วันที่ 17 ก.ย. 63 เวลา 07.30 น. เจ้าหน้าที่วิทยุ 191 สน.ทุ่งครุ ได้รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิต มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด โดยที่เกิดเหตุเป็นบ้านพักในหมู่บ้าน ถนนครุใน ซอย 3 แขวงและเขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ มีผู้เสียชีวิต 5 ราย เป็นผู้ใหญ่ 4 ราย และเด็กอายุ 7 ขวบอีก 1 ราย
ต่อมา พ.ต.อ.สุรเวช การวัฒนาศิริกุล ผกก.สน.ทุ่งครุ, พ.ต.ท.กฤษดา รอง.ผกก.สืบสวน สน.ทุ่งครุ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สน.ทุ่งครุ แพทย์เวรโรงพยาบาลศิริราช เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เบื้องต้นทราบว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมันเครื่อง และคาดว่าเสียชีวิตตั้งแต่เวลา 05.00 น. ที่ผ่านมา
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ลักษณะเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้าบ้านเจ้าหน้าที่ได้นำเชือกสีเหลืองมาขึงกั้นไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในจุดเกิดเหตุ
ทราบชื่อผู้เสียชีวิตทั้ง 5 รายคือ จ่าสิบเอกอนุวัต คล้ายพยัฆ อายุ 39 ปี เจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นผู้ก่อเหตุ เนื่องจากมีปืนขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก ตกอยู่ใกล้มือ, นางวิภางค์ พุ่มไพจิตร ภรรยา อายุ 38 ปี, ด.ช.ภคิน หรือ ชินจัง วัย 7 ขวบ ลูกชาย เรียนอยู่ชั้น ป.2, นายประวิทย์ คล้ายพยัฆ ปู่ อายุ 71 ปี อดีตทหารเกษียณอายุราชการ และนางอรสา คล้ายพยัฆ ย่า อายุ 70 ปี เสียชีวิตอยู่บริเวณชั้นล่างใกล้ประตูมุ้งลวดหน้าบ้าน
โดยพฤติการณ์การก่อเหตุนั้น เจ้าหน้าที่คาดว่าขณะที่ภรรยาและลูกชายอยู่ในห้องนอนชั้นบนของบ้าน ภรรยาและลูกชายสวมชุดนอน จากนั้นจ่าสิบเอกอนุวัต ใช้อาวุธปืนส่วนตัวขนาด .38 เข้ามายิงที่ขมับขวาภรรยา 1 นัด นอนเสียชีวิตอยู่บนที่นอนมีผ้าห่มคลุม จากนั้นยิงที่ด้านหลังศีรษะของลูกชายวัย 7 ขวบ 1 นัดนอนหงายเสียชีวิต ที่ฟูกนอนด้านข้างเตียงนอน จากนั้นเดินไปที่ห้องนอนของพ่อตัวเอง ซึ่งอยู่ติดกัน เข้าไปยิงหน้าผากของพ่อ กระทั่งนอนเสียชีวิตในแนวขวางกับประตู จังหวะนั้น นางอรสา แม่ของคนก่อเหตุ วิ่งหนีเอาชีวิตรอดลงบันไดจากชั้นสองลงมาด้านล่าง กำลังจะเปิดประตูหนี ถูกยิงเข้าที่ด้านหลังศีรษะ 1 นัดจนล้มลง ก่อนถูกยิงซ้ำที่ท้อง 3 นัด และต้นขาขวาจำนวน 2 นัด รวมทั้งสิ้น 6 นัด นอนหงายเสียชีวิตหน้าประตูบ้าน จากนั้น จ่าสิบเอกอนุวัตเดินกลับขึ้นไปยังห้องก่อนนั่งลงที่ฟูกนอน ข้างศพลูกชาย ยิงขมับขวาฆ่าตัวตายตาม
เบื้องต้นจากรายงาน ทราบว่าภายในบ้านพบศพผู้เสียชีวิตบริเวณชั้นล่างจำนวน 1 ราย และชั้นสอง อีกจำนวน 4 ราย พบปลอกกระสุนปืนกึ่งอัตโนมัติ ของกระจัดกระจายอยู่พื้นบ้านเป็นจำนวนมาก
นางรักจิต ทุมรินทร์ อายุ 60 ปี เพื่อนบ้านที่สนิท เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 05.50 น. ที่ผ่านมา ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด มีเสียงผู้หญิงร้องขึ้นว่า "โอ้ย โอ้ย กูเจ็บ" เสียงปืนดังขึ้นอีก 4 นัด
จากนั้นประมาณ 07.00 น. รู้สึกผิดสังเกตที่คนในครอบครัว ยังไม่ตื่นหรือเปิดไฟในบ้านเพื่อส่งหลานไปโรงเรียน ทั้งที่รถยนต์และรถจักรยานยนต์จอดอยู่ จึงเดินออกไปดูที่หน้าบ้านที่เกิดเหตุ มองเห็นย่า ซึ่งเป็นผู้สูงวัยนอนเสียชีวิตอยู่ในบ้านชั้นล่าง จึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจเข้าตรวจสอบ
ทั้งนี้ บ้านที่เกิดเหตุมีผู้พักอาศัยอยู่ 5 คน ปู่ ย่า ลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลานชาย อายุ 7 ขวบ มีความคุ้นเคยสนิทกับครอบครัวตน เนื่องจากชอบพาหลาน ๆ มาเล่นด้วยกัน ยอมรับว่ารู้สึกตกใจที่เกิดเหตุขึ้น ไม่คาดคิดว่าจะยิงกันตายคาบ้านยกครัว และไม่ทราบว่าใครเป็นคนลงมือยิง ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นคนในบ้านหลังนี้มีปัญหาทะเลาะขัดแย้งกับเพื่อนบ้าน ไม่เคยทะเลาะกับใคร เป็นเพื่อนบ้านที่ดี โดยส่วนตัวคาดว่าเป็นปัญหาเรื่องธุรกิจครอบครัว
ภายหลังจากทีมแพทย์นิติเวชตรวจสภาพศพและเจ้าหน้าที่ พฐ. ตรวจเก็บหลักฐานแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำผ้าใบสีเขียวห่อศพก่อนวางบนเปลนอน แล้วทยอยลำเลียงด้วยการยกเปลนอนออกมาที่หน้าบ้าน เพื่อนำขึ้นรถกู้ภัยมูลนิธิจำนวน 4 คัน นำร่างของผู้เสียชีวิตไปยัง สน.ทุ่งครุ เพื่อพิมพ์ลายนิ้วมือ จัดทำเอกสาร ก่อนนำตัวส่งไปยังสถาบันนิติเวช รพ.ศิริราช เพื่อทำการชันสูตรพลิกศพต่อไป
พ.ต.อ.สุรเวช การวัฒนาศิริกุล ผกก.สน.ทุ่งครุ ระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่มุ่งไปที่ปัญหาส่วนตัวเศรษฐกิจครอบครัว การเงิน เนื่องจากมีข้อมูลเอกสารการเตรียมรีไฟแนนซ์บ้าน อีกทั้งมีเอกสารการซื้อ-ขายรถ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าครอบครัวคนเสียชีวิตนำรถไปรีไฟแนนซ์หรือนำไปขายหรือไม่
ส่วนกล้องวงจรปิด 4 ตัว ที่หน้าบ้าน 2 ตัวและหลังบ้านอีก 2 ตัว ได้ตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่ามีคนนอกเข้ามาในตัวบ้านและไม่มีรถยนต์ของคนนอกเข้ามา จึงให้น้ำหนักไปที่การฆ่ายกครัว ก่อนฆ่าตัวตายตาม ส่วนอาวุธปืนคาดว่าเป็นของจ่าสิบเอกอนุวัต ซึ่งจากหลักฐานที่พบคาดว่าเป็นคนก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม ต้องมีการตรวจสอบอีกครั้งว่าเป็นปืนของใคร สำหรับอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุนั้น ขนาด .38 เป็นปืนลูกโม่กระบอกสั้น เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและเตรียมสอบปากคำลูกสาวของคนเสียชีวิต ญาติ และคนสนิท อีกครั้ง
พ.ต.อ.สุนัน อ้นหนองปรง ผกก.(สอบสวน) บก.น.8 กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบว่าปืนที่ใช้ก่อเหตุตกอยู่ใกล้ จ.ส.อ.อนุวัติ แต่ยังไม่ยืนยันว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ ตำรวจได้ตั้งสมมติฐานเบื้องต้นไว้ แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ ต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานทั้งจากกล้องวงจรปิดในบ้านที่สั่งการให้ บก.สส.บก.น.8 เก็บเซิร์ฟเวอร์ไปตรวจสอบแล้ว และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ต้องติดตามญาติ ๆ ผู้ตายซึ่งมีพื้นเพอยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทรา มาถามแรงจูงใจในการก่อเหตุ เนื่องจากไม่พบจดหมายลาตาย และยังไม่พบว่ามีบุคคลอื่นเข้ามาในบ้าน ประกอบกับประตูหน้าบ้านก็ถูกล็อกจากด้านใน
สำหรับบริษัทของคนเสียชีวิต มีการจัดตั้งมาประมาณ 1 ปีแล้ว ซึ่งก่อนหน้าที่จะมาเปิดบริษัทนั้น เคยเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง จากนั้นมาเปิดร้านหมูย่างเกาหลี แต่ขาดทุนจึงปิดกิจการ แล้วมาจดทะเบียนเปิดบริษัทที่บ้านเป็นที่ตั้งบริษัทน้ำยาเคมีและผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ มีสินค้าเป็นสเปรย์เอนกประสงค์ จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เมื่อเดือนตุลาคม 2562 ใช้ทุนจดทะเบียน 500,000 บาท ผลประกอบการล่าสุด ขาดทุน 4,515 บาท
นายสมชาย แย้มสำเร็จ หรือ ตั๊ก อายุ 34 ปี เพื่อนบ้านในหมู่บ้านเดียวกัน เป็นคนที่เข้าไปเรียกผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เช้าวันนี้เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. พี่สาวของตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด เข้าใจว่าเป็นเสียงปืนจากนอกหมู่บ้าน ก่อนรู้สึกเอะใจ เนื่องจากช่วงฟ้าสางบ้านที่เกิดเหตุปิดเงียบ ไม่มีคนออกมานอกบ้าน หรือส่งหลานไปโรงเรียน ตนจึงวิ่งไปดูที่หน้าบ้าน จากนอกรั้วบ้าน เนื่องจากบ้านปิดล็อกจากภายใน
มองเข้าไปพบร่างของนางอรสา อายุ 70 ปี นอนนิ่งอยู่บริเวณชั้นล่างใกล้ประตูมุ้งลวด หน้าบ้านมีรอยเลือดออกที่บริเวณท้องจำนวนมาก คาดว่านอนเสียชีวิต ตนจึงตะโกนเรียกผู้เสียชีวิตว่า "คุณป้า ๆ ๆ" หลายครั้ง และตะโกนเรียกคนในบ้านแต่กลับไม่มีใครตอบกลับ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาที่เกิดเหตุ ตอนนั้นตนไม่แน่ในว่าเป็นการฆาตกรรมหรือไม่ ในระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังเข้าตรวจ จึงบันทึกคลิปไว้ เผื่อมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น หวั่นมีคนร้ายอยู่ในบ้าน เนื่องจากแอร์ที่บ้านถูกปิดเอง ทั้งที่ทุกคนในบ้านเสียชีวิตแล้ว
นอกจากนี้ ก่อนเกิดเหตุตนและชาวบ้านใกล้เคียงไม่พบเห็นความผิดปกติ คนแปลกหน้าหรือคนนอกเข้ามาที่บ้านคนเสียชีวิต แต่พบความผิดปกติที่ตัวคนเสียชีวิต ทั้งปู่ ย่า และพ่อแม่เด็ก มีสีหน้าเศร้าหมอง คล้ายคนเป็นซึมเศร้า ไม่สดใสเหมือนทุกวัน
โดยส่วนตัวมองว่า เป็นการฆ่าสมาชิกในครอบครัวก่อนฆ่าตัวตาย ไม่ใช่การฆาตกรรม สำหรับตัวจ่าสิบเอกอนุวัต ซึ่งเป็นพ่อของเด็กชาย 7 ขวบนั้น ตนไม่ทราบว่ามีอาการป่วยทางจิตหรือร่างกายหรือไม่ แต่ไม่พบปัญหาเรื่องยาเสพติด ส่วนนิสัยใจคอเป็นคนนิสัยดี มีน้ำใจ ชอบทำขนมมาแจกเพื่อนบ้านและเด็ก ๆ ในหมู่บ้านเป็นประจำ ส่วนตัวมองว่าเป็นเพราะพิษเศรษฐกิจ ทำให้คิดสั้นก่อเหตุสลดขึ้น
นายชัชวีร์ ตั้งมั่น อายุ 27 ปี บ้านฝั่งตรงข้ามของครอบครัวผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เช้าวันเกิดเหตุ แม่ของตนตื่นเพื่อออกไปทำงานในเวลา 05.50 น. ขณะที่กำลังจะออกจากบ้าน ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายครั้ง และได้ยินเสียงคนตะโกนว่า "โอ้ย อย่ายิง โอ้ย อย่ายิงกู กูเจ็บ" ตอนแรกแม่ของตนกำลังจะเข้าไปดู แต่สุดท้ายไม่กล้าเข้าไปเพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย โดยส่วนตัวมองว่าจ่าสิบเอกอนุวัตเป็นคนก่อเหตุ เนื่องจากมีอาวุธปืน ส่วนพ่อของเขาไม่น่าจะใช่คนก่อเหตุ เนื่องจากเป็นคนธรรมะ ชอบไหว้พระ
ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยได้ยินเสียงจ่าสิบเอกอนุวัตทะเลาะกับภรรยาเสียงดัง ด่าและตีลูกชายวัย 7 ขวบ อยู่ภายในบ้าน สำหรับความผิดปกติหรือพิรุธก่อเกิดเหตุนั้น ครอบครัวคนเสียชีวิตปิดบ้านเร็วกว่าทุกวัน บ้านเงียบตั้งแต่เวลา 18.00 น. และปิดไฟบ้านทั้งหลังในเวลา 21.00 น. ก่อนทราบว่าเสียชีวิตในวันรุ่งขึ้น ส่วนสาเหตุคาดว่าความเครียดธุรกิจการเงิน หรืออาจจะมีเรื่องชู้สาวหึงหวงหรือไม่
ขณะที่ นางพิจิตรา ทองน้อย เพื่อนบ้านที่อยู่บ้านคูหาติดกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งมีห้องนอนติดกับห้องนอนคนเสียชีวิต เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า เมื่อเช้าที่ผ่านมา ตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด จากนั้นนัดที่ 3 ดังขึ้น ก่อนได้ยินเสียงผู้หญิงร้อง "โอ้ย โอ้ย" ก่อนมีเสียงดังขึ้นไม่ต่ำกว่า 5 นัด จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าช็อก ตกใจสติแตก กลัว สงสาร เสียใจ ทุกความรู้สึกมาปะปนพร้อมกัน ทำให้ตนเครียดมากจนตัวสั่น เหงื่อไหลตลอดทั้งวัน ตนรู้สึกกลัวมาก โดยเฉพาะกลัววิญญาณเสียงแปลก ๆ หรือมาปรากฎตัวให้เห็น เนื่องจากเสียชีวิตถึง 5 ศพ ซึ่งทั้ง 5 ศพทั้งครอบครัวนี้ตนค่อนข้างสนิทสนมคุ้นเคยใกล้ชิดมาก ครอบครัวคนเสียชีวิตเป็นคนนิสัยดี เรียบร้อย มีมารยาททั้งครอบครัว จึงกลัววิญญาณคนเสียชีวิตมาหา
วันนี้ตนนำพระสมเด็จนางพญาจากบ้านหลานสาวมาพกติดตัว เพื่อความเป็นสิริมงคลปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ให้รู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น ทันทีที่เกิดเหตุสลดขึ้น ตนมีความคิดอยากขายบ้าน ซึ่งเป็นบ้านที่ซื้อและตกแต่งอย่างดี อาศัยอยู่ได้ 1 ปีเศษเท่านั้น ต้องการขายในราคาเท่าทุนที่สร้างและตกแต่ง จำนวน 2.3 ล้านบาท ถ้าหากขายได้ ตนก็พร้อมจะย้ายออกทันที เพราะคงไม่สามารถนอนหลับ หรือใช้ชีวิตได้ปกติสุข ไม่กล้าอาบน้ำ ไม่กล้าอยู่ในบ้านคนเดียว
นายณรงค์ โต๊ะงาม อายุ 40 ปี เพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายสิบรุ่นที่ 43 ของนายอนุวัต เดินทางมายังสน.ทุ่งครุ เพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับการรับศพ เล่าว่า ตนรู้จักกับนายอนุวัตมา 20 ปี ตั้งแต่ปี 2543 ตาดว่านายอนุวัตไม่มีญาติที่ไหนแล้ว โดยปกตินายอนุวัตเป็นคนใจเย็นอารมณ์ดี ไม่เคยทะเลาะวิวาทกับใคร ไม่น่าเชื่อว่าจะก่อเหตุเช่นนี้ โดยอนุวัตได้ลาออกจากข้าราชการทหารเมื่อประมาณ 5-6 ปีก่อน บอกว่าจะไปทำธุรกิจกับภรรยา ปรึกษากับตนว่าอยากจะทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมีทุนจำนวน 2-3 ล้านบาท ซึ่งตนได้แนะนำไปว่าไม่ควรทำ เนื่องจากนายอนุวัตไม่มีความรู้ด้านนี้ จากนั้นนายอนุวัตก็ขาดการติดต่อไป
ทั้งนี้ หากนายอนุวัตจะก่อเหตุ ก็น่าจะมาจากเหตุผลความเครียดทางการเงิน เนื่องจากเมื่อประมาณ 1 เดือนก่อน นายอนุวัตได้โทรศัพท์มาปรึกษาตนให้หานายทุนให้ พร้อมขอยืมเงินประมาณ 1-2 แสนบาท เนื่องจากนายอนุวัตรับงานรับเหมาก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรมา แต่หมุนเงินไม่ทัน เบิกเงินไม่ได้ เช่น ค่าอุปกรณ์ ค่าคนงาน โดยนายอนุวัตเคยถูกคนงานกดดัน เนื่องจากไม่มีเงินจ่ายให้
ล่าสุดที่ตนคุยกับนายอนุวัตคือเมื่อวานนี้ ตนยังไม่สามารถหาเงินมาช่วยเหลือได้ ขอเวลาอีกสัก 1-2 สัปดาห์ ซึ่งทุกครั้งที่คุยกัน นายอนุวัตไม่เคยตัดพ้อหรื่อบ่นว่าอยากตายแม้แต่ครั้งเดียว จากนี้ กลุ่มเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายสิบของนายอนุวัตจะรวมตัวกัน รวบรวมเงินเพื่อช่วยเหลือญาติของนายอนุวัต เพราะนายอนุวัตเปรียบเสมือนคนในครอบครัวของเพื่อน ๆ ทุกคน
สำหรับที่สถานีตำรวจนครบาลทุ่งครุ เวลา 14.30 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้รับใบส่งตัวศพจาก สน.ทุ่งครุ และเคลื่อนศพ 5 ร่าง ไปส่งยังโรงพยาบาลศิริราช
