ความคืบหน้ากรณี นายกิตติพัฒน์ เปียรักษา หรือ ต๊ะ อายุ 23 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุวรรณภูมิ ศูนย์นนทบุรี หลังไปหาเพื่อนที่คอนโดฯ ถนนรัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี
โดยมีชาย 2 คนอ้างตัวเป็นตำรวจ และเป็น ผจก.คอนโดฯ กล่าวหาตนกับเพื่อนพกพาอาวุธเข้ามาก่อกวน ตนพยายามชี้แจงแล้วแต่ถูกชักปืนออกมาขู่ทำร้ายตนผลักตกบันได ต่อย เตะหน้า กระทืบจนเกือบหมดสติ ตามที่มีการเสอนข่าวไปแล้วนั้น
วันที่ 5 ก.ย. 63 ทีมข่าวเดินทางไปที่คอนโดฯ จุดเกิดเหตุสูง 14 ชั้น จำนวน 746 ห้อง สังเกตว่ามีกลุ่มนักศึกษามาเช่าอยู่อาศัยบางส่วน เนื่องจากอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุวรรณภูมิ จากการสอบถามนิติบุคคลคอนโดให้ข้อมูลว่า กลุ่มนักศึกษาจะมาเช่าอาศัยอยู่เพราะมีราคาเช่าไม่สูง เดือนละ 2,000-2,500บาท ค่อนข้างถูกกว่าหอพักย่านนี้ และกลุ่มนักศึกษาจะเช่าตรงจากเจ้าของห้อง ไม่ได้เช่าผ่านนิติบุคคล
ดาบตำรวจชูเกียรติ เจริญธง อายุ 63 ปี อดีตตำรวจสังกัดภาค 1 ในฐานะผู้จัดการคอนโดฯ พร้อมกับการ์ด 4-5 คน พูดคุยกับทีมข่าว และบอกว่า "อยากถามอะไรก็ถาม ผมพร้อมตอบ ไม่หนี ไม่ผิด"
ดาบตำรวจชูเกียรติ บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่ามีการทำร้ายร่างกายเด็กจริง แต่เป็นการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของคนที่อยู่ภายในคอนโดฯ เพราะตนเองทำหน้าที่ในฐานะผู้จัดการ ต้องดูแลความปลอดภัยให้กับทุกคน มีคนมาแจ้งว่ากลุ่มนักศึกษากับกลุ่มวัยรุ่นมีเรื่องกัน พร้อมทั้งมีอาวุธติดตัวเข้ามาภายในคอนโดฯ ตนเองกับหัวหน้า รปภ. จึงตามขึ้นไป หลังจากนั้น เมื่อตนไปเจอกับนายต๊ะ นายอาร์ท คล้ายกับอยู่ในอาการมึนเมา จึงได้สอบถามและให้แสดงตัวว่าขึ้นมาบนคอนโดฯ เพื่ออะไร
จากนั้น นายอาร์ทแสดงบัตรประจำตัวประชาชน ส่วนนายต๊ะมีลักษณะคล้ายกับขัดขืน พร้อมทั้งมีการท้าทายว่า "น้ามีอะไร ตัว ๆ กับผมไหม" ทำให้หัวหน้า รปภ. จึงต้องมีการระงับ และจะเชิญตัวทั้งหมดลงไปจากตึก เพื่อไม่ให้เกิดเหตุบานปลาย แต่ก็มีการต่อสู้กันเกิดขึ้น จึงเป็นไปตามคลิป ทั้งนี้ ตนยืนยันว่า การทำร้ายเด็กเป็นสิ่งที่ทำเพื่อปกป้องคนอื่น เพราะไม่รู้ว่าเด็กพกอาวุธอะไรมา ที่สำคัญตนเองเตรียมที่จะแจ้งข้อกล่าวหาบุกรุกกับเด็ก 2 คน และไม่ได้มีความกังวล หากจะมีการแจ้งดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกาย ตนเองก็พร้อมสู้ตามกระบวนการ
สำหรับเรื่องของอาวุธปืนที่ปรากฏอยู่ในคลิป เป็นปืนพก แต่เป็นปืนพลาสติกที่ใช้ยิงนกพิราบ ไม่ใช่ปืนจริง และที่ใช้ออกมาข่มขู่ เพราะอยากให้เด็กเลิกมีพฤติกรรมเกเร อันธพาล ซึ่งหากยิงคงไม่ตาย เป็นกระสุนพลาสติก หลังจากนี้ ก็ให้ว่าไปตามกระบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะตัวเองพร้อมที่จะไปแสดงความบริสุทธิ์ใจ และเดินทางไปพูดคุยไกล่เกลี่ยที่โรงพัก
นางแขก แม่ค้าใต้คอนโด คนเห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุมีกลุ่มนักศึกษาเดินมา 2 คน ถือถุงขนมกำลังจะกลับขึ้นไปบนคนโดฯ เพราะนักศึกษา 2 คนพักอาศัยอยู่ที่นี่
แต่ช่วงที่เดินทางมาถึงใต้ตึกจุดจอดรถมอเตอร์ไซค์ ก่อนถึงประตูคีย์การ์ด มีชายวัยรุ่น 2 คน คือนายต๊ะ กับนายอาร์ท ผู้บาดเจ็บ ใส่ชุดลายพรางคล้ายเสื้อทหารมาดักรออยู่ทางเข้าคอนโดฯ จังหวะที่ 2 นักศึกษาคนเช่าอยู่ในตึกเห็นนายต๊ะกับนายอาร์ท จึงรีบพากันวิ่งไม่คิดชีวิตไปหลังคอนโดฯ กระโดดข้ามรั้วสีเขียวสังกระสี สูงประมาณ 120 เซนติเมตร เข้าไปในพื้นที่ส่วนบุคคล ซึ่งเป็นลานกว้าง นายต๊ะกับนายอาร์ทก็กระโดดข้ามตามไปติด ๆ แล้วมีเรื่องชกต่อยกัน
จากนั้น นายต๊ะกับนายอาร์ทเดินกลับมาเพียงลำพัง โชว์มือให้ตนเองดูว่าชก 2 นักศึกษาจนมือแตกมีเลือดไหล จากนั้นนายต๊ะ นายอาร์ทก็ขึ้นไปบนคอนโดฯ ตนเองจึงตัดสินใจแจ้งผู้จัดการคอนโดฯ ดาบตำรวจชูเกียรติ เจริญธง อายุ 63 ปี อดีตตำรวจสังกัดภาค 1 และแจ้งหัวหน้า รปภ. นายวราวุฒิ สัตยาลักษณ์ อายุ 41 ปี ว่ามีวัยรุ่น 2 คนใส่เสื้อลายพรางขึ้นไปข้างบนคอนโดฯ มีลักษณะคล้ายพกอาวุธ ขอให้ขึ้นไปช่วยดูแลกลัวว่าจะมีเรื่อง จากนั้นก็เป็นไปตามคลิปที่ปรากฏ ฝ่ายนายต๊ะและนายอาร์ทหาเรื่องผู้จัดการคอนโดกับหัวหน้า รปภ. ก่อน
จนกระทั่งหลังจากที่เกิดเรื่องที่ปรากฏตามคลิปแล้ว นายต๊ะและนายอาร์ทได้ลงมาจากชั้น 9 ด้วยสภาพอาการบาดเจ็บ กำลังจะมาที่รถมอเตอร์ไซค์ เจอกับคนขับรถส่งอาหาร ยังตะโกนหาเรื่อง "มึงมองหน้าทำไม มีเรื่องกับกูไหม" ส่วนตัวยอมรับว่าเด็กทั้ง 2 คนค่อนข้างก้าวร้าว หาเรื่องคนไปทั่ว เท่าที่สังเกตคาดว่าอยู่ในอาการมึนเมาด้วย
ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 13.20น. ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ดาบตำรวจชูเกียรติ เจริญธง อายุ 63 ปี อดีตตำรวจสังกัดภาค 1 ในฐานะผู้จัดการคอนโด, นายวราวุฒิ สัตยาลักษณ์ อายุ 41 ปี หัวหน้ารปภ.คอนโด เจ้าของปืน เดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวน ซึ่ง พ.ต.ท.เฉลิมพบ จุมปูอา รองผกก.ฝ่ายสอบสวน รักษาการแทน ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ เป็นผู้สอบสวน
นายวราวุฒิ สัตยาลักษณ์ หัวหน้า รปภ. เปิดเผยช่วงที่กำลังเดินเข้าห้องสอบสวนสั้น ๆ ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นไปตามคลิป ไม่ขอชี้แจงอะไร แต่เป็นเพราะว่าถูกฝ่ายของกลุ่มนายอาร์ท และนายต๊ะ มีการหาเรื่องก่อนพูดท้าว่า "น้ามีอะไร ตัว ๆ ผมไหม" จึงทำให้ต้องมีการระงับเหตุ อีกทั้งเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ในฐานะหัวหน้า รปภ. ที่เหลือก็ให้ว่าไปตามกระบวนการของกฎหมาย
ตำรวจสอบปากคำครบถ้วนแล้ว ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที อนุญาตให้ทีมข่าวเข้าไปภายในห้องสอบสวน สังเกตว่าท่าทีและบรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนไป เนื่องจากได้มีการไกล่เกลี่ยกันเกิดขึ้น ตัวแทนของคอนโดฯ มอบเงินจำนวน 20,000 บาทให้ผู้เสียหาย เพื่อนำไปรักษาบาดแผล รวมถึงเป็นค่าเยียวยาสภาพจิตใจ จากนั้นนายวราวุธ หัวหน้ารปภ. จับมือร่วมกับผู้เสียหาย
ด้าน พ.ต.ท.เฉลิมพบ จุมปูอา รองผกก.ฝ่ายสอบสวน รักษาการแทน ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางด้านของนักศึกษาผู้เสียหาย มีการไกล่เกลี่ยพูดคุยกันเบื้องต้นว่าจะไม่มีการเอาเรื่องทางคอนโดฯ แต่ในส่วนของเหตุคดีทำร้ายร่างกายรอผลตรวจจากทางโรงพยาบาล แล้วมีการดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป ส่วนกรณีที่ดาบตำรวจชูเกียรติไม่ได้มีชื่ออยู่ในรายชื่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน แต่เป็นตำรวจที่เกษียณอายุราชการแล้ว
นายกิตติพัฒน์ เปียรักษา หรือ ต๊ะ อายุ 23 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 ผู้เสียหาย เปิดใจว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองยังคงยืนยันว่าในวันเกิดเหตุช่วงเย็น ตนเองกับนายอาร์ทเดินทางไปหาเพื่อนที่คอนโดฯ เพื่อไปสอบถามเกี่ยวกับตารางการเรียน โดยไม่ได้มีเรื่องกับใครมาก่อน ไม่ได้ไปชกต่อยใคร และไม่ได้พกพาอาวุธเข้าไปภายในคอนโดฯ ซึ่งภายหลังที่กดลิฟต์ขึ้นไปถึงชั้น 9 ก็เจอกับดาบตำรวจชูเกียรติ และนายวราวุฒิ มาดักรอ แล้วเกิดเหตุตามคลิป
และกรณีที่แม่ค้ากล่าวอ้างว่าตนเองกับนายอาร์ทวิ่งไล่และชกต่อยกับนักศึกษาต่างสถาบัน แล้วขึ้นมาบนคอนโดฯ ยืนยันว่าไม่ได้มีการตามพรรคพวกหรือตามใคร ขึ้นมาปรึกษาเพื่อนตามปกติ พร้อมทั้งแสดงความบริสุทธิ์ใจโชว์นิ้วมือให้ทีมข่าวดูว่าไม่ได้มีรอยแตก หรือบาดแผลจากการมีเรื่องกับกลุ่มนักศึกษาต่างสถาบัน โดยบาดแผลที่อยู่บนนิ้วมือฝั่งขวา เป็นแผลที่เกิดจากตอนโดนหัวหน้า รปภ.ทำร้าย แล้วตกบันไดมือกระแทก
ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในอาการมึนเมา แต่ในทางกลับกันตนเองกลับถูกทำร้ายร่างกาย ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่ได้มีความกังวลว่าจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาบุกรุกเคหสถาน เพราะตั้งใจเดินทางไปหาเพื่อน ไปพูดคุยเรื่องเรียน ไม่ได้ไปหาเรื่องใคร แม้ว่าจะได้รับเงินมาบางส่วน แต่ก็เชื่อว่ากฎหมายก็ยังต้องเดินต่อไป ตนเองก็คงจะติดตามความคืบหน้าทางคดีต่อไป