กรณีการค้นหาตัวหลวงปู่ถาวร ถาวโร อายุ 62 ปี พระลูกวัดป่าห้วยหมากใต้ ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ที่หายตัวไปอย่างลึกลับในแม่น้ำโขง ตั้งแต่คืนวันที่ 9 ก.ย.63 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีชาวบ้าน พระ และเจ้าหน้าที่หน่วยเรือรักษาความสงบตามลำแม่น้ำโง สถานีเรือโขงเจียม ช่วยกันใช้เรือออกตามหาแนวชายตลิ่งแม่น้ำโขง ระยะประมาณ 500 เมตร ทั้งกลางวันละกลางคืน แต่ก็ไม่มีใครพบร่างของหลวงปู่
ล่าสุดวันที่ 13 ก.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่ไปยังวัดป่าห้วยหมากใต้ ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นวัดที่พระถาวร ถาวโร อายุ 62 ปีหายตัวไป โดยวันนี้มีปฏิบัติการค้นหาทั้งทางบก และทางน้ำ ซึ่งทางบก ชาวบ้านได้ค้นหาบริเวณป่าหลังกุฏิเก่าหลังวัด ลงไปยังห้วยหมาก ลงไปที่ริมน้ำโขงจุดที่พบจีวร และรอยเท้าพระถาวร รวมชาวบ้าน 15 คน
ส่วนทางน้ำ กำลังทหารจากหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่นํ้าโขง เขตเชียงราย หรือ นรข.เชียงราย กว่า 10 นาย เรือ 3 ลำ ส่วนตำรวจพื้นที่ได้ใช้กล้องส่องทางไกล เฝ้าสังเกตการณ์ริมน้ำโขง ซึ่งปฏิบัติการทั้งหมดเป็นการคนหาตั้งแต่ 09.00 - 15.00 น. ก่อนยุติลงชั่วคราว
จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปที่กุฏิจุดที่พระถาวร หายตัวไปในคืนวันที่ 9 ก.ย.63 โดยมีนางวาลี ลีลา โยมแม่ของพระถาวร พาทีมข่าวขึ้นไปยังกุฏิบนเขา หลังวัดป่าห้วยหมากใต้ ตลอดเส้นทางขึ้นไปค่อยข้างชัน และมีพระพุทธรูปปั้นองค์ใหญ่หลายองค์ ทันทีที่ไปถึงนางวาลี ได้เปิดกุฏิหลังเก่าให้ทีมข่าวดู พบว่าปล่อยทิ้งร้างไปนานกว่า 3 เดือน ด้านในมีพระพุทธรูป 1 องค์ เสื่อหมอน และกลดพระ แต่ไม่มีไฟฟ้าใช้งาน ลักษณะไม่ได้ถูกใช้งานมาพักใหญ่ เพราะมีฝุ่นและหยากไย่เกาะหลายจุด
จากนั้นนางวาลี ยังพาทีมข่าวเดินทางไปที่ศาลแดง ซึ่งตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ข้างกุฏิหลังเก่า พบว่าก่อนพระถาวรหายตัวไปช่วง 2 เดือนก่อน ได้ตั้งศาลแดง ซึ่งเชิญปู่ผาลาเด็ก ภูลำ คือ ทหารเก่ายุคโบราณปกปักรักษาเช่าบ้านริมน้ำโขง ที่ชาวบ้านนับถือสืบต่อกันมา โดยพระถาวรได้เชิญมาไว้ที่ศาลแดง และยังเป็นการตั้งศาลเพื่อเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดมาประจำอยู่ที่ศาลดังกล่าวด้วย
สังเกตภายในศาล จะมีน้ำอัดลม ขันธ์ 5 บายศรีใบตอง กระถางธูปวางอยู่ ซึ่งนางวาลี บอกกับทีมข่าวว่า ตนได้นำขันธ์ 5 มาวางเอาไว้ เพื่อบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คืนพระลูกชายให้กับตน สิ่งที่ลูกหายไป ตนมีความเชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับ เพราะเจ้าตัวเป็นคนชอบมีของ มีบทสวด และเคร่งเรื่องปฏิบัติธรรม เวลาไปพบเจอเครื่องรางของขลัง เช่น ยันต์ กระดูก ตุ๊กตา กุมาร จะเก็บเอามาเลี้ยงเอาไว้
แต่ปัจจุบันตนได้เก็บเอาไปทิ้งออกนอกวัดหมดแล้ว และมากไปกว่านั้น เวลาออกธุดงค์ พบเจอกระโหลกหรือกระดูกมนุษย์ ก็จะเก็บรวบรวมใส่ย่ามเอากลับมาที่วัด แล้วมีการประกอบพิธีปลดปล่อยดวงวิญญาณ อุทิศส่วนกุศลให้ รวมถึงมีการเผากระดูกที่นำมาบริเวณข้างกุฏิ ซึ่งอยู่ใกล้กับศาลแดง ส่วนตัวจึงเชื่อว่าสิ่งที่ลูกกระทำนั้น ย้อนกลับมาเข้าตัว และพยายามรบกวนทำให้อยู่ไม่ได้
โดยพระลูกชายเคยเล่าให้ฟังว่า ช่วงที่จำวัดอยู่บริเวณกุฎิเก่า มักจะได้ยินเสียงคนพูดคุยกันรอบกุฎิ ทำนองว่าศึก ให้ลาสิกขา แต่เวลาพระลูกชายออกมาดูรอบกุฏิ ก็ไม่เจอสิ่งผิดปกติหรือใครพูดคุยกัน ซึ่งทำให้เจ้าตัวค่อนข้างหวาดกลัว และมีความกังวลว่า สิ่งที่มองไม่เห็นจะมาทำร้ายและเอาชีวิตไป จนวันหนึ่งได้มาเล่าให้กับญาติฟัง จนญาติแนะนำว่าจะนำปืนมาถวายให้ แต่พระลูกชายก็ไม่รับ เพราะไม่รู้ว่าจะเอาไปยิงสู้กับใคร ทั้งนี้ตนจึงเชื่อว่าส่วนที่ลูกได้ยินเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น และเป็นสิ่งที่ลูกเก็บเอามาจากสถานที่อื่น แล้วเอามารวบรวมไว้ที่กุฎิหลังเก่า
ส่วนตัวแม้ว่าวันนี้จะผ่านไปแล้ว 4 วัน พบแต่เพียงจีวรและรอยเท้าอยู่บริเวณริมฝั่งโขง ตนก็ไม่รู้ว่าพระลูกชายจะยังคงมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่ก็มีร่างทรงโทรมาบอกว่า พระลูกชายได้มรณภาพไปแล้ว และจะไม่พบร่าง เพราะเนื่องจากกำลังปฎิบัติธรรมอยู่ที่เมืองใต้น้ำ ซึ่งเชื่อว่ามีหลวงปู่พาลงไปอยู่ด้วย และยังมีฤๅษีคอยคุ้มครองอยู่ พระลูกชายมีบุญใหญ่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงอยากได้ตัวให้ไปปฎิบัติธรรมอยู่ด้วยกัน ดังนั้นตนก็มีความหวังเล็กน้อย หากรอดปลอดภัยก็ดีใจ แต่ถ้าหากพบเป็นศพหรือไม่เจอก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนก่อตั้งเป็นวัดป่าห้วยหมากใต้แห่งนี้ เคยเป็นที่พักและบาดาลเก่า ที่สิงสถิตของพญานาค 7 เศียร และตำนานเมืองปกครองของปู่ผาลาเด็จ ภูลำ และเล่าขาลกันว่าจุดที่ตั้งของกุฏิหลังเก่าที่พระถาวรหายตัวไป เคยเป็นที่นอนของพญานาค 7 เศียร ขดนอนอยู่บนหินสูง
จากนั้นทีมข่าวได้เจอกับพระหมื่นหาญ นันธิโย พระลูกวัด ที่เจอกับพระถาวรคนสุดท้าย พาทีมข่าวเข้าไปสำรวจภายในกุฏิหลังใหม่ ซึ่งพระถาวร เพิ่งย้ายมาจำอยู่ได้ประมาณ 2 วันก่อนหายตัวไป โดยพระถาวร มาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าห้วยหมากใต้ เมื่อต้นเดือน ก.ค.63 ก่อนเข้าพรรษา โดยหลังจากที่เข้ามาจำพรรษา ได้ขึ้นไปพักอยู่ที่กุฎิบนเขา ซึ่งเป็นท้ายวัด โดยพระถาวรจำวัดได้เพียง 2 เดือนก็ลงมาขออยู่ด้านล่าง คือ กุฏิหลังใหม่ โดนอยู่ได้เพียง 2 วันก็มาเกิดเหตุหายตัวไป
พระหมื่นหาญ พาเข้าไปภายในกุฎิใหม่ พบว่าภายในห้องมีการเก็บเข้าของเป็นระเบียบเรียบร้อย ในห้องมีเพียงแคร่ไม้ 1 ตัว ด้านบนแคร่มีย่ามที่เก็บข้าวของเอาไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย ภายในเป็นอุปกรณ์ของใช้ส่วนตัว อีกทั้งยังมีย่ามพระ หอด้วยผ้าเหลืองพร้อมที่จะออกเดินทาง แต่ไม่พบพระถาวรอยู่ภายในกุฏิ ซึ่งช่วงหนึ่งได้มีการเปิดถุงย่ามของพระถาวรออกมา ด้านในมี สบู่ ยาสีฟัน ผ้าจีวร สบง และใบสุทธิ์ ส่วนบนแคร่ไม้ โยมแม่ของพระถาวร ได้นำขันธ์ 5 และขันธ์ 8 มาวางเอาไว้ พร้อมจะเดินทางมาจุดธูปบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำห้อง เผื่อให้ส่งคืนพระลูกชายโดยเร็ว
พระหมื่นหาญ เปิดเผยว่า คืนวันที่ 9 ก.ย.63 เวลา 21.30 น. อาตมาปฏิบัติธรรม สวดมนต์เสร็จ ได้ออกไปทำธุระส่วนตัวซึ่งระหว่างนั้นเห็นพระถาวร ออกจากกุฏิหลังใหม่ มุ่งหน้าไปที่บ้านโยมแม่ ตนไม่ได้สังเกตว่าไปทำไมช่วงกลางดึก จึงไม่ได้ถามหรือห้ามเอาไว้ ตนกลับมายืนมองจากกุฏิ ยังเห็นว่าพระถาวรนั่งอยู่หน้าบ้านแม่ กำลังฉันน้ำชา ตนจึงกลับเข้ากุฏิ
กระทั่งช่วงเวลา 05.00 น. แม่ของพระถาวร มาถามหาพระถาวร แต่ก็ไม่เจอตัว อาตมาตอบไปว่า อาจไปจำวัดที่กุฏิเก่าก็ได้ เพราะไม่คิดว่าจะหายตัวไป ถัดมาช่วงเวลา 06.00 - 07.00 น. อาตมาออกไปบิณฑบาต มีชาวบ้านบอกว่า “มีพระที่วัดหนีสึกหรือ ทำไมเจอจีวรอยู่ริมโขง” อาตมาจึงกลับมาที่วัด ก็มาทราบข่าวว่าพระถาวรไม่อยู่ และลูกวัดพากันหาทั่ววัดก็ไม่เจอ จึงได้ออกตามหาตั้งแต่เวลา 09.00 น. ของวันที่ 10 ก.ย.63 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ช่วงที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันในวัด ยังทราบว่า ก่อนพระถาวรจะหายตัวไป ช่วงเวลา 21.30 น. วันที่ 9 ก.ย.63 ที่อาตมาเจอหน้าบ้านแม่ของพระถาวร โดยพระได้เดินทางไปลาแม่ ส่วนช่วง 23.00 น. พระถาวรได้ทำขันธ์ 5 ไปขอขมาเจ้าอาวาสวัดอีกด้วย
ส่วนตัวในฐานะพระที่อยู่กุฏิใหม่ติดกัน และมีความสนิทสนมกัน ยืนยันว่าพระถาวรไม่ได้มีความเคลียด หรือบนอยากจะสึก เพราะพระถาวรเป็นพระร่าเริง และปฏิบัติธรรมหนัก ก่อนหายไปก็เป็นช่วงที่อยู่ในการถือศีลอดบำเพ็ญบุญ เพราะพระถาวรมักจะปฏิบัติแบบนี้บ่อย โดนอ้างว่าเป็นการลด ละ เลิก และก่อนที่จะเข้าถือศีลอด ยังมาชวนอาตมา แต่ส่วนตัวไม่ปฏิบัติตาม เนื่องจากพระพุทธเจ้าไม่ได้ทางบัญญัติเอาไว้
พระหมื่นหาญ เล่าย้อนให้ทีมข่าวฟังว่า วัดแห่งนี้เคยมีพระมรณภาพมาก่อน 2 รูป และเคยจำวัดอยู่ที่กุฏิหลังเก่าจุดที่พระถาวรหาย จึงเชื่อว่าอาจเชื่อมโยงกัน ได้แก่ พระชิต ถิรธัมโม อายุ 43 ปี ลืนล้มบนเขาหิน กระดูกซี่โครงขวาหักทิ้มปอด และพระพิทักษ์ ธรรมผล อายุ 29 ปี ปั้นพระพุทธรูปในวัด องค์ใหญ่ข้างกุฏิหลังเก่าจุดที่พระถาวรหาย เกิดอาการหายใจติดขัด เสียชีวิตเวลาต่อมา
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้รับภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งบันทึกวินาทีที่ ออกจากวัดไปกราบลาแม่ที่บ้านหน้าวัด ก่อนเดินทางกลับมาที่กุฎิ โดยกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ได้ในคืนวันที่ 9 ก.ย.63 เวลา 22.04 น. โดยจะเห็นพระถาวรเดินทางผ่านกล้อง ด้วยท่าทีเรียบเฉย
ส่วนกล้องวงจรปิดอีกตัว คือวันเดียวกัน 9 ก.ย.63 เวลา 23.00 น. พระถาวรได้ไปเตรียมขันธ์ 5 เดินเข้ามาภายในศาลาวัด เข้าไปที่หน้าพระประธาน จุดที่เจ้าเอาวาดวัดนั่งสวดมนต์อยู่ โดยเข้าไปก้มกราบ ก่อนที่จะยกขัน 5 ถวาย และเหมือนพูดคุยกันพักหนึ่ง และลุกไปนั่งบริเวณอาสนะสร้างพระประธาน จากนั้นไม่นานก็เดินหายออกไปจากมุมกล้อง