ทุบกุฏิ "พระถาวร" ล้างอาถรรพ์หวั่นมรณะ ทีมค้นเจอถ้ำชี้ทางผ่านพญานาค (คลิป)

กรณีการค้นหาตัวหลวงปู่ถาวร ถาวโร อายุ 62 ปี พระลูกวัดป่าห้วยหมากใต้ ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ที่หายตัวไปอย่างลึกลับในแม่น้ำโขง ตั้งแต่คืนวันที่ 9 ก.ย.63 เวลา 21.39 น. ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีชาวบ้าน พระ และเจ้าหน้าที่หน่วยเรือรักษาความสงบตามลำแม่น้ำโง สถานีเรือโขงเจียม ช่วยกันใช้เรือออกตามหาตามแนวชายตลิ่งแม่น้ำโขง ระยะประมาณ 500 เมตร ทั้งกลางวันละกลางคืน แต่ก็ไม่มีใครพบร่างของหลวงปู่ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น 

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

- ล่องโขงค้นถ้ำใต้น้ำหาตัว “หลวงปู่ถาวร” วัดเตรียมทุบกุฏิเชื่ออาถรรพ์สูงกว่าเศียรพระ

- ค้นทั่วโขงพระชราหายลึกลับ คนเชื่อไปเจอพญานาค อึ้งกุฏิที่อยู่มีพระตาย 2 ศพ

วัดแห่งนี้เคยมีพระมรณภาพมาก่อน 2 รูป และเคยจำวัดอยู่ที่กุฏิหลังเก่าจุดที่พระถาวรหาย จึงเชื่อว่าอาจเชื่อมโยงกัน ได้แก่ พระชิต ถิรธัมโม อายุ 43 ปี ลืนล้มบนเขาหิน กระดูกซี่โครงขวาหักทิ้มปอด และพระพิทักษ์ ธรรมผล อายุ 29 ปี ปั้นพระพุทธรูปในวัด องค์ใหญ่ข้างกุฏิหลังเก่าจุดที่พระถาวรหาย เกิดอาการหายใจติดขัด เสียชีวิตเวลาต่อมา

ล่าสุดวันที่ 15 ก.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปที่วัดป่าห้วยหมากใต้ ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นวัดจุดสุดท้ายที่พระถาวรหายตัวไป โดยล่าสุดพระครูปลัดอดิศักดิ์ อัคคธัมโม หรือครูบาเนร เจ้าอาวาสวัดป่าห้วยหมากใต้ ได้อนุญาตให้ลูกศิษย์วัดรื้อถอนกุฏิหลังเก่า ที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นอาถรรพ์ ทำให้พระมรณภาพ 2 รูป และ 1 รูปหายตัวไป

โดยเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ทางวัดได้มีการดำเนินการทำพิธีขอขมา ด้วย บายศรีใหญ่ 1 คู่ บายศรีเล็ก 2 คู่ พานดาวเรือง 1 พาน เครื่องหมากพลู บุหรี่ 1 ชุด ขันธ์ 5 ขันธ์ 8 โดยมีการถวายบริเวณด้านหน้าพระประธานที่ตั้งอยู่ใจกลางกุฏิหลังเก่า จากนั้นได้มีการขอขมาบริเวณโขดหิน หน้ากุฏิ ซึ่งเป็นจุดที่สิงสถิตของปู่ฤๅษี และยังเป็นจุดที่พระถาวรเคยนำหัวกะโหลกและกระดูกมนุษย์มาเผาบริเวณจุดดังกล่าว โดยได้มีการนำขันธ์ 5 ดอกไม้ เทียนไข ใส่จานถวายเอาไว้

ภายหลังมีการขอขมา ได้เริ่มรื้อถอน โดยนำสังกะสีมุงหลังคาออกก่อน จากนั้นเริ่มนำโครงไม้ที่เป็นโครงหลังคาออกตาม ก่อนใช้ค้อนปอนด์ทุบอิฐ เพื่อจะเคลียร์ให้เป็นพื้นที่โล่ง ก่อนมีการปั้นรูปพญานาค7เศียร สีเขียว ทอง มาประดิษฐานไว้ เพื่อรำลึกถึงพระที่มรณภาพ และบูชาพญานาคที่เคยสิงสถิตอยู่บริเวณจุดดังกล่าว ส่วนพระพุทธรูปที่อยู่ภายในกุฏิ ก็จะย้ายลงไปไว้ศาลาด้านล่าง เพื่อให้ญาติโยมได้สักการะบูชาต่อไป

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายวิชิต แว่นระแว หรือ "กิ" ลูกศิษย์วัด เปิดเผยว่า ภายหลังที่มีการประชุมร่วมกับเจ้าอาวาสวัดเมื่อคืนที่ผ่านมา ได้มีมติให้รื้อถอนก่อนที่จะสร้างพญานาคเอามาครอบเอาไว้ เพื่อแก้อาถรรพ์เกี่ยวกับกุฏิที่ไม่เหมาะสมหรือเป็นการสร้างครอบปากถ้ำของพญานาคที่ชาวบ้านเคยพบเห็น โดยวันนี้พิธีการรื้อถอนก็ต้องมีการขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อน จากนั้นก็จะมีการรื้อถอนออกทั้งหมด

ส่วนเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ หลังจากกลับจากประชุม ตนได้เข้านอนตามปกติ จนกระทั่งเวลา 02.00 น. ได้ไปยืนอยู่หน้าปากถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นสถานที่ไหน จากนั้นได้เห็นพระถาวรแต่งกายด้วยชุดผ้าเหลือง และจีวรที่วางเอาไว้ริมฝั่งก็ไม่ได้หาย ยังใช้นุ่งห่มอยู่ เดินออกมาพูดคุยกับตนทำนองว่า “อาตมายังไม่ตาย ปฏิบัติธรรมอยู่ที่ถ้ำแห่งนี้ แต่บอกไม่ได้ว่าคือที่ไหน” ส่วนตัวสังเกตว่าคำพูดของพระถาวร เหมือนมีลักษณะไม่พอใจ เพราะคนกล่าวหาว่ามรณภาพไปแล้ว ทั้งที่พระถาวรยังมีชีวิตอยู่ และโดยรอบภายในถ้ำสังเกตว่ามีชายร่างใหญ่สีดำยืนอยู่ ซึ่งเชื่อว่าเป็นปูผาลาเด็ก ภูลำ และยังมีพญานาค 7 เศียร เรื่อยลงมาจากผาหิน จากนั้นพระถาวรก็ได้เดินเข้าไปภายในถ้ำ พร้อมกับพญานาคและปูผาลาเด็กฯ ตนก็ตกใจตื่น 

โดยส่วนตัวมีความเชื่อว่า ถ้ำที่อยู่ใต้กุฏิเก่า เป็นทางผ่านของพญานาค ที่ชาวบ้านผู้เฒ่าผู้แก่เคยเห็นว่ามีพญานาคมาขดอยู่บริเวณบนโขดหินดังกล่าว แต่พระถาวรได้ท้าทายและทำผิด โดยการนำปูนมาเทปิดทับปากถ้ำ แล้วนำพระพุทธรูปมาประดิษฐานเอาไว้ ซึ่งจุดที่เป็นปากถ้ำก็คือใจกลางกุฏิ จุดที่วางพระพุทธรูปอยู่ในตอนนี้ ฉะนั้นหลังจากที่มีการทำลายกุฏิแล้ว ก็จะนำพญานาคมาวางไว้แทน เพื่อให้ชาวบ้านเคารพบูชา

ส่วนปฏิบัติการค้นหาวันนี้ เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่หน่วยเรือรักษาความสงบตามลำแม่น้ำโขง สถานีเรือโขงเจียม หรือนรข. และเจ้าที่ตำรวจ ได้ยุติการค้นหาทั้งทางบกและทางน้ำชั่วคราว เพราะมีการค้นหาต่อเนื่องมาแล้วกว่า 4 วัน ยังไม่พบเบาะแส จึงคิดว่าหากพระถาวรลงไปในน้ำอาจมรณภาพไปแล้ว หลังจากนี้จึงรอจนกว่าร่างของพระถาวรจะพ้นขึ้นมาจากน้ำ จึงจะดำเนินการต่อไป ส่วนเรื่องของการสืบหาเบาะแสเส้นทางอื่น เป็นหน้าที่ของตำรวจพื้นที่โขงเจียม โดยฝ่ายสืบสวนจะมีการแกะเส้นทางและรอยเบาะแสอื่น เผื่อว่าพระถาวรหนีออกจากวัดไม่ได้ลงน้ำ

ขณะที่กลุ่มชาวบ้านอีกส่วนหนึ่ง ที่ไม่ได้ช่วยการรื้อถอนกุฏิหลังเก่า จำนวน 10-15 คน ได้กระจายการค้นหาโดยรอบวัด โดยเริ่มต้นจากบริเวณด้านหลังกุฏิเก่าลงไปตามป่าหลังวัด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นป่าไผ่สลับกับต้นหญ้า ค้นหาลงไปจนกระทั่งถึงห้วยหมากใต้ และตามลำห้วย เปลี่ยนเส้นทางระยะกว่า 1 กิโลเมตร ส่วนใหญ่จะเน้นจุดที่เป็นโพรงหรือถ้ำ แต่จากการค้นหายังไม่พบร่องรอยของพระถาวร

พระครูปลัดอดิศักดิ์ อัคคธัมโม หรือครูบาเนร เจ้าอาวาสวัดป่าห้วยหมากใต้  เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการค้นหาพระถาวรวันนี้ มีเพียงกลุ่มชาวบ้านค้นหากันเอง โดยค้นหาทางบก ตามโพรงและถ้ำติดกับลำห้วย แต่วันนี้ยังไม่พบแบะแสงของพระถาวร ซึ่งส่วนตัวก็ยังไม่ทราบว่า พระถาวรจะยังคงมีชีวิตอยู่ หรือมรณภาพไป 

แต่เชื่อว่าไม่ได้เป็นการหนีสึก เพราะโดยปกติพระถาวรจะเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมเคร่ง แต่หากลงไปในน้ำโขง ก็อาจมรณภาพไปแล้ว แต่เพียงแค่ร่างของท่านยังไม่โผล่ขึ้นมาจากน้ำเท่านั้น อาจเป็นเพราะว่าแขนหรือขาติดอยู่กับโขดหินก็ได้ หรือถ้าหากร่างลอยไปตามน้ำ ก็อาจจะหลุดออกไปอยู่ในเขตพื้นที่ประเทศลาว เพราะการค้นหาทางน้ำ ได้มีการค้นหาไปจนถึงกระทั่งบ้านบึนบึก แต่ก็ยังไม่พบเบาะแส หรือในมุมหนึ่งอาจมีความเป็นไปได้ว่า พรุ่งนี้ครบ 7 วัน ซึ่งเป็นวันโกน ร่างของท่านอาจจะโผขึ้นมาจากน้ำ 

ส่วนในเรื่องของการอนุญาตให้ทุบกุฏิหลังเก่า อาตมาได้สั่งให้ทุบทิ้ง เพื่อความสบายใจของชาวบ้านในพื้นที่ และพระที่อยู่ในวัดจะได้สบายใจ เนื่องจากที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์พระมรณภาพและหายไป จึงกลัวว่าจะเกิดช้ำอีก ภายหลังที่มีการทุบทิ้งแล้ว เตรียมที่จะสร้างพญานาค 7 เศียร ซึ่งเป็นไปตามนิมิตของพระถาวร เห็นพญานาค สีเขียว-ดำ องค์ใหญ่ ทางวัดก็จะมีการสร้างพญานาคนำไปครอบเอาไว้ในจุดเดิม 

อย่างไรก็ตาม พระครูปลัดอดิศักดิ์ ได้ส่งภาพนิ่งให้กับทีมข่าว ซึ่งเป็นภาพที่ญาติโยมบันทึกเอาไว้ เป็นภาพภายหลังจากที่มีการทุบ รื้อถอนกุฏิหลังเก่า จนกระทั่งเหลือเพียงพระพุทธรูปตั้งอยู่ 1 องค์  ได้หยิบมือถือมาถ่ายภาพเอาไว้ แต่ได้ปรากฏภาพด้านบนฟ้า เหนือพระพุทธรูป สังเกตว่ามีเมฆลักษณะคล้ายพญานาค 7 เศียร

ทีมข่าวได้เจอกับกลุ่มชาวบ้าน ชุดของนายยอดชาย แก้วแสง ชาวบ้านโขงเจียม ในฐานะลูกศิษย์วัด พาทีมข่าวเดินเท้าไปยังเส้นทางถ้ำยื่น ที่อยู่ติดกับห้วยหมากใต้ ลำห้วยที่เชื่อมไปลงสู่น้ำโขง และยังเคยเป็นธรรมที่พระถาวรเคยไปปฏิบัติธรรม เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน จึงคาดการณ์ว่าอาจมีความเป็นไปได้ว่า พระถาวรอาจจำวัดอยู่บริเวณจุดดังกล่าว จึงพาทีมข่าวเข้าไปสำรวจ

โดยเมื่อไปถึง ปากถ้ำเป็นลักษณะป่าไผ่ มีความชื้น และภายในถ้ำมีน้ำไหลตามซอกหิน ทำให้ถ้ำมีลักษณะเปียกแฉะตลอดเวลา ลักษณะถ้ำยื่น ปากถ้ำกว้างประมาณ 1 เมตร 50 เซนติเมตร ความลึกของถ้ำ จากร่องรอยเดิมที่พระถาวรเคยขุดเอาไว้ สามารถเข้าไปลึกได้ประมาณ 20 เมตร จากนั้นจะเป็นรูขนาดเล็กกว้าง 35-40 เซนติเมตร ซึ่งสำหรับคนตัวขนาดใหญ่ค่อนข้างมุดเข้าไปยากลำบาก 

จุดที่จะพาไป ปรากฏอยู่ในความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยพระถาวรได้มาเข้าฝัน บอกว่าอยู่ภายในถ้ำผาวิ่ง หรือถ้ำปากปลาเดิม โดยถูกหินทับขาเอาไว้ ไปไหนไม่ได้ ขอให้พาชาวบ้านมาช่วยหน่อย ตนจึงต้องลงเรือไปดูจุดดังกล่าวเพื่อความสบายใจ โดยถ้ำผาวิ่งมีความผูกพันกับพระถาวร เพราะเดิมทีพระถาวรตั้งใจที่จะไปจำอยู่ที่ถ้ำดังกล่าว แต่ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ขับไล่ จึงได้ขึ้นไปสร้างกุฏิอยู่ที่วัดป่าห้วหมากใต้แทน

หลังจากที่ ชาวบ้านพาทีมข่าวเข้าไปภายในถ้ำ บริเวณโถงด้านใน ไม่สามารถยืนอยู่ได้ เพราะสูงแค่เพียง 100 ซม. แต่สามารถนั่งคุกเข่าหรือนั่งสมาธิได้ ประกอบกับมีค้างคาวอาศัยอยู่จำนวนหนี่ง และยังพบร่องรอยเดิมที่พระถาวรเคยใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม โดยพบว่ามีกระสอบสีฟ้า 1 ฝืนวางอยู่ แต่ถูกวางลักษณะไม่ได้ใช้งานมานาน ใกล้กับกระสอบ ตรงกลางถ้ำมีลักษณะก้อนดินก้อนหนึ่งวางอยู่ สังเกตว่าเป็นจอมปลวก มีรูปร่างลักษณะคล้ายพระพุทธรูปหน้าตักประมาณ 7 นิ้ว

หากสังเกตบริเวณจุดที่เป็นรูหรือช่องขนาดเล็ก เมื่อสังเกตเข้าไปภายในจะเห็นร่องรอยสัตว์เลื้อยคลานติดอยู่บนดิน และผนังถ้ำ โดยชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นร่องรอยของพญานาค หรืองูดำเจ้าที่ขนาดใหญ่ อีกทั้งยังพบร่องรอยคลายรอยมือคน รอยเท้าคน ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นรอยเท้าหรือร่องรอยของพระถาวร

นายยอด ชาวบ้านในพื้น ยังบอกอีกว่า ตนพาทีมข่าวเข้ามาสำรวจถ้ำวันนี้ ซึ่งเป็นถ้ำที่ 3-4 ปีก่อน พระถาวรเคยเข้ามาจำวัดและปฎิบัติธรรมอยู่ที่นี่ โดยมีการขุดดินทำเป็นทางเข้าไป เพื่อจะทำเป็นพื้นที่โล่งในการอยู่ปฏิบัติธรรม จึงคิดว่าการหายตัวไปครั้งนี้พระถาวรอาจจะย้อนมาอยู่ที่ถ้ำแห่งนี้ก็ได้ แต่หลังจากที่ลงพื้นที่ติดตามยังไม่พบเบาะแส เว้นแต่ว่ามีร่องรอยของรอยมือ รอยเท้า และรอยพญานาค ซึ่งพระถาวรอาจเดินตามรอยดังกล่าว โดยมีพญานาคนำเข้าไปในถ้ำลึกก็ได้

ที่สำคัญถ้ำแห่งนี้ โดยปกติชาวบ้านจะไม่เข้าไป เพราะเป็นที่อยู่ของพญานาค เป็นที่อยู่ของงูดำตัวใหญ่ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นงูเจ้าที่ แต่จะมีเพียงพระถาวรเท่านั้นที่เคยปฏิบัติธรรม และอยู่ร่วมกับงูเจ้าที่ได้ เพราะพระถาวรเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนที่มาปฏิบัติธรรม เจองูขนาดใหญ่เลื้อนเข้ามาอยู่ใกล้ จากนั้นก็ได้ลูบหัวเบา ๆ จนงูขดนอนและเฝ้าอยู่ข้างกาย แต่ชาวบ้านคนอื่นก็ไม่มีใครกล้าเข้ามา

ส่วนที่มาของถ้ำยื่น ยังพบว่ามีโพรงที่เชื่อมต่อกับวัดป่าห้วยหมากใต้ โดยเชื่อมไปยังปากถ้ำที่อยู่ด้านใต้ของกุฏิหลังเก่า รวมถึงถ้ำเหล่านี้สามารถเชื่อมโยงไปที่น้ำโขงได้ โดยเชื่อมไปจนถึงถ้ำผาวิ่ง ที่มีการค้นหาตามนิมิต หรือความฝันของชาวบ้านเมื่อวานนี้

อย่างไรก็ตาม สำหรับการค้นหาในฐานะชาวบ้าน ที่ยังคงเป็นห่วงเกี่ยวกับความปลอดภัยของพระถาวร ยังจะมีการค้นหาทุกรูปแบบ และจะค้นหาไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะพบเบาะแสหรือร่างของพระถาวร โดยในวันพรุ่งนี้ตั้งเป้าว่าจะไปหาที่ห่างจากวัดประมาณ 2 กิโลเมตร ติดกับลำน้ำโขง อาจจะเห็นเบาะแสหรือเจออะไรบ้าง

เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา หลวงพ่อลี พระจากวัดลำทหาร จ.กาญจนบุรี เดินทางมาทำพิธีบังสกุล เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับพระถาวร เนื่องจากในนิมิตเห็นว่าพระถาวรได้มรณภาพไปแล้ว จึงได้เดินทางมาเพื่อประกอบพิธีบังสกุล และขอให้เจอร่างของพระถาวรโดยเร็ว โดยการประกอบพิธีครั้งนี้ ได้จุดถูกเทียนบริเวณริมฝั่งโขง และสวดมนต์แผลเมตตา โดยมีชาวบ้านบางส่วนเข้าร่วมพิธี จากนั้นได้เดินทางกลับ

ช่วงหนึ่งระหว่างการรื้อถอนกุฏิหลังเก่า พบว่ามีกลุ่มชาวบ้านจาก อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี จำนวน 4 คน เดินทางมาติดตามความคืบหน้าในการค้นหาพระถาวรที่หายไปจากวัด และยังได้เฝ้าติดตามการรื้อถอนกุฏิ ซึ่งช่วงหนึ่งได้เดินไปที่ต้นไม้ใกล้กับกุฏิหลังเก่า มีการจุดธูปก้านยาว 3 ดอก พร้อมทั้งธูปเหลี่ยม อธิฐานและจุดบริเวณใต้ต้นไม้ จนปรากฏตัวเลขออกมา พร้อมทั้งได้นำมือถือมาเก็บภาพตัวเลขที่เห็น เพื่อไปเสี่ยงโชคใกล้วันหวยออก แล้วยังมีการส่งต่อให้กับเพื่อนในกลุ่มไลน์ จากนั้นได้ถือขวดน้ำออกมาหนึ่งขวด ซึ่งอ้างว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์จากบอกพญานาคที่เคยไปบูชามา เอามาประโคมเพื่อความเป็นสิริมงคลหลังจากเห็นตัวเลข

โดยกลุ่มชาวบ้านบอกกับทีมข่าวว่า ตั้งใจเดินทางมาเพื่อติดตามความคืบหน้าการค้นหาพระถาวร และมีชาวบ้านบางคนบอกว่าให้มาลองขอหวย ซึ่งจะได้ตัวเลข จึงได้ทดสอบตามที่ชาวบ้านลือเท่านั้น แต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะให้เกิดตัวเลขดังกล่าว 

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้สนทนากับพระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ วัดสร้อยทอง ถึงกรณีพระหายที่ จ.อุบลราชธานี ที่ความเชื่อเรื่องพญานาคว่าพระไปจำศีลถ้ำพญานาค พระมหาไพรวัลย์ กล่าวว่ากรณีดังกล่าว ควรจะช่วยกันค้นหาว่า พระท่านจมน้ำหรือไม่ ไม่ใช่ไปเชื่อว่าเป็นเพราะพญานาค

อาตมามองว่าเป็นไปไม่ได้ "เพราะพระท่านเป็นคน ไม่ใช่ปลา หายใจในน้ำไม่ได้" ดังนั้นจึงเชื่อว่าอาจจมน้ำ หรือหลงป่า จึงหาไม่พบ ไม่ใช่เพราะไปเมืองบาลอย่างเเน่นอน

ส่วนกรณีข่าวที่จ.ราชบุรี ชาวบ้านบวงสรวงรูปปั้นพญานาค หลังถูกหวย 10 ล้าน เพื่อขอโชคลาภ พระมหาไพรวัลย์ มองเรื่องดังกล่าวว่า ปัจจุบันคนพุทธส่วนใหญ่กำลังขาดหลักที่พึ่ง ซึ่งเมื่อคนเกิดความลำบากหาที่พึ่งไม่ได้ ก็ต้องหาสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ โดยคิดว่าสิ่งนั้นคือความหวังสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น หลายคนจึงหันไปบูชาพญานาค

อาตมาก็อยากเตือนว่า ความเชื่อหรือการหาโชคลาภในทางนี้ อาจทำให้ชีวิตเเย่ลงไปอีก เพราะตามคำสอนของพระพุทธเจ้า การพนันหรือการเสี่ยงโชค เป็นอบายมุข เป็นทางนำไปสู่ความเสื่อม

ส่วนกรณีที่ปัจจุบันคนไม่ค่อยเชื่อคำพระนั้น พระมหาไพรวัลย์ กล่าวว่า "วัดมีหน้าที่สอนญาติโยมในสิ่งที่ถูกต้อง ให้โยมได้เดินตามในสิ่งที่ควร เเต่ปัจจุบันมีหลายวัดที่สอนผิด ๆ เดินตามญาติโยม สนองความต้องการของโยม โยมอยากบูชาพญานาค ก็หาพญานาคมาให้บูชา โยมอยากบูชาไอ้ไข่ วัดก็หาไอ้ไข่มาให้บูชา ดังนั้นสิ่งเหล่านี้จึงถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ใหว้พญานาค"