กรณีการค้นหาตัวหลวงปู่ถาวร ถาวโร อายุ 62 ปี พระลูกวัดป่าห้วยหมากใต้ ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ที่หายตัวไปอย่างลึกลับในแม่น้ำโขง ตั้งแต่คืนวันที่ 9 ก.ย.63 เวลา 21.39 น. ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีชาวบ้าน พระ และเจ้าหน้าที่หน่วยเรือรักษาความสงบตามลำแม่น้ำโง สถานีเรือโขงเจียม ช่วยกันใช้เรือออกตามหาตามแนวชายตลิ่งแม่น้ำโขง ระยะประมาณ 500 เมตร ทั้งกลางวันละกลางคืน แต่ก็ไม่มีใครพบร่างของหลวงปู่ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ล่องโขงค้นถ้ำใต้น้ำหาตัว “หลวงปู่ถาวร” วัดเตรียมทุบกุฏิเชื่ออาถรรพ์สูงกว่าเศียรพระ
- ค้นทั่วโขงพระชราหายลึกลับ คนเชื่อไปเจอพญานาค อึ้งกุฏิที่อยู่มีพระตาย 2 ศพ
- ทุบกุฏิ "พระถาวร" ล้างอาถรรพ์หวั่นมรณะ ทีมค้นเจอถ้ำชี้ทางผ่านพญานาค
วัดแห่งนี้เคยมีพระมรณภาพมาก่อน 2 รูป และเคยจำวัดอยู่ที่กุฏิหลังเก่าจุดที่พระถาวรหาย จึงเชื่อว่าอาจเชื่อมโยงกัน ได้แก่ พระชิต ถิรธัมโม อายุ 43 ปี ลืนล้มบนเขาหิน กระดูกซี่โครงขวาหักทิ้มปอด และพระพิทักษ์ ธรรมผล อายุ 29 ปี ปั้นพระพุทธรูปในวัด องค์ใหญ่ข้างกุฏิหลังเก่าจุดที่พระถาวรหาย เกิดอาการหายใจติดขัด เสียชีวิตเวลาต่อมา
ล่าสุดวันที่ 16 ก.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปที่วัดป่าห้วยหมากใต้ ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นวัดจุดสุดท้ายที่พระถาวรหายตัวไปอีกครั้ง โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการค้นหาทั้งทางน้ำและทางบก เพราะเนื่องจากยังหาเบาะแสของพระถาวรไม่ได้ และตลอดช่วง 7 วันที่ผ่านมา ได้ทำการค้นหาทุกรูปแบบแล้ว แต่ก็พบเพียงแต่จีวรและรอยเท้า จึงยังไม่รู้ว่าจะค้นหาในเส้นทางไหนเพิ่มเติม ได้แต่เฝ้าติดตามความคืบหน้าจากทางเจ้าหน้าที่
กระทั่งเมื่อช่วงบ่าย เวลา 13.00 น. ที่ผ่านมา มีชาวบ้านที่ขับเรือหาปลาอยู่บริเวณริมฝั่งโขง บริเวณน่านน้ำไทย ได้กลิ่นเน่าโชยซึ่งอยู่ในละแวกไม่ไกลจากจุดที่พบจีวร ในรัศมี 100 เมตร เป็นจุดที่พระถาวรลงไปในน้ำโขง วันนี้ชาวบ้านจึงพาทีมข่าวลงเรือไปจุดดังกล่าวเพื่อสังเกต และหาแบะแสของพระถาวร เมื่อไปถึงก็พบแต่เพียงลำน้ำโขงที่มีสีขุ่น แต่ก็ยังไม่ได้กลิ่นเน่าโชยเหมือนที่ชาวบ้านแจ้งแต่อย่างใด
ทีมข่าวยังได้ สำรวจตามซอกหิน ที่อยู่บริเวณริมฝั่งโขง ก็ยังไม่พบเบาะแสของพระถาวร หรือแม้กระทั่งกลิ่นเน่าตามที่ชาวบ้านบอกอีกเช่นเดียวกัน ซึ่งการค้นหาเบาะแสตามกลิ่นเน่าที่ชาวบ้านแจง ได้มีพระครูปลัดอดิศักดิ์ อัคคธัมโม หรือครูบาเนร เจ้าอาวาสวัดป่าห้วยหมากใต้ ร่วมค้นหาด้วย
ระหว่างลงพื้นที่สำรวจทางน้ำ ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายเจริญ พันธุ์เม้น ชาวประมง ในฐานะชาวบ้านบึนบึก ซึ่งเป็นหมู่บ้านสุดท้าย สุดเขตประเทศไทย ก่อนเข้าพื้นที่ประเทศลาว เปิดเผยว่า ช่วงหลังจากที่พระถาวรหายไปจากริมฝั่งโขง จนถึงวันนี้ครบ 7 วัน ตนออกหาปลาทุกวันก็ยังไม่พบแบะแสชุดจีวรที่สวมใส่ หรือได้กลิ่นเหม็นเน่าแต่อย่างใด แต่ช่วง 1-2 วันนี้บริเวณริมฝั่งมีปลามารวมตัวกันชุกชุม ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเพราะได้กลิ่นศพ โดยปลาที่เห็นคือปลาสวาย ปลาหนัง ซึ่งเป็นปลาจำพวกกินศพ
นายเจริญ บอกว่า หากพระถาวรมรณภาพแล้ว ทำไมถึงยังไม่โผล่ขึ้นมาจากน้ำ และลอยไปติดที่ใดที่หนึ่ง ดังนั้นจึงสันนิษฐานว่า อาจเป็นเพราะร่างของท่านไปติดอยู่ในซอกหินใต้ต้ำ หรือถ้ำผาวิ่งก็เป็นไปได้ หรือพระถาวรได้ผูกเชือกที่เอว หรือมีหินผูกติดที่ร่าง จึงทำให้ร่างยังไม่ขึ้นจากน้ำก็เป็นได้
ทั้งนี้หากในเขตประเทศไทย ไม่เจอร่างของท่าน หมายถึงว่า ร่างของพระถาวรอาจไปโผล่และติดอยู่ที่เก่าประเทศลาว เนื่องจากส่วนใหญ่ หากมีคนตายศพก็จะลอยไปไกลกว่า 10 กิโลเมตร ไปขึ้นที่ประเทศลาวทุกราย
ส่วนวันนี้ ทางบก ชาวบ้านก็ไม่ได้มีปฏิบัติการค้นหาเช่นกัน เพราะยังคงรอความคืบหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่มีกลุ่มชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง นำโดยพระรุ่งนภา ญาณธรรมโม พระลูกวัดป่าห้วยหมากใต้ พร้อมชาวบ้าน 4 คน เดินเท้าสำรวจไปที่ป่าหลังวัด โดยเป็นป่าหญ้าสลับกับป่าไผ่ มุ่งหน้าพาทีมข่าวไปที่ถ้ำยื่นน้อย ซึ่งอยู่ติดกับลำห้วยหมากใต้ และอยู่ห่างจากถ้ำยื่นใหญ่ ประมาณ 200 เมตร
จุดถ้ำยื่นน้อย อยู่ห่างวัด 300 เมตร เคยเป็นที่ปฏิบัติธรรมของพระถาวร เมื่อ 2 ปีก่อนที่จะหายตัวไป พระลูกวัดและชาวบ้าน เชื่อว่าพระถาวรอาจย้อนกลับไปที่ถ้ำยื่นน้อย จึงพาทีมข่างไปสำรวจ และค้นหาแบะแส ภายหลังไปถึงพบว่า เป็นแผ่นหินยื่นออกมา ถูกขุดข้างใต้ ลักษณะเป็นโพรงถ้ำ สูง 1 เมตร 20 เซนติเมตร ด้านในอยู่ได้ประมาณ 2 คน โดยรอบเปิดโล่ง ไม่มีรู หรือโพรงเชื่อมไปทางอื่น เพราะเป็นการขุดโดยพระถาวร ไม่ใช่เกิดเองจากธรรมชาติ หลังการสำรวจ ไม่พบแบะแสพระถาวร มีเพียงกองไฟเก่า ที่เคยมีคนมาก่อเอาไว้ คาดว่าเป็นของชาวบ้านในพื้นที่
นางบัวศรี แก้ววงษา แม่ศรี หรือ ผู้ดูแลวัด เปิดเผยว่า จุดที่พาทีมข่าวมาวันนี้ หากย้อนกลับไปเมื่อ 2-3 ปีก่อน พระถาวรใช้จอบขุดจนเกิดถ้ำยื่นน้อย ซึ่งใช้สำหรับปฏิบัติธรรม ตนต้องน้ำเสื่อ เทียน และน้ำดื่มมาถวายเป็นประจำ แต่ก็มีหลายครั้งที่พระถาวรแอบมาปฏิบัติธรรมเองไม่บอกให้ตนรู้ เวลามาก็จะอยู่จนมืดค่ำ บางทีก็อยู่จนถึงเช้าจึงจะกลับวัด วันนี้ จึงคิดว่าหลังจากหายตัวไปอาจมาปฏิบัติธรรมอยู่ที่นี่ จึงเดินทางมาเพื่อความสบายใจ แต่ก็ไม่พบแบะแสของพระถาวร
ส่วนตัวเชื่อว่า จุดที่พระถาวร ใช้ปฏิบัติธรรมทั้งหมด คือทางผ่าน รู หรือถ้ำขอพญานาค 7 เศียร ที่พระถาวรนิมิตเห็น โดยส่วนตัวไม่มองว่าการหายตัวไปของพระเป็นการลบหลู่ แต่เป็นการปฏิบัติเพื่อตามรอยหรือเส้นทางพญานาค ซึ่งสังเกตเห็นรอบพญานาคที่ถ้ำยื่นใหญ่ มีรอยเลื้อย และยังมีรอยเท้า รอยมือ คลายของพระถาวรปรากฏอยู่บนดิน และส่วนตัวก็ยังมีความเชื่ออีกว่า ทำทั้งหมดที่พระใช้ปฏิบัติธรรม สามารถเชื่อมโยงกันทั้งหมด เพราะเป็นทางผ่านของพญานาค
จากนั้น พระรุ่งนภา ญาณธรรมโม พระลูกวัดป่าห้วยหมากใต้ และนางบัวศรี แก้ววงษา แม่ศรีหรือผู้ดูแลวัด ยังพาทีมข่าวเดินย้อนกลับไปที่หลังวัด โดยพบว่าจุดดังกล่าวห่างจากตัววัดเพียง 150 เมตร แต่เป็นป่ารกสลับกับมีโขดหินขนาดใหญ่ ซึ่งจุดดังกล่าวสังเกตว่ามีพระพุทธรูปสีทองตั้งอยู่ 1 องค์ รอบพระพุทธรูปเป็นซากเสาไม้เก่า สังกะสีที่ถูกรื้อถอน โดยจุดดังกล่าวเป็นเขตนอกรั้ววัด ซึ่งจุดนี้พระถาวรเคยมาจำพรรษาเมื่อ 20 ปีก่อน ก่อนที่จะไปจำวัดอยู่วัดลำทหารที่ จ.กาญจนบุรี ก่อนที่จะย้ายกลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดปากห้วยหมากใต้
นางบัวศรี แก้ววงษา แม่ศรีหรือผู้ดูแลวัด เปิดเผยกับทีมข่าวอีกครั้งว่า จุดที่พาทีมข่าวย้อนกลับมา เคยเป็นศาลาขนาดเล็ก และเป็นที่จำพรรษาของพระถาวร จึงคิดว่าพระถาวรจะย้อนกลับมาอยู่ที่จุดแห่งนี้ แต่ภายหลังที่ย้อนกลับมาดู ยังไม่พบเบาะแส หรือการก่อสร้าง หรือแม่กระทั่งจุดที่คาดว่าพระถาวรจะอาศัยอยู่
แต่หากย้อนกลับไปในอดีต ก่อนที่จะมีวัดป่าห้วยหมากใต้ พระถาวรได้เดินทางมาพื้นที่ตรงนี้ แล้วมาบอกกับตนว่า จะขออาศัยอยู่ แต่จะไม่สร้างเป็นวัด หรือสิ่งที่มีความเจริญ เพียงจะใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม และฝึกสมาธิเท่านั้น เป็นพื้นที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ของพญานาค เป็นเขตเมืองลับแล ประกอบกับจะมีการสร้างพระพุทธรูปสีทองเอาไว้ 1 องค์
ดังนั้น จึงเห็นพระพุทธรูปตั้งอยู่ใจกลางป่า แต่หลังจากที่พระถาวรย้ายออกไป ก็ไม่ได้มีการบูรณะอีกเลย แต่ตนมักจะกลับมากลับไหว้ จุดธูปเทียน นำขันธ์ 5 ขันธ์ 8 มากราบพระพุทธรูปทุก ๆ วันสำคัญ โดยเฉพาะวันขึ้นปีใหม่ และบางครั้งตนมีเรื่องเครียด มาขอพร ตนก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการทุกสิ่งอย่าง
ช่วงหนึ่งระหว่างที่มีการสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่ององค์พระ นางบัวศรี ได้หันไปมองที่หน้าพระพุทธรูป พร้อมทั้งยกมือสาธุ และพูดว่า “ขออนุญาตนะหลวงพ่อ” ทีมข่าวได้พยายามสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมดังกล่าว โดยนางบัวศรี บอกว่า ช่วงที่มีการให้สัมภาษณ์นั้น หลวงพ่อมีลักษณะเหมือนมองหน้า เหมือนจ้องมองการให้สัมภาษณ์ตลอดเวลา ตนจึงได้หันหน้าไปเพื่อขอขมา และยกมือขออนุญาตหลวงพ่อเท่านั้น
ขณะเดียวกันทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ พระรุ่งนภา ญาณธรรมโม พระลูกวัดป่าห้วยหมากใต้ โดยช่วงหนึ่งทีมข่าวสังเกตว่า พระรุ่งนภา ยืนจ้องมองที่ใบหน้าของพระพุทธรูปสีทองกลางป่า แล้วมีลักษณะเหมือนพูดคุยบางอย่าง ทีมข่าวจึงได้เข้าไปสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมดังกล่าว
พระรุ่งนภา บอกว่า อาตมาจ้องมองใบหน้าของพระพุทธรูป จนนึกขึ้นได้ว่า ใบหน้าคล้ายและมีความเหมือน หลวงปู่ถาวร หรือพระถาวรที่หายตัวไป ซึ่งไม่รู้ว่าท่านมีเจตนาที่ต้องการปั้นพระพุทธรูปให้เหมือนหน้าตัวเอง หรือเป็นความบังเอิญของช่างศิลป์ที่มาปั้นให้ หากนำไปเทียบกับภาพของพระถาวร ซึ่งมีใบหน้าที่ตรงกัน ตนจึงไม่รู้ว่าการที่พระพุทธรูปหน้าเหมือน คือหลวงปู่หรือไม่ หรืออาจเป็นเพราะความบังเอิญ
ขณะเดียวกันทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนายยอดชาย แก้วแสง ชาวบ้านโขงเจียม ซึ่งเป็นกลุ่มชาวบ้านและในฐานะลูกศิษย์วัด ที่ร่วมค้นหาพระถาวรตั้งแต่วันแรกที่หายไป จนกระทั่งถึงวันนี้ครบ 7 วัน และยังเป็นวันโกน
นายยอด เปิดเผยเกี่ยวกับความเชื่อว่า เมื่อช่วงเช้ามืดตนนั่งอยู่ในบ้าน ซึ่งลูกชายกับภรรยา ยังไม่ตื่นนอน ตนได้ยินเสียงหลวงปู่ถาวร มาตะโกนอยู่หน้าบ้าน ร้องเรียกชื่อลูกชายของตน 3 ครั้ง ซึ่งได้ยินชัดเจนว่าเป็นเสียงของหลวงปู่ถาวร เพราะโดยปกติหลวงปู่จะมีความสนิทกับลูกชายของตน มักจะมาตะโกนเรียกด้วยเสียงดังกล่าว หลังจากได้ยินเสียง ก็รีบเปิดประตูออกไปดู แต่ก็ไม่พบ ซึ่งก็พยายามสังเกตมองนานกว่า 30 นาที ก็ไม่มีใครผ่านมาแถวบ้าน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนจึงเชื่อว่าเป็นวันที่ครบ 7 วันการหายตัวไป หลวงปู่ต้องการมาสื่อสารบอกอะไรบางอย่าง หรือต้องการมาบอกเบาะแสจุดที่อยู่ในตอนนี้
ภายหลังเสียงตะโกนหน้าบ้าน ตนได้ร่วมกลุ่มกับชาวบ้านประมาณ 5-6 คน ลองเดินค้นหารอบวัด เผื่อจะเจอเบาะแสเพิ่มเติม ซึ่งในระหว่างที่เดินอยู่ที่ป่าใกล้กับวัดนั้น ได้ยินเสียงกิ่งไม้หัก 3 ครั้ง ซึ่งตอนนั้นไม่มีลม ไม่มีกิ่งไม้ร่วงตกลงมา ทุกคนจึงได้หันมองหน้ากัน และเชื่อว่าหลวงปู่ต้องการมาสื่อสารอะไรบางอย่าง หรืออาจไม่ต้องการให้กลุ่มชาวบ้านค้นหา
จากนั้นจึงได้พากันย้อนกลับไปที่วัด ในระหว่างทางยังเจอกับงูดำขวางทางอยู่ข้างหน้า ซึ่งเชื่อว่าเป็นหมูเจ้าที่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตนไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุความบังเอิญ หรือเป็นเพราะการสื่อสารอะไรบางอย่างของหลวงปู่หรือไม่
วันเดียวกันนี้ ที่วัดป่าห้วยหมากใต้ อาจารย์ป๊อก หรือ นายพิภัทร พีรภัรอัมใพ อายุ 35 ปี อ้างตัวว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรม และเป็นผู้ช่วยเหลือคนที่เป็นทุกข์ ได้เดินทางมาพร้อมกับกลุ่มลูกศิษย์ 3 คน จาก จ.สุรินทร์ ขึ้นไปบริเวณกุฏิหลังเก่า โดยได้มีการประกอบพิธีบริเวณหน้าศาลแดง ซึ่งเป็นศาลที่พระถาวรตั้งเอาไว้ก่อนหายตัวไป เป็นศาลบูชาพญานาค
หลังจากที่อาจารย์ป๊อก ไปถึงบริเวณจุดดังกล่าว ได้ให้ลูกศิษย์หยิบเทียนและธูป 9 ดอก ยกมือขึ้นพนมมือ บอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งไม่ได้มีบทสวดหรือใช้ภาษาเทพ แต่เป็นคำกล่าวนะโม จากนั้นได้ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และพญานาค เปิดทางให้มีการสื่อสารกับพระถาวร เปิดทางให้ได้พบเห็นสิ่งที่มองไม่เห็น
จากนั้น ภายหลังที่มีการปักถูกบริเวณหน้าศาลแล้ว ได้เรียกให้ลูกศิษย์มานั่งขนาบข้าง ช้าย-ขวา ซึ่งลูกศิษย์ทั้งสองคนจับมือกับอาจารย์ป๊อบ ก้มหน้าทำสมาธิ ส่วนอาจารย์ป๊อกบอกกับลูกศิษย์ว่า ขอให้เปิดทาง ขอให้เห็น ขอให้เข้ามาบอก โดยทีมข่าวสังเกตอาการของลูกศิษย์ทั้ง 2 คน ลักษณะนิ่ง ตัวเกร็ง แต่ก็ไม่ได้มีอาการกรีดร้องหรือใช้ภาษาแปลกประหลาด
ช่วงหนึ่งอาจารย์ป๊อก พยายามสอบถามลูกศิษย์ว่า พบเห็นอะไรในนิมิตหรือไม่ โดยลูกศิษย์บอกว่า เห็นเป็นแสงสีเขียว มีพระถาวรอยู่ด้านใน มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกปักรักษาอยู่ และตอนนี้ยังไม่มรณภาพ แต่ก็พยายามปิดปาก โดยไม่ให้พูดหรือคุยกับใคร และแม้แต่ตนเองได้พยายามสื่อสาร ก็ไม่สามารถคุยกันรู้เรื่อง เพราะเหมือนมีอะไรปกปิดอยู่ แต่ส่วนตัวก็ได้แต่ทำเพียงพิธีตามความเชื่อที่พอจะช่วยเหลือได้เท่านั้น
สำหรับถ้ำยื่นใหญ่ ที่ชาวบ้านพบแบะแส คลายกับมีรอยมือ รอบเท้า และรอบคลายรอยพญานาคตามความเชื่อ เมื่อเข้าไปภายในจะเจอกับรู 2 รู ซึ่งมีรูเข้าถ้ำเล็ก รูเล็กจะไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะมีขนาดความกว้างไม่ถึง 25 เซนติเมตร แต่ด้านในจะเป็นจุดที่ชาวบ้านเจอรอยเท้า รอยคลายพญานาค ส่วนรูใหญ่ จะเชื่อมไปยังโถง ที่เป็นจุดที่มีกระสอบสีฟ้า และจอมปลวกคลายพระพุทธรูป หน้าตักประมาณ 7 นิ้ว
ทางด้านถ้ำยื่นน้อย จากเบาะแสของชาวบ้าน บอกว่า เคยเป็นที่ปฏิบัติธรรมของพระถาวร ซึ่งถ้ำแห่งนี้ห่างจากถ้ำยื่นใหญ่ 200 เมตร โดยปากถ้ำกว้างประมาณ 1 เมตร 20 เซนติเมตร ภายในเป็นลักษณะโถง เกิดจากการขุดด้วยจอบของพระถาวร ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยภายในถ้ำขนาดเล็ก อาศัยอยู่ได้ประมาณ 2 คน บริเวณตรงกลางพบกองไฟเก่า โดยยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นเบาะแสของพระถาวรหรือไม่ และไม่พบรอยมือและรอยเท้าเหมือนที่ปรากฏอยู่ในถ้ำยื่นใหญ่
อย่างไรก็ตาม พระครูปลัดอดิศักดิ์ อัคคธัมโม หรือครูบาเนร เจ้าอาวาสวัดป่าห้วยหมากใต้ ให้ข้อมูลว่า ตำนานที่ผ่านมา จุดที่มีการสร้างกุฎิ เคยเป็นที่อยู่ของพญานาค เคยมีชาวบ้านเล่ากันว่าเป็นพญานาคนอนอยู่ด้านบน โดยหลังจากนี้จะมีการรื้อถอนกุฎิหลังเก่าออก แล้วสร้างพญานาค 7 เศียรตามนิมิตที่พระถาวรเห็นก่อนที่จะหายตัวไป และถือเป็นอนุสรณ์ให้กับพระถาวรไปด้วย