กรณีชาวบ้านได้แจ้งกับผู้ใหญ่บ้านบึนบึก หรือ เวินบึก อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ว่า พบศพปริศนาชุดสีเหลืองคล้ายพระ ลอยอยู่ที่ฝั่งประเทศลาว ตรงข้ามกับหมู่บ้านบึนบึก เจ้าหน้าที่อำเภอโขงเจียม พร้อมด้วยตำรวจ และพระทางวัดป่าห้วยหมากใต้ ได้ลงเรือล่องไปตรวจสอบว่าเป็นพระถาวรหรือไม่
อ่านข่าว "พระถาวร" ทั้งหมดที่นี่
จนกระทั่งได้รับคำยืนยันแล้ว เป็นร่างของพระถาวร ที่สูญหายไปตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย.63 รวมเวลา 10 วัน 9 คืน
ทีมข่าวได้คุยกับชาวบ้านบึนบึก คนที่เจอศพคนแรก บอกว่า ตนกำลังล่องเรือไปส่งยาให้กับผู้ป่วยฝั่งประเทศลาว ระหว่างล่องเรือ เจอชาวบ้านที่กำลังหาปลาตกใจ เพราะเจอศพลอยน้ำ ตนจึงได้เข้าไปดู และนึกขึ้นได้ว่ามีพระบ้านห้วยหมากใต้หายไปบริเวณริมโขง จึงได้หาเชือกมาผูกที่ขาเอาไว้ แล้วลากศพไปผูกที่ริมฝั่งลาว เพราะยังไม่กล้าลากไปไหน กลัวว่าจะผิดประเพณีฝั่งไทย จึงได้ผูกติดเอาไว้ก่อน กลัวศพจะลอยไปไกล
ส่วนจุดที่เจอลอยน้ำ กับจุดที่ผูก ห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตร เพราะศพขึ้นอึด ท้องแตก ลอยอยู่ในน้ำ จึงให้ลอยไปช่วงขณะหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจลากไปผูกเอาไว้
สำหรับการแต่งกายของพระถาวร ยังมีชุดพระแต่งกายเหมือนเดิม มีสงบสวมใส่ และผ้าเหลืองค้องอยู่ที่คอ ยังแต่งกายเหมือนเดิมไม่ได้หลุดลุ่ย เพียงสภาพศพไม่เหมือนเดิมเท่านั้น ตนจึงมั่นใจว่า ต้องเป็นพระถาวรที่หาย จึงได้รีบประสานเจ้าหน้าที่ทางการไทยโดยด่วน
ล่าสุดวันที่ 20 ก.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปที่วัดป่าห้วยหมากใต้ ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นวัดจุดสุดท้ายที่พระถาวรหายตัวไปอีกครั้ง โดยนางวาลี ลีลา โยมแม่ของพระถาวร พร้อมด้วยกลุ่มญาติจากต่างจังหวัด กว่า 30 คน ใส่เสื้อขาว-ดำ เดินทางมาที่วัดป่าห้วยหมากใต้ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พระถาวร
จากนั้น ช่วงบ่าย พระครูปลัดอดิศักดิ์ อัคคธัมโม หรือครูบาเนร เจ้าอาวาสวัดป่าห้วยหมากใต้ ได้เดินทางไปพร้อมกับพระหมื่นหาญ ชาวบ้าน ญาติและโยมแม่ของพระถาวร เดินทางไปที่สุสานหมู่บ้าน ซึ่งเป็นสถานที่ดอง หรือฝังศพของพระถาวร โดยจุดที่มีการขุดฝังนั้น อยู่เหนือถ้ำผาวิ่ง ห่างจากริมฝั่ง 50 เมตร และเป็นสถานที่ที่พระถาวรตั้งใจจะมาจำพรรษแต่ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม่ห้ามและไม่ให้จำพรรษ เพราะเป็นพื้นที่ป่าไม้
โดยญาติ ๆ ได้ขออนุญาตกรมป่าไม้ ฝังร่างพระถาวรเอาไว้ 3 ปี ตามความเชื่อของชาวอีสาน จากนั้นเมื่อครบกำหนด จะมีการขุดร่างออกไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
ตลอดระยะทางเดินเท้าจากถนนกลางบ้าน ไปที่ชายป่า จุดฝังร่างพระถาวร ค่อนนข้างเดินทางลำบาก มีโขดหิน ต้นไม้น้อยใหญ่ สลับต้นไผ่หนาม ทันทีที่นางวาลี โยมแม่ไปถึง ได้จุดธูปเทียนที่หน้าหลุมศพ
พร้อมกับบอกกล่าวด้วยภาษาอีสาน “แม่มาส่งเจ้าได้แค่ตรงนี้ แม่จะรออยู่ตรงนี้ จุดที่เจ้ามาส่งแม่ ขอให้เจ้าไปสู่สุขติ ขอให้เจ้าช่วยรักษาแม่ให้ปลอดภัย มีสุขภาพแข็งแรง” จากนั้นญาติ ๆ ชาวบ้าน พร้อมด้วยทีมข่าวที่มาทำข่าวการหายตัวไปของพระถาวร ต่างจุดธูป 1 ดอก กล่าวคำขอขมา หากมีการล่วงเกินด้วยสิ่งหนึ่งสิ่งใด
จากนั้น นางวาลี โยมแม่ ของพระถาวร ได้นำจีวร ที่ถูกทิ้งไว้ที่ริมฝั่งโขง จีวรที่เป็นเบาะแสก่อนหายตัวไปเมื่อวันที่ 9 ก.ย.63 หยิบมาส่งให้พระครูปลัดอดิศักดิ์ และพระหมื่นหาญ นำไปบวชต้นไม้ใกล้กับหลุมศพ เพื่อจำพิกัดจุดฝังศพ รวมถึงผูกจีวรให้พระถาวรได้สงบอยู่ที่ตรงนี้ ก่อนจะขุดศพไปประกอบพิธีในอีก 3 ปีข้างหน้า จากนั้นได้มีพิธีบังสกุล กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้พระถาวร
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการจุดธูปขอขมา ญาติของพระถาวร ได้จุดธูปตัวเลข เพื่อขอโชค ซึ่งปรากฏตัวเลข 3 ตัว คือ “729”
นางวาลี เปิดเผยว่า ตนพอจะทำใจได้บ้าง แม้ว่าเมื่อคืนจะนอนหลับ แต่ยังกินข้าวไม่ได้เพราะยังไม่รู้สึกหิว วันนี้ตนก็จะทำพิธีเพื่อส่งวิญญาณพระลูกชาย แล้วจะเดินทางไปที่จุดฝังศพ ในการขอขมาลาโทษ รวมถึงจะไปบอกลาส่งท้ายพระลูกชาย ก่อนที่จะมีการฝังดองศพทิ้งไว้ 3 ปี ตามความเชื่อของชาวอีสาน เพื่อให้ผู้ที่ตายผิดธรรมชาติได้สงบ ก่อนจะขุดขึ้นมาประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
ส่วนการตายของพระลูกชาย ตนเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับสิ่งที่มองไม่เห็น คือ ปู่พญานาคพาไป โดยชวนให้พระลูกชายไปอยู่ด้วย หลังจากที่ไปถึงน้ำโขง พญานาคได้เสกผ้าคลุมให้กลายเป็นเรือ มารับที่ริมโขง เพราะสังเกตจากรอยเท้า ยืนเหยียบจากนั้นก็ก้าวขึ้นเรือ จนพาไปอยู่เมืองใต้บาดาลด้วยกัน
ขณะที่เรื่องพระเครื่องและเครื่องรางของขลังที่พระลูกชายทำเอาไว้ก่อนมรณภาพ มีเพียงชานหมาก ที่ทำเป็นพระสมเด็จ 30 องค์ มีการแจกจ่ายไปแล้วบางส่วน แต่วันที่ขึ้นไปเก็บกุฏิหลังเก่า ตนได้มา 4 องค์ ก็ได้หยิบออกจากพาน แจกให้ศิษย์วัด ที่มาช่วยรื้อกุฏิหลังเก่า
วันเดียวกันนี้ นางวาลี โยมแม่ของพระถาวร ได้ลงจากศาลาวัดฯ พาทีมข่าวไปที่กุฏิหลังใหม่ ไปที่ห้องพระถาวร เปิดดูของภายในย่าม และบาตรพระ ซึ่งของภายในก็คือ ใบมีโกน หน้ากากอนามัย ยาหอม ยามดม ผ้าเหลือง สบง อังสะ แต่สิ่งที่แปลกสุดคือ หินสีเทา ลักษณะเป็นชั้น ๆ แต่ไม่มีอักษรหรือข้อความใด ๆ เรียกว่า “คำภีร์หิน”
นางวาลี โยมแม่พระถาวร ได้หยิบหินคำภีร์ ถวายให้กับ พระหมื่นหาญ นันธิโย พระลูกวัดป่าห้วยหมากใต้ ในฐานะพระเพื่อนสนิท โดยอ้างว่า เป็นคำสั่งเสียสุดท้าย ที่พระถาวรมาบอกในความฝัน อยากให้พระหมื่นหาญนำไปบูชา ดูแลต่อ
ทีมข่าวได้คุยกับ พระหมื่นหาญ เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา อาตมาจำวัดอยู่ภายในกุฏิ พระถาวรได้มาหา ช่วงเวลาประมาณ 03.00 น. มาด้วยลักษณะแต่งกายชุดผ้าเหลือปกติ มาบอกว่า “จะไปแล้วนะ ฝากดูแลโยมแม่ และฝากเอาหินคำภีร์ไปดูแลด้วย” อาตมาก็ได้เดินทางไปเจอโยมแม่ ไปรับหินมาดูแลตามที่พระถาวรบอก ซึ่งสิ่งที่พระถาวรมาบอกคือคำสั่งเสียก่อนจะไปที่ไหนสักแห่ง
ส่วนข้าวของเครื่องใช้อื่น ๆ ที่เหลืออยู่มนกุฏิ เช่น บาตร จีวร นั้น พระถาวรได้บอกว่า ให้เอาไปแจกจ่าย ยกเว้นจีวรให้เอาไปซักแล้วใช้บวชเณรช่วงวันครบ 3 ปีที่มีการญาปนกิจศพพระถาวร แต่สิ่งที่พระถาวรกำชับมาก คือ ห้ามยุ่งกับของในย้าม ให้โยมแม่เอาไปเก็บไว้แต่เพียงคนเดียว
ทีมข่าวยังได้คุยกับ นายวิชิต แว่นระแว ชาวบ้านห้วยหมากใต้ ในฐานะลูกศิษย์พระถาวร เปิดเผยว่า หลังจากเจอร่างพระถาวร แล้วได้นำไปประกอบพิธีตามประเพณี ตนก็รู้สึกดีใจที่หาเจอ ส่วนการตายนั้นก็ไม่มีใครติดใจอะไรแล้ว คงคิดว่าไม่มีใครทำร้ายอย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องความเชื่อ นายวิชิต บอกว่า เมื่อคืนนี้ ตอนเข้านอน พระถาวรได้มาเข้าฝัน ทวงของคืน คือ “ชานหมาก” ซึ่งถูกทำเป็นรูปพระสมเด็จ โดยตนรับมาจากมือของโยมแม่พระถาวร วันที่มีการรื้อกุฏิหลังเก่า ตนจึงเก็บเอาไว้เพื่อรำลึกถึงพระถาวร แต่ไม่คิดว่าเมื่อคืนนี้พระถาวรจะมาทวงคืน โดยในความฝัน พระถาวรมาพร้อมกับปู่พญานาค 7 เศียร มาขอชาญหมากรูปพระคืน “อาตมาไม่อยากให้ยึดติด ไม่อยากให้เก็บเอาไว้ อยากให้คืน แล้วฝากดูแลโยมแม่ด้วย” จากนั้นก็ตกใจตื่น
อย่างไรก็ตาม ตนยังจะไม่คืน จะขอเก็บเอาไว้ก่อน ซึ่งเชื่อว่าเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ และรำลึกถึงพระถาวร ที่ตนนับถือเป็นเหมือนพ่ออีกคน ซึ่งหากตนถูกหวย ได้โชคอาจจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ แล้วอาจจะนำชานหมากไปคืนที่หลุมศพก็ได้
