นักร้องลูกทุ่งสาวขวัญใจมหาชน "ต่าย อรทัย" เจ้าของฉายา สาวดอกหญ้า ที่แฟนๆ ตั้งให้ ล่าสุดได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ พร้อมโชว์เพลง สิมาฮักหยังตอนนี้ ที่ตอนนี้นี้ยอดวิวพุ่งไปกว่า 150 ล้านวิวแล้ว และคาดว่าน่าจะไปต่อแบบไม่มีแผ่ว งานนี้ สาวต่าย โชว์เสียงหวานสะกดใจทั้งสตู พร้อมเปิดใจพูดถึงเรื่องความรักที่หลายคนอยากรู้ โดยเจ้าตัวก็ยอมแบบตรงๆ ว่า มีคนดูแลหัวใจเป็นหนุ่มนอกวงการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "นุ้ย เชิญยิ้ม" สำนึกผิด เคยทำครอบครัวร้าวเพราะอารมณ์ร้อน!
- สร้างพลังใจดีๆ กับ "คริสโตเฟอร์ เบญจกุล" ผู้ชายที่ไม่เคยท้อแท้
- "เจี๊ยบ เชิญยิ้ม" เผาหมดเปลือกเรื่องภรรยาจอมบงการ!!
- กรุณาฟังให้จบ! "แช่ม แช่มรัมย์" ผุดธุรกิจแปรรูปอินทผลัม-อะโวคาโด แต่ยังไม่คิดทิ้งไมค์!
- สาวสองพันปี "ตั๊ก มยุรา" เผยเคล็ดลับความสวยคงกระพัน
- ดูเพลิงนางย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่
ถาม ในชีวิตเคยโกรธหรือโมโหบ้างไหม
ต่าย อรทัย : เคยค่ะ แต่เราแสดงออกด้วยการนิ่ง เงียบ เราไม่เคยมีปัญหากับคนที่เราทำงานด้วย เราเลือกที่จะเงียบมากกว่า ให้ทุกอย่างมันดีขึ้นแล้วค่อยคุยกัน
ถาม เป็นคนที่เรียบร้อยมาก เวลาอัดเพลงเคยมีอารมณ์แบบโมโหหรืออะไรบ้างไหม เอาใหม่ได้ไหม
ต่าย อรทัย : ไม่เลยค่ะ เราก็จะคุยกับอาจารย์ว่าตรงนี้หนูไม่ได้นะคะ ขอเปลี่ยนหรือขยับ ส่วนมากจะคุยให้ลงตัวที่สุด
ถาม ตอนนี้เพลง สิมาฮักหยังตอนนี้ เกือบ 200 ล้านวิวแล้ว
ต่าย อรทัย : อยากให้ไปทะลุมากกว่านั้น แต่ก็ค่อยเป็นค่อยไป เพราะศิลปินทำเพลงออกมาเยอะ แต่ก็อยากให้วิวขึ้นไปเรื่อยๆ ค่ะ
ถาม ต่าย อรทัย นับว่าเป็นอีกศิลปินที่มีเพลงฮิตติดหูหลายเพลงมาก จนได้ฉายาสาวดอกหญ้าแห่งวงการลูกทุ่ง ฉายานี้มาได้ยังไง
ต่าย อรทัย : น่าจะมาจากเพลงอัลบั้มชุดแรก เป็นชื่อเพลงและอัลบั้มด้วย ดอกหญ้าในป่าปูน คือเพลงได้แต่งขึ้นมาจากในชีวิตของเรา เราก็เป็นสาวต่างจังหวัดคนหนึ่งที่เข้ามาทำงาน ตอนนั้นเรียนจบมัธยมปลายแล้วเราสอบได้ที่ราชภัฏอุบลฯ แต่เราไม่มีเงินสักบาทเลยจะเปิดภาคเรียนแล้ว ตอนนั้นเราเลยตัดสินใจเข้ามาทำงานในเมืองกับคุณแม่ คุณแม่ทำงานที่แคมป์ก่อสร้าง เราก็มาช่วยแม่รับจ้างซักเสื้อผ้าคนงานที่เขาไม่มีเวลา เขาก็มาจ้างเราซัก ห้าบาท สิบบาท ตอนนั้นอยากทั้งเรียน ทั้งทำงาน เพราะอยากหาเงินเพื่อที่จะดูแลทุกคน พอแฟนๆ ได้ฟังเพลงนี้ เขาก็นึกถึงตัวเรา และหลายคนที่สู้ชีวิตเขาก็บอกว่าเพลงนี้เหมือนตัวเขา สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเขาและได้อะไรอย่างๆ หลายจากเพลงนี้ คิดว่าฉายานี้ได้มาจากเพลงนี้
ถาม เป็นคนที่ดูแลทุกคนในครอบครัวและทุกคนรอบตัว แล้วมีคนดูแลหัวใจหรือยัง
ต่าย อรทัย : ที่คุยอยู่จริงๆ คือนอกวงการค่ะ เริ่มจากการที่เรามีปัญหาเรื่องงานเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ไม่คิดว่าวันนี้จะคุยกันมาไกลขนาดนี้ เรามีปัญหาเรื่องงานแก้ไขไม่ได้ ไม่รู้จะทำยังไง ส่วนหนึ่งเราต้องแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง และคุยกับผู้ใหญ่ในบริษัทเหมือนกัน แต่เราคิดว่าเราจะแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง พี่สาวที่สนิทกันเขาบอกว่าให้เราลองคุย ปรึกษากับเขาดูไหม ก็เริ่มจากการปรึกษา รู้จักกันตรงนั้นแล้วก็เริ่มคุยกันมาเรื่อยๆ จริงๆ ก็สนิทเป็นเพื่อนทำงานด้วย แล้วค่อยขยับมาเป็นเพื่อน ด้วยความที่เขาช่วยแก้ไขเรื่องงานของเราเลยสนิทกันมากขึ้น
ถาม เป็นไปได้ไหมว่าเราจะตกลงปลงใจกับคนนี้
ต่าย อรทัย : ยังไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ก็เริ่มจากตัวเขาก่อน เราเริ่มคุยแบบพิเศษไม่ใช่เพื่อน ก็เริ่มจากเขา พอเริ่มจะเปลี่ยนสถานะเป็นแฟน ก็เริ่มจากเขาอีกเหมือนกัน
ถาม แล้วตอนนี้เรียกสถานะว่าแฟนได้หรือยัง
ต่าย อรทัย : ยังๆ ค่ะ ยังพูดไม่ได้ขนาดนั้น มานั่งพูดอยู่คนเดียว เดี๋ยววันข้างหน้าก่อน
ถาม ชอบอะไรในตัวเขาคนนี้
ต่าย อรทัย : เราคุยด้วยแล้วเราสบายใจ เราอยู่ด้วยแล้วเราปลอดภัย เราเห็นถึงความจริงใจของเขา แล้วอีกอย่างคือ คุยภาษาเดียวกันด้วย คุยกันนิดหน่อยเราก็เข้าใจกันแล้ว เป็นคนทางภาคอีสานเหมือนกัน
ถาม คนนี้ตรงสเปกไหม
ต่าย อรทัย : จริงๆ เป็นคนไม่ได้ตั้งสเปกเลย เราคุยแล้วเราปลอดภัย สบายใจ มีอะไรแล้วเข้าใจกันง่ายเท่านั้นก็พอ
ถาม เรื่องของหัวใจยังค่อยเป็นค่อยไป เรียกว่าตอนนี้หัวใจไม่ว่างแล้ว แต่ถ้าวันไหนว่าง ต่าย อรทัย จะไม่อยู่นิ่งต้องไปเดินหาซื้อที่ดินทันที
ต่าย อรทัย : ไม่ใช่ค่ะ ไปช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าก็มี ซื้อที่ก็มีแต่ตอนนี้ พอแล้วค่ะ หยุดแล้วจริงๆ ไปซื้อแถวนครนายกค่ะ ตำบลเขาพระค่ะ จริงๆ ไม่คิดว่าจะมีที่ตรงนี้ด้วยซ้ำนะคะ มีผู้ใหญ่แนะนำ ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ด้วย มันมีภูเขามันสวย เรารู้สึกว่าวันหนึ่ง ถ้าเป็นที่ที่เราจะไปอยู่ตอนบั้นปลายชีวิตหรือเปล่า แล้วก็รู้สึกว่าไปมากรุงเทพฯ ได้ง่าย ตอนนี้ปรับที่ดินตรงพื้น แล้วเอาต้นไม้เอาอะไรไปลง แล้วก็ที่อุบลฯ ในเมืองที่บ้านเกิด
ถาม เห็นว่าบ้านที่กรุงเทพฯ กำลังปรับปรุงอยู่ด้วย
ต่าย อรทัย : คิดจะปรับปรุงมานานแล้วค่ะ เพราะหลังคามันรั่วเลยทำใหม่ทีเดียวไปเลย เป็นแนวสไตล์โมเดิร์นคลาสสิก เพราะเราชอบความเป็นธรรมชาติบอกช่างว่าต้นไม้ที่มีอยู่แล้วห้ามเอาออกนะ อยากได้ความเป็นเหล็กผสมไม้ จะได้ดูเป็นธรรมชาติด้วย งบในการทำบ้านหลังนี้คือ บานปลายมาก แต่เราก็ตั้งเป้าและคิดไว้นานประมาณ 4 - 5 ปีที่จะทำ เราเลยทำงานเก็บเงินเพื่อที่จะมาทำบ้านหลังนี้
ถาม พอพูดถึงเรื่องงาน ตอนนี้หลังจากโควิดมาคือมีงานจ้างแค่ 1 งาน
ต่าย อรทัย : ตั้งแต่หยุดโควิดคือปลายมีนาคม งานที่มีก็เลื่อนไปก่อน เราก็เลื่อนไปเลื่อนมา เราก็ทำใจเลย แต่ก็ไม่คิดว่าจะยาวขนาดนี้ เพราะช่วงต้นปีเราเพิ่งลงทุนทำโชว์ไป แล้วช่วงที่หยุดไปคือช่วงหน้างานพอดีพอหยุดโควิดคือ 4 เดือน เราเครียดทุกวันเพราะเราทำบ้านด้วย ช่างลงเสาไปแล้ว จะหยุดก็ไม่ได้ เงินก็ต้องจ่ายค่าช่างอย่างเดียว เงินรายรับไม่มีเข้ามาเลย เครียดไม่รู้จะทำยังไง
ถาม แต่เพราะเป็นคนที่วางแผนอะไรไว้ล่วงหน้า เลยมีธุรกิจใหม่ขึ้นมา
ต่าย อรทัย : เป็นสวนของอรทัยเอง ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะเปิดขาย ช่วงโควิดเราไม่ได้ออกไปไหน เราเลยหาอะไรทำ ตอนแรกเราปลูกผักบุ้ง ดูวิธีการปลูกจากในยูทูบ เราก็เอามาทานก่อน เราเองทานได้แล้วก็แจกเพื่อนบ้าน แล้วเราก็ดูว่ามีอะไรที่ปลูกง่ายกว่านี้ไหม ก็ปลูกต้นอ่อนทานตะวัน เราปลูกได้แล้วเราขายได้ไหม เราเลยถ่ายรูปแล้วโพสต์ลงในเฟสดู แฟนเพลงสั่ง เราก็ดีใจว่าสั่งจริง เราเลยปลูกจริงจังเลย เราซื้อเมล็ดมาแล้วก็มาเพาะปลูกเอง ปลอดภัยไร้สารพิษแน่นอนค่ะ ส่วนอีกหนึ่งธุรกิจ สวยไปด้วยกัน สู้ไปด้วยกัน ออร่า ทัย ธุรกิจนี้ทางผู้ใหญ่ได้คุยกันว่าจะทำขึ้นตั้งแต่ปี 61 แล้ว ตอนนั้นคือเรามีปัญหาเรื่องงาน เรื่องเพื่อนร่วมงาน แต่พอทุกอย่างโอเคลงตัวจึงได้ลงมือทำ ฝากทุกคนด้วยนะคะกับธุรกิจนี้
Advertisement