หวิดหนีข้ามแดน! นักโทษแสบฉกชุดผู้คุมปลอมตัวใส่แหกคุก สามล้อรับขึ้นรถ ปัดรู้เห็น (คลิป)

ความคืบหน้ากรณีที่นายวุฒิชัย เดชสิทธิ์ธนวัฒน์ อายุ 35 ปี ผู้ต้องขังชายคดีลักทรัพย์ ก่อเหตุแหกคุกหลบหนีจากเรือนจำเพชรบูรณ์ โดยสวมเครื่องแบบแขนยาวสีน้ำเงินเข้มของผู้คุมเรือนจำจังหวัดเพชรบูรณ์ จากห้องเปลี่ยนเสื้อที่อยู่ภายในเรือนจำ ในคลิปภาพกล้องวงจรปิดบันทึกภาพผู้ต้องหาสวมใส่เครื่องแบบ ในมือถือแฟ้มเอกสาร สวมหน้ากากอนามัย และสวมหมวกเพื่อปกปิดใบหน้า ตีเนียนเล่นบทผู้คุม สวมเครื่องแบบแล้วเดินออกมาทางประตูด้านหน้าของเรือนจำได้อย่างง่ายดาย

โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่รู้ว่าเป็นผู้ต้องหา ปล่อยให้เดินออกไป และจากภาพที่ปรากฏในคลิปนั้น ผู้ต้องหาค่อนข้างใจเย็น หลังจากเดินออกมาจากอาคารเรือนจำแล้ว เดินออกไปทางด้านหน้าและว่าจ้างรถสามล้อที่จอดอยู่ด้านหน้าให้ไปส่ง

จากนั้นสืบทราบว่าผู้ต้องหาได้กลับเข้าไปที่บ้าน ซึ่งอยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งหน้าค่าย เพื่อไปเอารถจักรยานยนต์ PCX สีดำ แล้วใช้เป็นยานพาหนะในการหลบหนีต่อไป

ล่าสุด วันที่ 17 ก.ย. 63 กำลังเจ้าหน้าตำรวจ สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ร่วมกับเจ้าหน้าเรือนจำจังหวัดเพชรบูรณ์และเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดพิษณุโลก นำกำลังออกติดตามตัวผู้ต้องขัง จนกระทั่งได้สืบทราบว่าผู้ต้องขังได้หลบไปอยู่ที่บ้านร้างหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 10 ต.ชอนไพร อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเจ้าของใช้เก็บผลผลิตทางการเกษตร และไม่มีผู้อยู่อาศัย จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมตัว

พบผู้ต้องขังหลบอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว ส่วนรถจักรยานยนต์ที่ขับขี่มาได้ถูกซุกซ่อนเอาไว้ภายในไร่ข้าวโพด จากนั้น พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ลงพื้นที่เพื่อสอบถามผู้ก่อเหตุ โดยนายวุฒิชัย ผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่า ตนเองโดนคดีลักทรัพย์รวม 6 คดี รู้ว่าครั้งนี้ต้องติดคุกยาวแน่นอน แต่ตนเองไม่อยากจะติดคุก จึงวางแผนดังกล่าวขึ้นมาโดยลงมือทำคนเดียว โดยหยิบชุดผู้คุมที่แขวนไว้มาใส่ ไม่มีใครรู้เห็นหรือร่วมขบวนการด้วย

ด้าน นายมานพ อายุ 65 ปี คนขับสามล้อหน้าเรือนจำ เล่านาทีพาผู้ต้องขังหนีโดยไม่รู้ตัวว่า ช่วงเกิดเหตุผู้ต้องขังได้เดินออกมาจากเรือนจำและเรียกรถสามล้อในวิน แต่คนในวินบอกให้มาหาตนก่อนเพราะตนเป็นคิวแรก โดยผู้ต้องขังได้ว่าจ้างให้ตนไปส่งที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แต่พอขับออกไปยังไม่ถึงผู้ต้องขังก็บอกว่าไม่ต้องไปแล้ว ให้เลี้ยวซ้ายไปอีกทาง ซึ่งระหว่างทางผู้ต้องขังก็เร่งให้ตนรีบขับไว ๆ และเริ่มน้ำเสียงเปลี่ยนไป ตนก็บอกว่ารถสามล้อมันหนักขับไวได้แค่นี้ กระทั่งถึงช่วงทางแยกรถตนขึ้นไม่ไหว ผู้ต้องขังก็รีบกระโดดลงจากรถและวิ่งหนีไปอย่างเร็ว โดยไม่จ่ายเงินค่าโดยสาร เมื่อกลับมาถึงคิวสามล้อก็ทราบข่าวว่าเป็นผู้ต้องขังหลบหนี

ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวถึงกับรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่คาดคิดว่าผู้ต้องขังจะแอบสวมชุดเจ้าหน้าที่เรือนจำมาหลอกให้ไปส่งเช่นนี้ หลังตั้งสติได้ถึงกับยกมือขึ้นท่วมหัวที่รอดมาได้อย่างปลอดภัย

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบข้อความแชตการสนทนาของผู้ต้องขังที่ส่งถึงภรรยา จับใจความได้ว่ากำลังจะหนีออกจากเรือนจำเพื่อออกไปนอกประเทศ และฝากข้อความถึงครอบครัวด้วย