ความคืบหน้ากรณี เด็กหญิงเอ (นามสมมติ) ชาวลาววัย 13 ปี ที่ถูกนายวิทยา เก้าเอี้ยน หรือนายเบส อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของนายจ้าง ที่พ่อแม่ของด.ญ.เอ ทำงานอยู่ ล่อลวงไปให้เพื่อน ซึ่งเป็นเอเย่นต์ค้ายาบ้า ในพื้นที่ โดยได้ข่มขืนกลางสวนยางพารา เพื่อแลกกับค้ายาเสพติดที่ติดค้างอยู่จำนวน 1 แสนบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา
วันนี้ (9 ก.พ.)
พ.ต.อ.ทรงเกียรติ ทองสง ผู้กำกับการ สภ.ปะเหลียน เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุ มีคนอยู่ร่วมแก๊งตั้งวงเสพยาเสพติด ทั้งหมด 4 คน ได้แก่นายวิทยา เก้าเอี้ยน (นายเบส) อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของนายจ้าง นายกำพล สุนทรกิจจา (นายเบิร์ด) อายุ 33 ปี นายวิทวัตร ชูอ่อน (บังมัด) นางสาวบุษบา มะวงศ์ศูนย์ (น.ส.นิ่ม) อายุ 31 ปี ภรรยาบังมัด และนางปวีณา ชูแก้ว หรือแอน หรือหญิงอ้วน อายุ 42 ปี
ทั้ง 4 ราย ขณะนี้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 82 เม็ด เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยนายเบิร์ด และบังมัด ถูกตั้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครอง และร่วมกันเสพยาเสพติดให้โทษ ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่เรือนจำจังหวัดตรัง
พ.ต.อ.ทรงเกียรติ กล่าวว่า กรณี
นายกำพล สุนทรกิจจา หรือนายเบิร์ด ผลตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอจากผู้เสียหายออกมาแล้ว เบื้องต้น พบว่าได้มีการกระทำความผิดจริง ทางเจ้าหน้าที่เตรียมจะอายัติตัวและแจ้งข้อหาเพิ่ม คือ ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และข้อหาพรากผู้เยาว์
ด้าน
นายวิทยา เก้าเอี้ยน หรือนายเบส ซึ่งเป็นลูกชายของนายจ้าง เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (8 กพ.) ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว รวม 3 ข้อหาหนัก คือ พรากผู้เยาว์,ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปเพื่อค้าประเวณีหรือเพื่อสนองความใคร่ผู้อื่น เบื้องต้นนายเบส ให้การปฎิเสธทุกข้อกล่าวกา หลังแจ้งข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่เห็นว่านายเบส ได้เดินทางเข้ามามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ด้วยตนเอง ไม่มีท่าทีที่หลบหนีจึงได้ปล่อยตัวกลับไป
ส่วน
นางสาวบุษบา มะวงศ์ศูนย์ (น.ส.นิ่ม) ภรรยาบังมัด และ
นางปวีณา ชูแก้ว หรือแอน หรือหญิงอ้วน เจ้าหน้าที่ตรวจพบปัสสาวะสีม่วง และจากการสอบสวนพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของนายเบิร์ท ต่อ ด.ญ.เอ จึงถูกตั้งข้อหาเสพสารเสพติด และส่งตัวเพื่อเข้ารับการบำบัดแล้ว
ด้าน ร.ต.อ.บุญยืน ทวนทอง รองสารวัตรปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม) กล่าวว่า จะนำข้อมูลรายงานไปยังกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อพิจารณาต่อไป ส่วนจะเข้าข่ายคดีการค้ามนุษย์หรือไม่นั้น ต้องดูส่วนประกอบหลายอย่าง ว่าเป็นการกระทำเพื่อการได้มาซึ่งผลประโยชน์หรือไม่ต้องรอผลการสอบสวนเพิ่มเติม
ขณะที่ ครอบครัวของ ด.ญ.เอ หลังเกิดเหตุ พ่อและแม่ต้องลาออกจากงานและไม่มีเงินติดตัว ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ จึงต้องเร่ร่อน โดยมีชาวบ้านในพื้นที่ทราบข่าวและสงสาร ให้ความช่วยเหลือต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ เปลี่ยนที่นอนทุกคืน เนื่องจาก ถูกข่มขู่ และกลัวอิทธิพล ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ให้ความช่วยเหลือนำตัว ด.ญ.เอ พร้อมครอบครัว ไปพักพิงอยู่ที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดตรังแล้ว
นายศิลปะชัย เรือนสูง นายอำเภอปะเหลียน กล่าวว่า พฤติกรรมของเครือข่ายยาเสพติด ที่ผ่านมาทางผู้ว่าราชการจังหวัด ก็ได้มีการกำชับสั่งการเรื่องการคุ้มครองประชาชน เรื่องดังกล่าวผู้เสียหายร้องขอความช่วยเหลือไปทางผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเป็นการกระทำต่อเด็กเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย
อีกทั้ง เกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ผู้เสียหายไปร้องขอความช่วยเหลือแจ้งความตั้งแต่ตอนต้น แต่ไม่ยอมปฎิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย พร้อมยอมรับว่าเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่เป็นเครือข่ายรายใหญ่ ที่ทางอำเภอเคยจับกุมหลายครั้ง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก มีความฉลาดที่จะหลบเลี่ยงการกระทำผิดกฎมาย ไม่เอาของกลางไว้ที่ตัว คนที่ถูกจับมักจะอยู่ระดับล่างที่ติดยา วิ่งยา ซึ่งทางด้านผู้ว่าราชการจังหวัดตรังก็ได้สั่งการให้ติดตามคดีอย่างใกล้ชิด