จากกรณีเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เข้าจับกุม นายเปรมชัย กรรณสูตร ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) พร้อมพวกอีก 3 คน ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พร้อมอาวุธปืนและซากเสือดำ ถูกชำแหละและถลกหนัง และใช้เกลือโรยในซากสัตว์ ต่อมาศาลจังหวัดทองผาภูมิ ได้ให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด
วันนี้ (6ก.พ.) ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยัง จ.กาญจนบุรี เพื่อตรวจสอบเส้นทางขึ้นไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก โดยทีมข่าวได้เดินทางผ่านจุดชมวิวเนินสวรรค์ ต.สหกรณ์นิคม อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่สามารถผ่านขึ้นไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรได้
นายสมบัติ จะกรำ พนักงานราชการ ตำแหน่งคนงาน ของอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เส้นทางดังกล่าว เป็นเส้นทางที่สามารถขึ้นไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรได้ และยังมีอีกสองเส้นทาง ได้แก่ หมู่บ้านพุทโธ-บ้านห้วยเสือ ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี และอีกเส้นทางคือ น้ำตกเอราวัณ น้ำตกแม่ขมิ้น อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี
สำหรับจุดที่ผู้สื่อข่าวเดินทางไปนั้น ห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นถนนลาดยางช่วงแรก แต่หลังจากนั้นเป็นถนนลูกรัง มีหมู่บ้านเป็นระยะๆ แต่จากจุดนี้ต้องขับรถขึ้นเขาไปอีกประมาณ 60-70 กิโลเมตร จึงจะเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก
โดยจุดนี้ถือเป็นด่านตรวจ มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ 2 นาย ตลอด 24 ชั่วโมง ทำหน้าที่ตรวจตรารถที่ผ่านเข้าออก เพื่อป้องกันผู้ลักลอบตัดไม้ และผู้ที่เข้ามาล่าสัตว์ป่า โดยเฉพาะรถต้องสงสัยทางเจ้าหน้าที่ จะมีการตรวจตราเป็นพิเศษ
นายสมบัติ ยังบอกด้วยว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เคยตรวจพบรถที่นำอุปกรณ์ดักสัตว์ป่าเข้ามา 2 ครั้ง แต่เป็นแค่ “แร้ว” ซึ่งเป็นอุปกรณ์เอาไว้ดักไก่ป่า แต่ยังไม่เคยตรวจค้นแล้วพบอาวุธปืน
ทีมข่าวได้เดินทางไปบ้านของ นายธานี ทุมมาศ หนึ่งในผู้ต้องหา พบกับ นางผ่องศรี ศรีมูล น้องสาวผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ตนเพิ่งทราบข่าวว่า พี่ชายถูกจับกุม รู้สึกตกใจมาก และไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น โดยตนไม่สามารถติดต่อพี่ชายได้
นางผ่องศรี เปิดเผยอีกว่า เมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว นายเปรมชัย ชอบมาเดินป่า และให้พ่อของตน ซึ่งเป็นนายพราน นำทางเข้าป่า โดยมี นายธานี พี่ชายตน มักจะติดตามพ่อ และนายเปรมชัย เข้าป่าไปด้วยทุกครั้ง
ขณะเดียวกัน นางผ่องศรี บอกว่า เวลาที่ นายเปรมชัย เข้าป่ามักไปส่องสัตว์ รวมถึงสำรวจเส้นทางเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านในการทำธุรกิจ ไม่ได้ชอบล่าสัตว์แต่อย่างใด แต่มีบางครั้งที่ได้เก้ง หรือไก่ป่า ออกมา โดยเจ้าตัวไม่ได้นำกลับบ้าน แต่ได้ให้ครอบครัวตนใช้ประกอบอาหาร
นายผ่องศรี ยืนยันว่า พี่ชายตัวเองไม่ได้ชอบล่าสัตว์ แต่คาดว่าสาเหตุที่เข้าป่าไปกับนายเปรมชัย น่าจะถูกคนขับรถ ของนายเปรมชัย ชักชวนเพราะสนิทกัน ส่วนตัวไม่มั่นใจว่าพี่ชาย ยิงเสือดำจริงหรือไม่ แต่เท่าที่ทราบ พี่ชายไม่ชอบล่าสัตว์ รวมถึงไม่มีอาวุธปืนเป็นของตัวเอง และตนไม่มั่นใจว่า พี่ชายจะใช้ปืนเป็นหรือไม่
ส่วนนายเปรมชัย สมัยที่เข้าป่ากับพ่อตน มักจะใช้ปืนลูกซองของพ่อ ที่มีอยู่ประมาณ 5-6 กระบอก แต่ตอนนี้ ปืนดังกล่าวถูกขายไปหมดแล้ว พร้อมยอมรับว่า เรื่องคดีความตนยังไม่ทราบว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะต้องรอปรึกษากับทางญาติเพื่อหาทางช่วยเหลือพี่ชาย