“แหม่ม คัทลียา” เปิดใจตอบดราม่าเรื่องข่าวสามี นายสงกรานต์ กระจ่างเนตร หรือ “บีบี๋” ถูกศาลสั่งล้มละลายและให้พิทักษ์ทรัพย์
จากกรณีที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด คดีหมายเลขแดงที่ ล.2173/2563 ศาลล้มละลาย กองบังคับคดีล้มละลาย 2 กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรมประกาศดังกล่าว ระบุว่า ด้วยธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) โจทก์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้จำเลยบริษัทและตระกูลดังทั้ง 3 ล้มละลายและให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ตามพ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 แล้ว
โดย 1 ใน 3 ของจำเลยคือ นายสงกรานต์ กระจ่างเนตร หรือ “บีบี๋” สามีของนักแสดงและพิธีกรชื่อดัง “แหม่ม-คัทลียา กระจ่างเนตร (แมคอินทอช)” เป็นจำเลยที่ 2 ตามประกาศซึ่งเป็นเจ้าของกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และตอนหลังหันมาทำฟาร์มเกษตรปลอดสารพิษ “สิรินทร์ฟาร์ม” บนที่ดิน 30 ไร่ในตำบลแม่กรณ์ อ.เมือง จ.เชียงราย และมีธุรกิจรีสอร์ต “เซเว่น ซีส์” ที่เกาะกระดาน ต.ลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง
ล่าสุดทีมข่าวบันเทิงอมรินทร์ทีวีของเราก็มีโอกาสได้พูดคุยกับ “แหม่ม คัทลียา” เจ้าตัวบอกว่า
"เป็นเรื่องของคุณสงกรานต์ ไม่เกี่ยวกับพี่ค่ะ และเป็นเรื่องนานมาแล้ว 10 ปีมาแล้ว พี่ไม่ตกใจค่ะ เพราะทราบมาตลอด เขาเล่าให้ฟังอยู่แล้วไม่มีอะไร ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงและส่งข้อความมาเป็นกำลังใจ"
นอกจากนี้ยังบอกอีกว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจครอบครัวด้วย งานในวงการบันเทิงของตนก็ยังคงดำเนินต่อไปได้ จะมีนิดหน่อยก็เห็นจะเกิดจากสถานการณ์โควิด-19 มากกว่า ทำให้รีสอร์ตที่ จ.ตรังต้องปิดไปถึง 6 เดือนแต่ก็จะเปิดในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ ส่วนตัวแล้วช่วงที่เกิดขึ้นก็ได้มีการให้กำลังใจ พยายามอยู่ด้วยกัน ดูแลครอบครัว สร้างความอบอุ่นมาโดยตลอด ไม่สร้างปัญหา ไม่นำเรื่องหนักใจมาเพิ่ม แต่ก็ยอมรับในช่วงที่ผ่านมาตนยุ่งมาก เพราะพัฒนาการของลูกเริ่มโตขึ้น ต้องดูแลลูก บวกกับลูกเองก็ไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการถ่ายรูป จึงไม่ค่อยมีรูปลงในไอจีด้วยเหตุผลนี้อาจจะทำให้แฟนคลับหลายคนสงสัยและเป็นห่วงว่าตนจะเครียด ซึ่งจริงๆ แล้วไม่เครียดเลย
นอกจากนี้อัปเดตควบคู่ไปกับพัฒนาการความหล่อของลูกชายว่า “พ่อแม่อาจจะมีส่วนที่ทำให้ลูกออกมาหน้าตาดีก็ได้” เมื่อถามถึงแววที่คุณแม่จะดันเข้าวงการหรือเปล่า เจ้าตัวก็อยากให้เรียนจบก่อน บวกกับอายุยังไม่ถึง 15 ขวบจึงยังไม่ค่อยมีใครติดต่อมาด้วย ยอมรับว่าแอบห่วงลูกเบาๆเพราะด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยน กลัวว่าลูกจะตามไม่ทัน พร้อมกันนี้ก็เชื่อว่าลูกคงเข้าใจว่ายังไม่ถึงเวลามีแฟนเพราะยังอยู่ในวัยเรียนนั่นเอง