จากกรณีที่วันที่ 17 ก.ย. 63 เวลา 07.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งครุ ได้รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตด้วยอาวุธปืน มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ถนนครุใน ซอย 3 แขวงและเขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ มีผู้เสียชีวิตจำนวน 5 ราย คาดปมปัญหาเครียดเรื่องธุรกิจ และสภาพการเงินในครอบครัว เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำศพส่งนิติเวช โรงพยาบาลศิริราช เพื่อชันสูตรพลิกศพ ก่อนญาติเดินทางไปรับศพเพื่อประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สะเทือนขวัญ ยิงยกครัว 5 ศพ พบธุรกิจเจ๊งขายรถใช้หนี้ ข้างบ้านหลอนหนักจ่อย้ายหนี
วันที่ 18 ก.ย. 63 ที่นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช นายณรงค์ โต๊ะงาม อายุ 40 ปี เพื่อนร่วมรุ่น จ.ส.อ.อนุวัต เดินทางมาติดต่อขอรับศพผู้เสียชีวิตทั้ง 5 ราย โดยนายณรงค์ กล่าวว่า ตนมาเป็นตัวแทนทางครอบครัวรับศพไปบำเพ็ญกุศล ซึ่งก่อนหน้านี้ญาติได้เดินเรื่องเอกสารไว้เรียบร้อยแล้ว สำหรับปมเหตุที่เกิดขึ้น ตนยังไม่ได้พูดคุยกับญาติของผู้เสียชีวิตเพราะต่างอยู่ในอาการเสียใจ มีเพียงการพูดเรื่องจัดงานศพเท่านั้น
โดยปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากปัญหาด้านธุรกิจ ที่เริ่มจากน้ำยาล้างห้องเครื่องรถจักรยานยนต์ และธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
ก่อนเกิดเหตุ 1 วันเพื่อนโทรศัพท์มาปรึกษาเรื่องเงิน ซึ่งตนก็บอกไปว่าให้รอ 1-2 สัปดาห์ จะช่วยหาทางออกให้ ซึ่งช่วงที่คุยกัน เพื่อนไม่ได้พูดเป็นลาง มีแต่เสียงแผ่วเบากว่าปกติ และไม่เคยตัดพ้อว่าอยากตาย ส่วนปัญหาเรื่องหนี้สินตนไม่ทราบตัวเลข เพราะเพื่อนบอกเพียงว่าหมุนเงินไม่ทันเท่านั้น
นอกจากนี้ จ.ส.อ.อนุวัต เป็นคนที่รักลูกและครอบครัวมาก ปกติเป็นคนใจเย็น ไม่ใช่คนอารมณ์ร้อนหรือฉุนเฉียว หลังทราบข่าวตนก็ตกใจ ไม่คิดว่าเพื่อนจะกล้าก่อเหตุ ส่วนอาวุธปืนตนไม่รู้ว่าเป็นของใคร เพราะไม่เคยรู้ว่าเพื่อนมีปืน แต่เพื่อนเคยเป็นทหารย่อมต้องเคยมีปืนเป็นธรรมดา
ทั้งนี้เวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ประจำนิติเวช ศิริราช แจ้งว่าญาติได้รับศพผู้เสียชีวิตทั้ง 5 รายออกไปจากโรงพยาบาลแล้ว โดยใช้ประตูอีกทาง เพื่อไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบางนานอก
ที่วัดบางนานอก แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ สถานที่ตั้งศพของผู้เสียชีวิตทั้ง 5 ราย ศาลา 3 บรรยากาศเศร้าโศก มีข้าราชการทหารจากกองทัพบก กองทัพเรือ และเพื่อนร่วมงานบริษัทน้ำยาเคมี เพื่อนสนิท ญาติ และคนใกล้ชิดเดินทางมาร่วมงานจำนวนมาก พี่สาวคนก่อเหตุยืนต้อนรับแขกที่มาร่วมงาน ยืนร้องไห้ตลอดเวลา
โดยเมื่อรถตู้ที่เคลื่อนย้ายศพจำนวน 4 คันจาก รพ.ศิริราช มาถึงวัดบางนานอก มีการเคลื่อนย้ายศพใส่รถเข็ญ ก่อนจะนำแต่ละศพลำเลียงบรรจุในโลงไม้สีขาวทั้ง 5 ศพ วางตั้งบนแท่นเหล็ก จัดเรียงโลงศพเป็นแนวหน้ากระดาน ซ้ายไปขวา ด.ช.ภคิน คล้ายพยัฆ หนือ น้องชินจัง วัย 7 ขวบ, นางวิภางค์ พุ่มไพจิตร แม่เด็ก อายุ 38 ปี, จ่าสิบเอกอนุวัต คล้ายพยัฆ พ่อเด็ก อายุ 39 ปี, นางอรสา คล้ายพยัฆ ย่า อายุ 70 ปี และนายประวิทย์ คล้ายพยัฆ ปู่ อายุ 71 ปี
เมื่อเวลา 17.00 น. มีการประกอบพิธีรดน้ำศพ ญาตินำขันสีทองจำนวน 1 อัน วางบนโต๊ะกึ่งกลางด้านหน้าโลงศพทั้ง 5 โลงศพ เพื่อเป็นจุดที่ใช้ในการรองน้ำสำหรับรดน้ำศพ โดยมีสายสิญจน์โยงจากโลงศพแต่ละโลง มาที่ขันดังกล่าว จากนั้นทหาร ญาติ เพื่อนสนิท และแขกที่มาร่วมงานทยอยเดินต่อแถวรถน้ำศพ
นายสหัสบดินทร์ ใจศิลป์ อายุ 39 ปี เพื่อนของนายอนุวัต ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเคยทำงานร่วมกับนายอนุวัต หรือ เอ็กซ์ มานานหลายปี ที่บริษัทเกี่ยวกับน้ำยาเคมี ที่ผ่านมาไม่เคยมีสัญญาณเตือนหรือความผิดปกติ ครั้งแรกที่ทราบข่าวยอมรับว่าช็อก ตกใจ และไม่เชื่อว่านายอนุวัตจะเป็นคนก่อเหตุยิงคนในครอบครัว ตนเชื่อว่านายอนุวัตคิดไตร่ตรองดีแล้ว ถึงแม้เป็นเหตุสะเทือนใจมาก แต่ตนไม่ผิดหวังในการตัดสินใจ เนื่องจากนายอนุวัตเป็นคนมีเหตุผลในการทำทุกอย่าง
ที่ผ่านมา นายอนุวัตเครียดเรื่องเงินเพราะเคยมาบ่นให้ฟังว่าสภาพการเงินไม่ดี ไม่คล่องตัว เคยขอให้คนสนิทไปหาแหล่งกู้ยืมเงินให้หลายแสนบาท จึงเชื่อว่าเป็นเหตุจูงใจในครั้งนี้ ตนยอมรับว่านึกถึงนายอนุวัตตลอดเวลา นอนไม่หลับ เพราะคิดเรื่องนี้ตลอดทั้งคืน อยากบอกว่าขอให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี ดูแลคนในครอบครัวทุกคนที่พาไปด้วย และน้อง ๆ เพื่อนร่วมงานทุกคนจะไม่มีวันลืมนายอนุวัตจากใจ
นางสาวสายสุณี ดอกพอง อายุ 37 ปี เพื่อนของนางวิภางค์ ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเป็นเพื่อนกับนางวิภางค์ หรือ จอย มานานกว่า 10 ปี ที่ผ่านมาไม่มีท่าทีว่าจะเกิดเหตุสลดในครอบครัว เพียงแต่ช่วงสัปดาห์ก่อนเกิดเหตุ ช่วงเช้าขณะที่ทำงานอยู่โต๊ะทำงานภายในบริษัท สังเกตเห็นนางวิภางค์คุยโทรศัพท์แล้วร้องไห้ ก่อนจะปลีกตัวเดินออกจากห้องทำงาน ไปด้านหลังบริษัทเพื่อยืนคุยโทรศัพท์อยู่เป็นเวลาครู่หนึ่ง ก่อนเดินกลับเข้ามาในห้องทำงาน ตาบวมแดง ร้องไห้ สีหน้าเครียด ตนจึงเดินเข้าไปถาม แต่เจ้าตัวไม่ยอมบอก โดยตอบกลับมาว่า "พี่ไม่เป็นอะไร เดี๋ยวก็หาย" แล้วก็ยิ้มพูดคุยหัวเราะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตนเชื่อว่า คนเสียชีวิตต้องมีปัญหาแต่ไม่ยอมบอก เพราะโดยปกติคนเสียชีวิตเป็นคนเข้มแข็ง รู้จักกันมากว่า 10 ปี ไม่เคยเห็นร้องไห้ เป็นครั้งแรกที่เห็นน้ำตา คาดว่ามีปัญหาส่วนตัวที่เครียดหนัก โดยทันทีที่ตนทราบข่าวเสียชีวิตสลดทั้งครอบครัว ยอมรับว่ารับไม่ได้ ตกใจและเสียใจมาก คนในครอบครัวทุกคนรักกันดี รู้สึกสงสารทุกคนที่เสียชีวิต โดยเฉพาะน้องชินจังเด็กชายวัย 7 ขวบ และคุณปู่ คุณย่าที่อายุมากแล้ว อยากให้ดวงวิญญาณทุกคนไปสู่สุคติ
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังบ้านที่เกิดเหตุ ถูกปิดเงียบล็อกบ้านจากด้านใน มีเชือกกั้นบริเวณหน้าบ้านที่เกิดเหตุ ไฟที่ระเบียงชั้นสองของบ้านยังเปิดทิ้งไว้ โดยไม่พบว่ามีญาติเดินทางเข้ามาแต่อย่างใด
นายเทียน ศรีราไชย อายุ 59 ปี รปภ. หมู่บ้านอลิชาเพลส 2 เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาเวลาประมาณ 01.50 น. ขณะที่ตนนอนอยู่ในห้องพักกับลูกสาว ซึ่งห้องพักอยู่ซอยตรงข้ามหมู่บ้าน มีเสียงหมาหอนดังสนั่นขึ้นผิดปกติในซอยก่อนเงียบไป ผ่านไป 3 นาที
มีเสียงเคาะประตูห้องพักดัง "ก๊อก ก๊อก" 2 ครั้ง แล้วเงียบไปโดยไม่มีคนผ่านมา ตนเชื่อว่าเป็นเสียงที่นายประวิทย์ อายุ 71 ปี ที่เสียชีวิตมาเคาะเรียกตน ซึ่งคาดว่าต้องการจะสื่อสารอะไรบางอย่าง
สาเหตุที่เชื่อเนื่องจากก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ คืนวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา ตนฝันเห็นนายประวิทย์นั่งบนเก้าอี้ สวมเสื้อสีฟ้าแขนสั้น กางเกงขาสั้นสีน้ำตาล สวมหน้ากากอนามัย มีกองเอกสารวางอยู่ด้านหน้า คล้ายกำลังจะเซ็นเอกสารด้วยสีหน้าเศร้าหมอง แต่จังหวะนั้นตนสะดุ้งตื่นขึ้นมาก่อน จึงเชื่อว่าคนเสียชีวิตพยายามจะบอกอะไรกับตน แต่ยังไม่ได้บอก กระทั่งเสียชีวิตคาบ้าน ตนไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุสลดขึ้น หลังคืนวันที่ฝัน จึงนำเลขที่บ้านไปซื้อรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่ไม่ถูกรางวัล กระทั่งเมื่อวานนี้ ทราบข่าวว่าเสียชีวิตทั้งครอบครัว "ตั้งแต่ทำงานเป็น รปภ. มาทั้งชีวิต ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ และเป็นวันทำงานที่เหน็ดเหนื่อยใจมาก เสียใจมากที่ครอบครัวนี้เสียชีวิตทั้งหมด"