ตำรวจล่องโขงหา "พระถาวร" คาด 2 ปมหายลึกลับ บุกถ้ำเพชรพญานาคที่นั่งสมาธิ (คลิป)

การค้นหาตัวหลวงปู่ถาวร ถาวโร อายุ 62 ปี พระลูกวัดป่าห้วยหมากใต้ ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ที่หายตัวไปอย่างลึกลับในแม่น้ำโขง ตั้งแต่คืนวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา เวลา 21.39 น. ซึ่งก่อนหน้านี้มีชาวบ้าน พระ และเจ้าหน้าที่หน่วยเรือรักษาความสงบตามลำแม่น้ำโง สถานีเรือโขงเจียม ช่วยกันใช้เรือออกตามหาตามแนวชายตลิ่งแม่น้ำโขง ระยะประมาณ 500 เมตร ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ยังไม่พบ

โดยตั้งแต่ เมื่อเวลา 22.30 น. คืนวันที่ 16 ก.ย. 63 ตำรวจจาก สภ.โขงเจียม เดินทางมายังพื้นวัดป่าห้วยหมากใต้ อ.โจงเจียม จ.อุบลราชธานี ขึ้นไปยังกุฏิหลังเก่า เพื่อสำรวจและดูสถานที่จริง มีพระครูปลัดอดิศักดิ์ อัคคธัมโม เจ้าอาวาสวัดป่าห้วยหมากใต้ นำตำรวจขึ้นไปด้านบน

ตำรวจ ให้ข้อมูลว่า มาเพื่อดูสถานที่จริงรวมถึงเส้นทางที่คิดว่าพระถาวรได้ออกจากกุฏิก่อนหายตัวไป ภายหลังที่ญาติได้ไปลงบันทึกประจำวันคนหาย โดยดาบตำรวจเศรษฐสิฐ ขันทอง ตำรวจสังกัดโรงพักโขงเจียม บอกว่า ตนเดินทางมาตามข้อมูลสืบสวน และตรวจสอบสอลถามชาวบ้านเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดี

ล่าสุด วันที่ 17 ก.ย. 63 ทีมข่าวเดินทางไปที่วัดป่าห้วยหมากใต้ ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นวัดจุดสุดท้ายที่พระถาวรหายตัวไป ช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.โขงเจียม อ.โขงเจียม ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าและค้นหาเบาะแสการหายตัวไปของพระถาวร เริ่มต้นจากกุฎิหลังเก่า เบาะแสสุดท้ายก่อนที่จะลงไปที่แม่น้ำโขง โดยฝ่ายสืบสวนได้ลงพื้นที่จริง เพื่อทำไทม์ไลน์ในช่วงเวลาของพระถาวร เทียบเคียงช่วงเวลาจริง

หลังจากนั้นชุดสืบสวน ได้ประสานงานร่วมกับ หน่วยรักษาความสงบตามลำน้ำโขง เขตโขงเจียม หรือ นรข.โขงเจียม นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมด้วยเรือยนต์ 2 ลำ และเรือชาวบ้าน 1 ลำ ปูพรมลักษณะสแกนแบบหน้ากระดาน โดยมีเรือชาวบ้าน ซึ่งมีทีมข่าว ชาวบ้าน และฝ่ายสืบสวน นั่งในเรือลำนี้, จากนั้นเรือของชุด นรข. ขับประกบช้ายขวา เว้นระยะห่าง 100 เมตร สแกนจากจุดพบจีวร รอยเท้า ล่องลงไปตามลำน้ำ จนถึงบ้านบึนบึก หรือ เวินบึก ต.โขงเจียม ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายของเขตแดนไทย

เรือตรีอุทร รื่นกลาง หัวหน้าชุด นรก.โขงเจียม ชุดปฏิบัติการร่วมค้นหาวันนี้ เปิดเผยว่า แผนการค้นหาวันนี้ได้มีการค้นหาตั้งแต่จุดเจอจีวรและรอยเท้า บริเวณบ้านห้วยหมากใต้ ไปถึงบึนบึก และอาจเข้าไปในเขตทหารเล็กน้อย เบื้องต้นยังไม่พบเบาะแสของพระถาวร ส่วนเรื่องการข่าว ได้ประสานร่วมกับประเทศลาว รวมถึงกลุ่มชาวบ้านที่เป็นเรือประมง หากพบเบาะแสหรือล่างของพระถาวร ให้ประสานมายังหน่วยงานทางการไทย

การค้นหาวันนี้ยอมรับว่าค่อนข้างมีอุปสรรค เพราะเนื่องจากกระแสน้ำแรง รวมถึงสีน้ำค่อนข้างขุ่น ดังนั้นจึงเป็นการค้นหาบริเวณผิวน้ำ ซึ่งหากร่างของพระถาวรจมอยู่ในน้ำ วันนี้ครบ 8 วัน จะทำให้ร่างโผล่ขึ้นมาพ้นน้ำ แต่จากการค้นหาในพื้นที่เขตรับผิดชอบ รวมถึงเขตประเทศไทย ยังไม่พบร่างของพระถาวร ส่วนการค้นหาใต้น้ำ จะต้องมีการประสานหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในการลงค้นหา เพราะด้วยกระแสน้ำค่อนข้างแรง ประกอบกับยังไม่ทราบจุดที่ชัดเจนว่าจบบริเวณจุดใด จึงค่อนข้างทำให้เป็นอุปสรรคในการค้นหา ทั้งนี้ ไม่รู้ว่ามีการลงน้ำแล้วเสียชีวิต หรืออาจจะเพียงแค่ทิ้งจีวรและร่องรอยเอาไว้ แล้วกลับขึ้นไปบริเวณริมฝั่งตามเดิม

นอกจากการค้นหาทางน้ำ การแกะรอยค้นหาเบาะแสทางบกของฝ่ายสืบสวนโรงพักโขงเจียม นำโดนชุดของ พ.ต.ท.เทวินทร์ กองพอน รอง.ผกก.ฝ่ายสืบสวน สภ.โขงเจียม ได้ส่งตำรวจฝ่ายสืบสวน ย้อนเส้นทางและจำลองสถานที่จริง

โดยทดสอบการขึ้นลงบริเวณเขาก่อนถึงวัดน้ำโขง ซึ่งค่อนข้างเป็นทางชัน ประกอบกับเป็นดินทราย และเป็นป่าไผ่ หากพระถาวรซึ่งมีอายุกว่า 62 ปี จะใช้เส้นทางนี้เพื่อลงน้ำโขงค่อนข้างลำบาก ต้องมีการไถลลงตามพื้นที่ดินทราย จับกิ่งไผ่พยุงตัว จึงจะลงสู่บริเวณริมฝั่งโขงได้

จากนั้น ฝ่ายสืบสวนวิเคราะห์เกี่ยวกับรอยเท้าที่ปรากฏอยู่บริเวณทรายพร้อมกับจีวร ซึ่งลักษณะรอยเท้าเป็นรอยเท้าที่ทิ้งน้ำหนักบริเวณนิ้วเท้า โดยคาดการณ์ว่าเป็นการเขย่ง หรือเจตนาเหยียบทรายแล้วพุ่งลงน้ำโขงโดยทันที จึงทำให้ไม่มีรอยเท้าบริเวณส้นเท้า

โดยคนปกติเหยียบทรายจะต้องเหยียบทั้งเท้า เห็นเป็นลักษณะรอยเท้าเต็มรูป ไม่ใช่เพียงแค่ส่วนปลายเท้าหรือนิ้วเท้า ดังนั้นจึงวิเคราะห์ได้ว่าเป็นการทิ้งตัวไปข้างหน้า จึงทำให้นิ้วเท้าหน้าเกิดแรงกดเยอะกว่า

จากนั้น ชาวบ้านโขงเจียม 2 คน พาทีมข่าวเดินทางไปที่สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำศิลาอาจ อยู่ห่างจากวัดป่าห้วยหมากใต้ 4 กิโลเมตร ในเขตหมู่บ้านบึนบึก หรือ เวินบึก โดนทางขึ้นไปสำนักปฏิบัติธรรมจะเป็นทางป่า มีทางเดินสะดวก แต่จะลาดชันบางช่วง สลับกับมีโขดหิน ต้องเดินผ่านป่าไผ่ ระยะทางจากถนนใหญ่ประมาณ 700 เมตร

จากนั้นไปยังถ้ำเจียรถ้ำเจียร ชาวบ้านโขงเจียมเล่าเกี่ยวกับความเชื่อของถ้ำว่า ถ้ำแห่งนี้มีหลายชื่อ ขึ้นอยู่กับว่าชาวบ้านจะเรียกขานกันมีชื่อเรียก ถ้ำเจียร, ถ้ำน้ำลอด, ถ้ำพญานาค เพราะถ้ำนี้เป็นจุดที่สามารถเชื่อมไปยังน้ำโขงได้ เคยมีตำนานจากคนเฒ่าคนแก่ของหมู่บ้านเล่าต่อกันมาว่าเป็นที่สิงสถิตของพญานาคในถ้ำ เพราะด้านในจะมีเจดีย์สูง

ทีมข่าวสำรวจภายในถ้ำ ตั้งแต่ปากถ้ำที่มีความกว้างประมาณ 60 เซนติเมตร ลึกลงไป 2 เมตร หลังจากผ่านบริเวณปากถ้ำ จะเป็นลักษณะแนวราบ แต่ความกว้างของผนังถ้ำกับพื้น สูงไม่ถึง 70 เซนติเมตร ซึ่งการเข้าไปจะค่อนข้างยากลำบากเพราะต้องคลานและนอนราบไปกับพื้น ระยะทางกว่า 300 เมตร อุปสรรคจะมีทั้งค้างคาว พื้นที่เปียกชื้น และมีน้ำไหลออกซอกหินตลอดเวลา บางจุดค่อนข้างแคบ ซึ่งคนที่มีน้ำหนักตัวมากจะไม่สามารถที่จะผ่านจุดช่วงนี้ไปได้ หากผ่านบริเวณช่วงผนังแคบไปได้แล้ว ก็จะเจอกับโถงใหญ่ มีความสูงประมาณ 3-4 เมตร แต่ก็ยังสามารถเดินได้บ้างบางจุด

เมื่อเข้าไปถึงบริเวณโถงด้านในความลึกประมาณ 1 กิโลเมตร เจอกับเนินดินสูงประมาณ 1.50 เมตร จากการสำรวจช่วงหน้าน้ำก็จะมีน้ำเต็มถ้ำ อยู่อาศัยไม่ได้ แต่ถ้าเป็นช่วงปกติจะมีช่องลมที่สามารถถ่ายเทอากาศและมีออกซิเจนเข้ามาภายในได้ ที่สำคัญเป็นมืด แต่ไม่ใช่ถ้ำตัน มีปลายทางออกทะลุออกไปสู่แม่น้ำโขได้

พระมังกร สุจิตโต เจ้าสำนัก เปิดเผยว่า พระถาวรเปรียบเสมอเพื่อนสนิทกัน นับถือกันเป็นเหมือนลูกพี่ลูกน้อง และพระถาวรมักจะเดินทางมาจำวัดที่นี่บ้างบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่จะมาขอความช่วยเหลือ และขอปัจจัยเอาไปสร้าง หรือบูรณะวัดป่าห้วยหมากใต้ ครั้งล่าสุด ประมาณ 16 ส.ค. 63 ตนมอบเงินให้ไป 2,000 บาท และยังมีครั้งก่อนหน้าได้มอบอิฐ หิน ดิน ทราย เพื่อนำไปใช้บูรณะตามที่พระถาวรขอ

ส่วนเมื่อช่วงต้นเดือน ก.ย. ก่อนจะหายตัวไป 1 วัน จำได้ว่า ประมาณวันที่ 9 ก.ย. พระถาวร ได้เดินทางมาหาที่สำนักสงฆ์ บอกว่า มาขอเพชรพญานาคสีเขียว ซึ่งตนก็บอกไปว่าที่สำนักยังไม่มีให้ โดยพระถาวรยังคงยืนยันและพูดด้วยเสียงแข็งว่า "ที่สักนักปฏิบัติธรรมต้องมี เพราะในความฝัน ในนิมิตเห็นพยานาคมาขดนอนที่สำนัก แล้วปล่อยลูกแก้วสีเขียว ที่เรียกว่าเพชรพญานาคเอาไว้ที่นี่" ซึ่งตนบอกว่า "ไม่มีเพชรพญานาคมอบให้ เพราะช่วงนี้ที่วัดไม่มี" พระถาวรก็กลับออกไปตามปกติ

โดยเพชรพญานาคที่พระถาวรมาถามถึง ปกติตนเองจะเก็บได้จากสถานที่ต่าง ๆ แม้กระทั่งแค่การกวาดวัดยังเจอบนพื้น ดังนั้น ส่วนตัวไม่มองว่าคือเพชรพญานาค แต่มันคือแสงธรรมของพระพุทธเจ้า เพียงแต่พญานาคกลัวมนุษย์จะเอาไปครอบครอง จึงได้เป็นคนดูแลแทน จึงถูกเรียกต่อ ๆ กันทาว่าเพชรพญานาคเท่านั้น

ส่วนความเชื่อที่ทำให้พระถาวรหายตัวไป เป็นเพราะว่าพระถาวรมีความเชื่อเรื่องพญานาค แล้วมักจะธุดงค์ไปในสถานที่ต่าง ๆ ที่มีพญานาค รวมถึงมักจะเก็บเอาสิ่งของสำคัญ เช่น เพชร พลอย ทอง และเพชรพญานาค โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหรือเจ้าที่ หลังจากที่เก็บสิ่งของเหล่านั้นกลับมา ก็ทำให้สิ่งลี้ลับบางอย่างที่มองไม่เห็นตามทวงเอาของคืน ส่วนตัวจึงเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้อาจเป็นเพราะศีลแตก หรือตะบะแตก ทำให้เกิดเรื่องของการควบคุมสติไม่ได้ หลงลืมจนตกน้ำตกท่าได้

ด้านมุมวิทยาศาสตร์ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อ.อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มองว่าลักษณะของเพชรพญานาคที่พระได้มาจากถ้ำ ลักษณะรูปทรงที่มีการตกแต่งมาแล้ว ไม่เหมือนกับเพชรพลอยที่เกิดจากธรรมชาติ ตัวที่เห็นตนเองเคยวิเคราะห์หลายครั้งแล้วว่า เพชรพญานาคเป็นกลุ่มพลาสติกหรือโพลิเมอร์สังเคราะห์ และแก้วที่ใช้ในอ่างเลี้ยงปลา ซึ่งหาซื้อได้ทั่วไปในตลาดสำเพ็ง ซึ่งวัสดุเหล่านี้เป็นคนละพวกกับสารที่จะเกิดจากสิ่งมีชีวิตได้ ถ้าจะออกมาจากร่างกายจริง ๆ ก็ต้องเป็นสารอิทรีย์ ส่วนกลุ่มซิลิเกศ หรือกลุ่มแก้ว เป็นสารอันอินทรีย์

ถ้าเป็นพลาสติก โพลิเมอร์ ที่ผ่านการลบเหลี่ยมแล้วเป็นของที่มนุษย์ทำขึ้นอย่างแน่นอน ไม่มีทางเกิดขึ้นโดนธรรมชาติเด็ดขาด จึงฝากเตือนทุกคนว่าจงมีสติ วัสดุเหล่านี้เป็นคนละพวกกับเพชรพลอย