กรณีหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถาน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี รับแจ้งว่ามีเด็กนักเรียนพยายามจะกระโดดสะพานลอยตาย บนถนนสุขุมวิท หลัก กม.174 ขาเข้าพัทยา ม.1 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ หน้าหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.สัตหีบ เข้าตรวจสอบ
โดยที่เกิดเหตุพบชายวัยรุ่นอายุ ประมาณ 14-15 ปี ในชุดนักเรียนยืนอยู่บนสะพานลอย ทำท่าจะกระโดดลงมา มีเพื่อน ๆ ยืนตะโกนเกลี้ยกล่อมให้ลงมาจากสะพานลอย ก่อนมีพลเมืองดีนำตัวลงมาจากสะพานลอยได้โดยปลอดภัย แต่เมื่อเผลอก็จะพุ่งตัววิ่งให้รถชนอีกครั้ง จนต้องเข้าเกลี้ยกล่อมให้สงบสติอารมณ์
ล่าสุดวันที่ 14 ก.ย63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่จุดเกิดเหตุบริเวณสะพานลอย ความสูง 5.8 เมตร ตั้งอยู่ด้านหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอสัตหีบ
สอบถามนายสุทิน ทาบล อายุ 56 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า เวลาประมาณ 09.00 น. สังเกตเห็นนายเอ (นามสมมุติ) เด็กนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อยู่บนสะพานลอย กำลังจะกระโดดลงมา ตนจึงรีบวิ่งขึ้นไปดู โดยนายเอ ถอดรองเท้าและก้าวขาข้างขวาข้ามราวสะพานลอยออกไป เตรียมที่จะกระโดดแล้ว พร้อมร้องไห้บอกว่าให้โทรตามรถมูลนิธิมารับศพกลับบ้านด้วย
ทั้งนี้ตนจึงเกลี้ยกล่อมบอกให้ใจเย็น ๆ มีอะไรค่อย ๆ คุยกัน หากไม่มีเงินตนจะให้เอาไปใช้ก่อน ใช้เวลาประมาณ 5 นาที อาการเริ่มสงบ นายเอดึงขากลับเข้ามา ตนจึงเข้าไปจับตัว พร้อมอุ้มลงมาด้านล่างสะพานลอย
ขณะนั้นเพื่อน ครู และเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาที่เกิดเหตุ นายเอ ก้มหน้าร้องไห้อย่างเดียว สอบถามจากครูระบุว่า นายเอ มีปัญหาครอบครัว ส่วนเรื่องการถูกรถสองแถวโกงเงิน เพื่อนนายเอเป็นคนพูด ตนไม่ทราบรายละเอียด
ในระหว่างนั้นฝนกำลังจะตก ครูและเจ้าหน้าที่จะพานายเอไปคุยในโรงเรียน แต่นายเอกลับวิ่งไปกลางถนนเพื่อให้รถชน โชคดีที่มีคนวิ่งตามไปช่วยจับตัวเอาไว้ทำให้รอดมาได้ จนทางเจ้าหน้าที่ต้องนำตัวส่งไปโรงพยาบาล ซึ่งตนคิดว่าอาการของนายเอ น่าเป็นห่วงมาก เพราะคิดอยากฆ่าตัวตายตลอดเวลา ผู้ปกครองควรดูแลอย่างใกล้ชิด
นายแก๊ป (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี เพื่อนของนายเอ เล่าว่า ช่วงเช้าเวลา 07.30 น. นายเอมาถึงโรงเรียน และกุมขมับตลอดเวลา ตนจึงสอบถามว่าเป็นอะไร นายเอบอกว่า ถูกรถสองแถวโกงเงิน โดยเจ้าตัวนั่งสองแถวมาจากพัทยา ค่ารถ 10 บาท จ่ายแบงก์ 100 แล้วสองแถวไม่ทอนเงิน จึงเกิดความเครียด ตนก็พยายามปลอบว่าไม่เป็นอะไร จนช่วงเข้าแถวนายเอ ยังกุมขมับตลอดเวลา กระทั่งเวลา 08.15 น. หลังเข้าแถวแยกย้ายขึ้นห้องเรียน นายเอบอกว่าขอไปเข้าห้องน้ำก่อน
แต่นายเอหายไปนานกว่าครึ่งชั่วโมง เพื่อน ๆ จึงช่วยกันไลน์ไปตาม นายเอ ถ่ายรูปกระเป๋านักเรียน และกระดาษเขียนข้อความบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะส่งมา พร้อมบอกว่าอยู่หน้าห้องสมุด ตนจึงวิดีโอคอลไปหา พบว่านายเอ อยู่บนสะพานลอยกำลังจะกระโดดลงมา จึงรีบแจ้งครูประจำชั้นและวิ่งออกไปดูหน้าโรงเรียน โดยเพื่อนพยายามช่วยกัน กระทั่งนำตัวลงมาได้ แต่เจ้าตัวยังวิ่งไปกลางถนนหวังจะให้รถชนซ้ำ พร้อมพูดว่าอยากตาย ๆ ซ้ำ ๆ
โดยตนรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนมาก คิดว่าเจ้าตัวน่าจะมีอาการเครียดหลายอย่าง ทั้งเรื่องครอบครัวที่พ่อกับแม่เลิกกัน นายเอต้องอยู่กับญาติ และการเรียนที่ส่งงานไม่ทัน ทั้งนี้นายเอ ย้ายมาเรียนที่โรงเรียนเดียวกันกับตนเมื่อตอน ม.2 ก่อนหน้านี้เจ้าตัวเป็นคนที่ค่อนข้างมีความเครียดบางอย่าง หากถูกอะไรกระทบกระเทือนจิตใจก็จะจิตตก คิดมาก และชอบพูดว่า ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว อยากตาย แต่ไม่เคยฆ่าตัวตายจริง ตนก็ได้แต่ปลอบใจว่าให้ใจเย็น ๆ
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสงวน สุทธิแทนพิทักษ์ อายุ 57 ปี ป้าของนายเอ กล่าวว่า นายเออาศัยอยู่กับตนที่บ้านพักในพัทยาเหนือ เมื่อช่วงเช้าตนไปส่งนายเอ ขึ้นรถสองแถว โดยก่อนขึ้นรถบอกให้หลานชายกดเงินเพื่อจ่ายค่ารถและค่ากินจำนวน 100 บาท พร้อมบอกให้แลกเงินไว้จ่ายค่ารถสองแถว
หลังจากนั้นนายเอ โทรศัพท์กลับมาหาตนพร้อมกับร้องไห้และบอกว่ารถสองแถวไม่ทอนเงินให้ เอาไปทั้ง 100 บาท ตนจึงถามว่าเหลือเงินอยู่เท่าไหร่ หลานชายตอบว่ามีติดตัวอยู่ 100 บาท ตนจึงปลอบไปว่าไม่เป็นอะไร ให้ใช้เงินที่มีไปก่อน หลังจากนั้นครูประจำชั้นโทรมาบอกตนว่า หลานชายอยู่บนสะพานลอยจะฆ่าตัวตาย ก่อนจะช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล ตนจึงรีบตามไปหาหลานที่โรงพยาบาล เมื่อไปถึงหลานชายเห็นตนก็ยิ้มได้ ก่อนที่ตนจะรับกลับมาที่บ้าน
โดยก่อนหน้านี้พ่อกับแม่ของนายเอ แยกทางกันทำให้นายเอ ต้องอาศัยอยู่กับพี่ชาย แต่ถูกพี่ชายทำร้ายร่างกาย จนมีอาการเครียด ต้องเข้ารับการรักษากินยาคลายเครียดตลอด กระทั่งช่วงเดือนมีนาคม นายเอทนไม่ไหว เดินทางมาหาตน พร้อมขออยู่ด้วย เพราะไม่อยากอยู่กับพี่ชายแล้ว ตนก็พยายามดูแลและปลอบใจ ที่ผ่านมาหลานเคยพูดว่าอยากฆ่าตัวตายแต่ไม่ได้ทำจริง คิดว่าครั้งนี้หลานชายน่าจะเสียใจที่ถูกโกงเงิน เพราะได้เงินจากแม่มาสัปดาห์ละ 400 บาท ต้องบริหารใช้จ่ายวันละ 80 บาท เมื่อถูกโกงไป 100 บาท จึงกังวลว่าเงินจะไม่พอใช้
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 15 ก.ย.63 ตนจะพาหลานไปตรวจอาการทางจิตเพิ่มเติม เพื่อหาวิธีป้องกันดูแลหลานต่อไป