จากกรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก "เฮียขับรถ" โพสต์คลิปจากเจ้าของจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ เหตุเกิด วันที่ 3 ก.ย.63 เวลา 18.20 น. คนขี่บิ๊กไบก์ Kawasaki ninja zx 6r สีดำ ราคาประมาณ 4 แสนกว่าบาท หมายเลขทะเบียน 1-5069 สภ.เมืองพัทยา อายุ 19 ปี เดินทางมากับกลุ่มเพื่อนจากเมืองพัทยา แล้วเสียหลักหลุดโค้งไปพุ่งชนคนที่กำลังวิ่งอยู่บนรอบทาง บริเวณสะพานใหม่ตอนที่ 2 ตำบลบางทราย อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี
ล่าสุดวันที่ 7 ก.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมาที่ เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อพูดคุยกับคนขี่บิ๊กไบก์ มีท่าทางเครียด และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากการสอบถาม นายมิกซ์ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี คนขี่บิ๊กไบก์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ย.63 เวลาประมาณ 18.00 น. ตนขี่รถมากับกลุ่มเพื่อน และแวะพักกันที่ศาลากลางสะพานใหม่ โดยตนได้ขี่รถผ่านจุดเกิดเหตุแล้ว 1 รอบ และกำลังจะขี่กลับไปเป็นรอบที่ 2 แต่ขี่ไปเพียงคนเดียว
จังหวะที่ยูเทิร์นรถก่อนถึงทางโค้ง ตนขี่มาด้วยความเร็ว 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ตนไม่ได้ยกล้อ เพราะยกล้อไม่เป็น กระทั่งตนขี่มาถึงทางโค้ง และยังไม่เห็นคนเจ็บ ตนจึงขี่ชิดใน แต่บังเอิญเจอลูกระนาดเสียก่อน ตนจึงยืนขึ้นกำคลัตช์และพยายามชะลอรถ จาก 150 ถึง 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ตนไม่ได้เปลี่ยนเกียร์รถ ทำให้ไม่สามารถหยุดรถได้ ก่อนจะเสียหลักล้มชนคนที่เดินข้างทาง โดยหมวกกันน็อกของตนได้กระแทกกับแขนของคนเจ็บ
โดยตนพยายามสอบถามคนเจ็บ และทราบว่าได้รับบาดเจ็บบริเวณแขนข้างซ้าย ทั้งนี้ตนได้กล่าวขอโทษแล้ว และใช้ พ.ร.บ.รถช่วยค่ารักษาพยาบาล ซึ่งทางคนเจ็บไม่ได้ติดใจอะไร แต่หากคนเจ็บอยากจะเรียกร้อง ตนก็พร้อมจะรับผิดชอบ ในวันจันทร์หน้าจะไปเครียร์กันที่สถานีตำรวจอีกครั้ง เพราะต้องรอคนเจ็บสอบกลางภาคเสร็จสิ้นก่อน ซึ่งเบื้องต้นตนน่าจะถูกตั้งข้อหาขับขี่รถโดยประมาท และข้อหาขี่รถเฉี่ยวชนคนอื่น
ทั้งนี้ตนเห็นว่าเรื่องจบแล้ว จึงนำคลิปวิดีโอที่ถูกแชร์ออกไป ส่งให้เจ้าของ YouTube ช่อง Moto Plaza ลงคลิปวิดีโอ และให้เน้นว่าเหตุเกิดที่สะพานใหม่ จ.ชลบุรี เพราะพื้นที่ดังกล่าวเคยเกิดอุบัติเหตุขึ้นอยู่บ่อยครั้ง เลยอยากจะให้กรณีของตนเป็นอุทาหรณ์ของสังคม แต่ความหวังดีของตนกลับถูกสังคมโจมตี และด่าทอด้วยถ้อยคำรุนแรง โดยด่าถึงแม่ของตน และบางคนก็ส่งข้อความ หรือเข้ามาคอมเมนต์ด่าที่เฟซบุ๊ก ถึงขั้นแช่งให้ตาย
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนรู้สึกเสียใจมาก เพราะทำให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บ ตนได้แต่กล่าวขอโทษทางคนเจ็บทุกวัน หลังจากนี้ตนคงจะไม่ขี่รถแบบนี้อีกแล้ว และคงจะไม่กล้าขี่บนท้องถนนไปอีกนาน เพราะผลกระทบที่ตามมาไม่คุ้มค่า ตอนนี้ตนสมัครคอร์สเรียนบิ๊กไบก์ และเช่าที่ในสนามเพื่อฝึกขี่รถ เพราะตนตั้งใจจะเรียนจนกว่าจะชำนาญ แล้วค่อยกลับมาขี่รถบนถนนใหญ่อีกครั้ง
น.ส.เบลล่า (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ย.63 เวลา 18.30 น. ตนกับเพื่อนประมาณ 4 คน กำลังเดินออกกำลังกาย โดยตนเดินเรียงแถวกัน ตนเดินอยู่คนที่ 3 ขณะนั้นเพื่อนที่เดินนำหน้า 2 คน สังเกตเห็นรถบิ๊กไบก์ขี่มาด้วยความเร็ว และกำลังเหินขึ้นขอบทางมาชนกลุ่มของตน
โดยเพื่อนคนแรกได้ดึงเพื่อนคนที่ 2 หลบ ส่วนเพื่อนคนที่ 4 เดินอยู่ด้านในสุด จึงไม่เป็นอะไร แต่ตนมองไม่เห็นรถบิ๊กไบก์ ทำให้หลบไม่ทัน จึงล้มกระแทกกับของแข็งอย่างแรง ส่วนคนขี่บิ๊กไบก์เสียหลักล้มไปไกลหลายเมตร ประมาณ 10 เมตร
เบื้องต้นตนมีอาการเจ็บระบมบริเวณซีกซ้ายของร่างกาย แต่ส่วนที่เจ็บหนักสุด คือ บริเวณแขนข้างซ้ายยกไม่ได้ เพราะเส้นเอ็นยึด แต่ไม่ถึงขั้นหัก ส่วนเพื่อนคนที่ 1 มีรอยช้ำบริเวณเท้า และเพื่อนคนที่ 2 มีรอยช้ำบริเวณสะโพก ปกติแล้วตนจะไปเดินออกกำลังกายที่บริเวณจุดเกิดเหตุเป็นประจำ แต่หลังจากนี้ตนคงจะไม่กล้ากลับไปเดินเล่นแล้ว เพราะทางกู้ภัยเล่าว่า จุดที่เกิดเหตุค่อนข้างจะอันตราย และเสียชีวิตมาแล้วหลายศพ
ทั้งนี้คนขี่บิ๊กไบก์ได้กล่าวขอโทษตนแล้ว และใช้พ.ร.บ.รถ คุ้มครองค่ารักษาให้ตน โดยในตอนแรกตนไม่ได้รู้สึกโกรธทางคนขี่บิ๊กไบก์ เพราะทางคนขี่ยืนยันว่า พยายามจะเบรกรถแล้ว แต่คุมรถไม่อยู่ กระทั่งตนเห็นภาพในคลิปวิดีโอ และทราบว่า ขี่มาด้วยความเกิน 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งที่บนสะพานมีป้ายจำกัดความเร็ว ตนจึงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เพราะตนไม่ควรจะต้องได้รับบาดเจ็บ เพราะความประมาทของคนอื่น
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ตนได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงสอบกลางภาค ทำให้ตนขี่รถไปมหาวิทยาลัยไม่ได้ และใช้ชีวิตประจำวันค่อนข้างจะลำบาก สุดท้ายนี้ ตนอยากจะฝากเตือนภัยถึงผู้ขับขี่ว่า ควรจะขับขี่รถอย่างระมัดระวัง และทำอะไร ก็ควรจะ “เกรงใจใบขับขี่”