่องที่ดินก็เป็นเพียงส่วนหนึ่ง เนื่องจากผู้ต้องหาต้องการที่ดินเพิ่ม นอกเหนือจากที่ครอบครัวแบ่งเอาไว้ให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธและเครื่องกระสุนปืนในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุจำเป็น
จากนั้น เวลาประมาณ 11.00 น. ตำรวจได้เดินพาผู้ต้องหาเดินทางจาก สภ.บ้านไร่ มายังจุดเกิดเหตุห่างกันประมาณ 17 กม. ซึ่งเป็นพื้นที่กลางป่าเขา และเป็นจุดอับสัญญาณโทรศัพท์ ตำรวจได้สอบถามทางผู้ต้องหาถึงจุดซ่อนปืน ซึ่งผู้ต้องหาได้บอกกับชาวบ้านที่ชำนาญเส้นทาง ทางตำรวจจึงให้ชาวบ้านนำไป และพบของที่ผู้ต้องหาซ่อนไว้ ได้แก่ ปืนลูกซอง มีดปลายแหลม ข้างสาร และเสื้อผ้า 1 ชุด ซึ่งวางซ่อนอยู่ตามซอกหิน
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาเดินทางมายังจุดเกิดเหตุเพื่อให้ผู้ต้องหาชี้จุดและทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จุดแรก ผู้ต้องหาเล่าว่าขณะที่ตอนเองอาศัยอยู่ในกระต๊อบกลางไร่ น้องชายที่มีที่นาติดกันก็เดินทางมาที่ไร่ ตะโกนทะเลาะกันเรื่องที่ดิน
ซึ่งน้องชายตนอยากได้ที่ดินบ่อน้ำแห้ง ๆ เพื่อจะทำเป็นบ่อเลี้ยงปลาดุก แต่ตนเองไม่ให้ จึงด่าทอกันหยาบคายอีก ต่างฝ่ายต่างอารมณ์ร้อนจึงท้าทายกันไปมา ตนจึงข่มขู่น้องชายก่อนที่น้องชายจะท้าตนว่า "แน่จริงเข้ามาดิ" ตนจึงยิง 1 นัดทันที
จุดที่ 2 ได้เดินจากกระต๊อบของตน มาดูตรงที่น้องล้มลง พบน้องเสียชีวิตไปแล้ว จึงไปหยิบมีดปลายแหลมทำครัว และเดินกลับมายังศพน้องฟันเข้าที่บริเวณลำคอของน้องสองครั้ง จนศีรษะหลุดออกจากร่าง และหยิบศีรษะน้องโยนลงไปที่บ่อน้ำแห้งขอดที่อยู่ใกล้กัน ห่างจากร่างประมาณ 30 เมตร จุดที่ 3 เดินกลับมาที่กระต๊อบเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมข้าวเครื่องใช้ พร้อมอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ เดินทางเข้าป่าหลบหนีไปกบดาน
นายอนุชา เผยว่า ตอนนี้แม้น้องจะตายไปแล้ว ตนก็ยังรู้สึกโกรธมาก และหลังก่อเหตุก็ไม่คิดว่าจะไปกราบศพด้วย ผ่านมาหลายวันก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม ตอนนี้ตนเองยังไม่ได้เจอแม่ เจอเพียงพี่สาวและหลาน ๆ ตนก็ได้ฝากฝังให้พี่สาวดูแลแม่ และดูแลสวนทุเรียนของตนที่ปลูกไว้ 20 ต้นด้วย
โดยนางไพลิน กระแหน่ อายุ 38 ปี พี่สาวคนโตเดินเข้ามากอดน้องชาย และพูดคุยกันเป็นภาษาพื้นถิ่นกระเหรี่ยง บอกว่า ตนเองได้บอกน้องชายให้อดทน ไม่ต้องห่วงทางนี้ ซึ่งน้องชายก็บอกตนว่าให้ดูแลแม่ด้วย ตนดีใจที่อย่างน้อยน้องก็ไม่ได้คิดสั้นฆ่าตัวตาย ซึ่งน้องชายคนนี้เป็นคนที่ห่วงพี่ห่วงน้องมาก
ส่วนที่น้องชายบอกว่ายังไม่หายโกรธน้องชายคนเล็ก ตนก็คงแล้วแต่น้องชาย ซึ่งน้องก็คงโกรธน้องคนเล็ก และเจ็บใจกับที่น้องคนเล็กเคยทำร้ายหลายครั้ง ตนเข้าใจน้องเพราะที่ผ่านมาน้องชายคนนี้พยายามหลีกเลี่ยง แต่ครั้งนี้น้องคงทนไม่ไหวจริงๆ