เมื่อวันที่ 13 ก.ย.63 พ.ต.ท.มีศักดิ์ โนราช สว.(สอบสวน) สน.บางยี่เรือ ได้รับแจ้งเหตุชายถูกแทงเสียชีวิต ในชุมชนตากสิน ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน ซอย 4 แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
โดยที่เกิดเหตุอยู่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 136 ตั้งอยู่กลางชุมชนดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบศพ นายวีระศักดิ์ ทองมาก อายุ 39 ปี พ่อค้ารถเข็นขายกระเพาะปลา สภาพศพนอนหงายจมกองเลือด ไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้นสีน้ำตาล มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดปลายแหลม เข้าที่กลางอกบริเวณลิ้นปี่ 1 แห่ง ใกล้กันพบอาวุธมีดยาว 10 นิ้วเปื้อนเลือดตกอยู่ 1 เล่ม กับไม้ตะพดยาว 3 ฟุตอีก 1 อัน จึงเก็บรวบรวมรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน
ล่าสุดวันที่ 13 ก.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุบริเวณ ชุมชนตากสิน ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน ซอย 4 แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ เมื่อไปถึงพบว่าที่เกิดเหตุอยู่ภายใน ซอยตรอกเขียงหมู ช่วงกลางซอยบริเวณจุดเกิดเหตุเพื่อนบ้านได้ช่วยกันทำความสะอาดคราบเลือดของผู้เสียชีวิตออกแล้ว แต่ก็ยังคงมีร่องรอยคราบเลือดบางส่วน หลงเหลืออยู่บริเวณขอบหน้าต่างหน้าบ้าน
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายมนู อึ้งสมบูรณ์ อายุ 48 ปี เพื่อนของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิต คือ นายวีระศักดิ์ ทองมาก อายุ 39 ปี ส่วนผู้ก่อเหตุ คือ นายจุ้ย หรือ "องค์ชายจุ้ย" อายุประมาณ 40-45 ปี โดยเหตุเกิดวันที่ 12 ก.ย.63 เวลาประมาณ 21.00 น. หลังจากที่นายวีระศักดิ์ กลับมาจากขายกระเพราะปลา ก็ได้เข้าบ้านเช่า แล้วมานั่งล้างจานอยู่บริเวณหน้าบ้าน จากนั้นก็ได้เดินไปพูดคุยกับเพื่อนที่บ้าน อยู่ห่างจากบ้านประมาณ 100 เมตร
ขณะที่นายวีระศักดิ์ ยืนคุยกับเพื่อนบ้านอยู่ จังหวะนั้นนายจุ้ย ได้เดินถือมีดเข้ามาทางด้านหลังของนายวีระศักดิ์ ก่อนใช่มีดสั้นปลอกผลไม้ แทงเข้าที่บริเวณช่วงหน้าอกของนายวีระศักดิ์ จำนวน 1 ครั้งเลือดอาบ โดยที่ไม่ทันตั้งตัว ด้วยความตกใจ นายวีระศักดิ์จึงสะบัดมือปัดมีดของนายจุ้ย และถามว่า "มึงมาแทงกูทำไม" ก่อนที่จะต่อยหน้านายจุ้ยจำนวน 1 ครั้ง แต่ด้วยบาดเจ็บจากการถูกแทง นายวีระศักดิ์ได้ล้มลงนอนกับพื้นที่หน้าบ้านจุดเกิดเหตุ ส่วนนายจุ้ย วิ่งหลบหนีออกจากซอย มุ่งไปทางสถานีรถไฟวงเวียนใหญ่
ขณะนั้นตน และเพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์จึงทำการเข้าช่วยเหลือ เรียกรถพยาบาล-กู้ภัย ซึ่งเจ้าหน้าที่มาถึงก็ทำการปฐมพยาบาลเบื่องต้น ก่อนทำ CPR แต่นายวีระศักดิ์เสียชีวิตในเวลาต่อมาที่บริเวณจุดเกิดเหตุ
นายมนู เล่าต่อว่า ปกติแล้ว นายวีระศักดิ์เป็นคนดี ทำอาชีพขายกระเพราะปลา เป็นคนขยันทำมาหากิน ส่วนนายจุ้ยเป็นคนเร่ร่อน ที่อยู่ภายในชุมชมตั้งแต่เกิด คนในครอบครัวเสียชีวิตหมด จึงเร่ร่อนอยู่คนเดียว อีกทั้งนายจุ้ย ไม่ได้เชิงเป็นคนสติไม่ดี แต่จะมีนิสัยชอบดื่มสุราและเสพยาเสพติดอยู่เป็นประจำ หากเวลามาสุราและยาเสพติด ก็จะคลั่งคิดว่าตัวเองเก่ง ชอบหาเรื่องบ้านภายในชุมชนบ่อยครั้ง จะพกมีดติดตัวตลอดเวลา สร้างความหวาดกลัวให้กับคนในชุมชน
ส่วนปมเหตุที่เกิดขึ้น ตนคาดว่า น่าจะเป็นปัญหาแค้นฝังใจของนายจุ้ย เนื่องจาก 2-3 วันที่ผ่านมา นายจุ้ย เมาสุรา และได้ไปยืนโวยวายเสียงดังอยู่บริเวณหน้าบ้านของนายวีระศักดิ์ ทำให้นายวีระศักดิ์ เกิดความไม่พอใจ เพราะต้องการพักผ่อน ออกมาถามว่า "จะโวยวายทำไม" ก่อนตบหน้านายจุ้ย จำนวน 1 ครั้ง ทำให้นายจุ้ยเกิดความแค้น บวกกับมีอาการเมาสุราและเสพยา จึงมาก่อเหตุดังกล่าว
หลังเกิดเหตุ ตนก็รู้สึกเสียใจที่นายวีระศักดิ์ ต้องมาเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เนื่องจากเป็นคนดี ไม่น่ามาจากไปเร็ว หากเป็นไปได้ตนอยากบอกกับนายจุ้ยว่า "อยากให้มามอบตัว เพื่อรับผิดกับสิ่งที่ทำไว้ อย่าคิดหลบหนี" พร้อมทั้งอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากหวั่นเกิดเหตุซ้ำ ซึ่งตนคาดว่านายจุ้ย น่าจะหลบไป จ.ชลบุรี แถววัดบางละมุง ที่เคยบวชเรียน 9 พรรษา
หลังจากนั้นทีมข่าวเดินทางไปที่วัดโพนิมิตร แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ สถานที่จัดตั้งสวดอภิธรรมศพของผู้เสียชีวิต
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางนิตยา ลี้ตระกูล อายุ 41 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุสามี ขายกระเพราะปลาเสร็จ ก็เข้าบ้านมานั่งกินข้าวกับตนและลูก ภายในบ้านเช่า จากนั้นสามีกับลูกคนโต ออกมาล้างจานที่บริเวณหน้าบ้าน โดยที่ตนอยู่ในบ้านกับลูกคนเล็ก
จากนั้นเวลาผ่านไปไม่ถึง 5 นาทีได้ ลูกคนโตก็วิ่งเข้ามาบอกกับตนที่อยู่ภายในบ้านว่า "พ่อโดนแทง" อีกทั้งเพื่อนข้างบ้านก็โทรมาบอกว่า "สามีโดนแทง" ในตอนแรกตนก็คิดว่าสามีออกมาล้างจานหน้าบ้าน แล้วจะไปโดนแทงได้อย่างไร ตนจึงรีบวิ่งไปยังจุดเกิดเหตุก็พบว่าสามีถูกผู้ก่อเหตุ ใช่อาวุธมีดแทงเข้าที่บริเวณหน้าอก นอนจมกองเลือด หายใจโรยริน เหมือนพยายามจะพูดอะไรกับตนสักอย่าง กระทั่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยเดินทางเข้ามาช่วยเหลือ แต่สามีเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้ก่อเหตุหลบหนีไป
ปกติแล้วสามีของตนเป็นคนดี ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใคร อีกทั้งก็ไม่เคยเห็นมีปัญหาอะไรกับผู้ก่อเหตุด้วย เนื่องจากผู้ก่อเหตุเสมือนเป็นคนสติไม่ค่อยดี จึงไม่ไม่ชาวบ้านคนไหนอยากยุ่ง ส่วนประเด็นที่สามี และผู้ก่อเหตุเคยมีปัญหาทะเลาะกัน และสามีไปตบหน้าผู้ก่อเหตุก่อน ประเด็นนี้ตนยืนยันว่าไม่ทราบ เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นตนและครอบครัว ก็อยู่ในสภาพจิตใจที่ย่ำแย่เป็นอย่างมาก เพราะต้องขาดสามีที่เป็นเสาหลักของครอบครัวไป ขณะนี้ตนยอมรับว่าโกรธมาก ที่ผู้ก่อเหตุมาทำร้ายสามีจนถึงขั้นเสียชีวิต
หากมีโอกาสได้พูดกับผู้ก่อเหตุ ตนก็อยากจะถามว่า ทำไปเพื่ออะไร ทั้ง ๆ ที่เราไม่เคยมีปัญหาอะไรกันมาก่อน พร้อมทั้งอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุดตามขั้นตอนของกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายสืบสวน สน.บางยี่เรือ อยู่ระหว่างติดตามตัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งคาดว่าน่าจะหลบหนีไปตามแหล่งพักพิงคนเร่ร่อน อาทิ สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ และสนามหลวงแล้ว ขณะนี้ยังไร้วี่แวว ซึ่งหลังจากนี้มีการออกหมายจับแล้ว พร้อมจะปูพรมล่าตัวมาดำเนินคดีให้ได้ต่อไป
หลังจากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายสายันต์ ทรงกฤต อายุ 48 ปี เพื่อของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ปกติแล้วนายจุ้ย เป็นคนที่มีนิสัยใจร้อน มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตั้งแต่พ่อแม่เสียชีวิตนานหลายปี นายจุ้ยก็เป็นคนเร่ร่อน มักเดินถือมีดเดินไปเดินมาหาเรื่องคนในชุมชนบ่อยครั้ง สร้างความหวาดกลัวให้กับเพื่อนบ้านเป็นอย่างมาก
แม้แต่ตนที่เป็นเพื่อนนายจุ้ย ยังเคยถูกนายจุ้ยต่อยหน้ามาแล้ว ตอนที่เมาสุราและยาเสพติด แต่ตนก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะนายจุ้ยตัวใหญ่กว่า จึงสู้ไม่ไหว ซึ่งก่อนเกิดเหตุ นายจุ้ย ได้เดินถือมีดเดินไปเดินมาอยู่ภายในชุมชน และไปพูดกับชาวบ้านว่า "เดี๋ยวกูจะแทงคน" แต่ก็ไม่มีใครสนใจ กระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
หลังเกิดเหตุ ตนก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะทั้งผู้เสียชีวิต ผู้ก่อเหตุ ตนก็รู้จัก และไม่อยากให้มาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ หากเป็นไปได้ตนอยากบอกกับนายจุ้ยว่า "ให้กลับมามอบตัว รับผิดเถอะ" พร้อมทั้งอยากให้ผู้เสียชีวิตไปดี ไม่ต้องห่วงอะไร