ล่าหนุ่มหึงโหดปาดคอเสี่ยข้าวสาร เมียรับฝีมือผัวเก่าตามง้อ แม่ไม่ประกันปล่อยใช้กรรม (คลิป)

กรณีตำรวจ สภ.เกษตรวิสัย รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกาย มีผู้เสียชีวิตในตรอกถนนเทพลีลา ตลาดสดเทศบาลเกษตรวิสัย อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด ที่เกิดเหตุพบร่างของผู้เสียชีวิตนอนจมกองเลือด ทราบชื่อ นายพงษ์ศักดิ์ วิชัย หรือ เสี่ยศักดิ์ อายุ 50 ปี ชาว อ.เกษตรวิสัย เป็นพ่อค้าร้านขายข้าวสาร มีร้านขายข้าวสารอยู่หัวมุมถนน ตำรวจสอบถามเมียคนตายทราบสาเหตุเกิดจากปมหึงหวง จึงพุ่งเป้าไปที่เรื่องชู้สาว

พ.ต.อ.ศิรสัณห์ เยื้อนสงวนชัย รองผบก.ปรก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า ในขณะนี้ได้นำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำแล้ว 7 ปาก ทุกคนก็ให้ความเห็นหลังสอบสวนพยานให้การเป็นแนวทางเดียวกันว่า ผู้ต้องหาหรือคนร้าย เป็นคนกระทำความผิด ซึ่งผู้ก่อเหตุก็ได้หลบหนีไป

แนวทางการสืบสวนสอบสวนตำรวจ เชื่อมั่นว่าเป็นสามีเก่า ได้ตั้งข้อหาฆ่าโดยเจตนาโดยใช้ของมีคม ได้ออกหมายจับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้แบ่งกันปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งมีความเชื่อมั่นว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน จะติดตามคนร้ายมาได้แน่นอน

ล่าสุดวันที่ 21 ก.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ ที่หน้าร้านขายข้าวสาร ถนนเทพลีลา ตลาดสดเทศบาลเกษตรวิสัย อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งพบว่าร้านยังคงปิด ไม่ได้เปิดให้บริการ ส่วนคราบเลือดบนพื้นที่จุดเกิดเหตุ ภายหลังพื้นที่มีฝนตกหนัก ทำให้ชะล้างออกไปทั้งหมด

ทีมข่าวได้คุยกับนางเหลือง (นามสมมติ) อายุ 50 ปี เพื่อนบ้านของคนตาย เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาประมาณ 05.00 น. ชาวบ้านและร้านค้าในละแวกใกล้เคียง ยังไม่มีใครออกมาตั้งร้าน จึงไม่ทันเห็นเหตุการณ์ จนกระทั่งมีคนตะโกนว่า มีคนได้รับบาดเจ็บอยู่บนถนน ทีแรกทุกคนคิดว่าเป็นรถที่มาประสบอุบัติเหตุ ไม่ได้คิดว่าจะเป็นนายพงษ์ศักดิ์ เจ้าของร้านขายข้าวสารถูกแทงที่หน้าอก ชายโครง และถูกปาดคอ จนกระทั่งเสียชีวิต นอนอยู่บริเวณหน้าร้านขายของชำ ซึ่งคาดว่าคนตายได้วิ่งไปเพื่อจะขอความช่วยเหลือ แต่ล้มลงและเสียชีวิตจุดดังกล่าว

นางเหลือง ยังบอกกับทีมข่าวอีกว่า ฝ่ายหญิงกับนายพงษ์ศักดิ์ คบหาอยู่กินกันประมาณ 2 เดือน โดยฝ่ายหญิงได้มาอาศัยอยู่บ้านของฝ่ายชาย ซึ่งตนเคยคุยกับทางฝ่ายหญิง บอกว่าเคยมีลูกมาแล้ว 3 คน และสถานะกับแฟนเก่าก็มีการหย่าร้างกันไปแล้ว จะสังเกตว่ามีบางวันที่ฝ่ายหญิงพาลูกมาเลี้ยงอยู่ที่ร้าน แต่ไม่ได้เอามาอยู่อาศัยด้วยทุกวัน

เหตุการณ์ย้อนกลับไปช่วงประมาณ 2 เดือนก่อน ตอนที่ฝ่ายหญิงมาอาศัยอยู่กับนายพงษ์ศักดิ์ สังเกตเห็นว่าอดีตแฟนเก่า คือ นายอุดร อายุ 46 ปี ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาตามหาเมีย ช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. โดยนำลูกมาด้วย ลักษณะมาตามง้อเมีย และสอบถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างนายพงษ์สิทธิ์ กับฝ่ายหญิง โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ได้เกิดความรุนแรง แต่ฝ่ายหญิงได้สั่งให้นายพงษ์สิทธิ์ซึ่งเป็นแฟนใหม่ วิ่งไปหลบที่บ้านคนรู้จัก เพราะกลัวว่าจะถูกนายอุดรทำร้ายร่างกาย

การมาทั้งนั้น นายอุดรตั้งใจมาถามฝ่ายหญิง และนายพงษ์ศักดิ์ ผู้ตาย ว่า “พวกมึงรักกันใช่ไหม” โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นส่วนตัวเชื่อว่าอาจเป็นเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างนายพงษ์ศักดิ์ กับนายอุดร คนก่อเหตุ เพราะเหมือนยังตอบเคลียร์ใจกันไม่ได้ ฝ่ายหญิงสั่งให้นายพงษ์ศักดิ์ วิ่งไปหลบก่อน

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เป็นช่วงเวลาประมาณ 05.00 น. ผู้ตายคือนายพงษ์ศักดิ์ ได้ออกจากบ้านที่อยู่ด้านหลัง มาที่บริเวณหน้าร้านกำลังจะเปิดประตูร้านขายข้าวสาร จังหวะที่กำลังก้มลงไปเปิดกุญแจ นายอุดรคนก่อเหตุ ได้แอบย่องมาด้านหลัง พร้อมทั้งมีการลงมือก่อเหตุ ในขณะที่นายพงษ์ศักดิ์ ยังเปิดประตูไม่เสร็จ ถูกแทงได้รับบาดเจ็บ วิ่งหวังจะไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน แต่ถูกนายอุดรคนก่อเหตุไล่ตาม มีการแทงซ้ำ แล้วใช้มีดปาดคอ จนกระทั่งเสียชีวิตนอนจมกองเลือดอยู่บริเวณถนน

ขณะเดียวกันทีมข่าว ยังได้เดินทางไปที่ ต.นาใหญ่ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของนายพงษ์ศักดิ์ บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า แล้วจะมีพิธีญาปนกิจศพในวันที่ 23 ก.ย.63

ด้านนางสาววิ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี แฟนสาวของคนตาย ในฐานะอดีตภรรยาของนายอุดร เปิดเผยว่า ตนไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น เพราะปกตินายอุดร ก็ไม่เคยมาข้องเกี่ยวหรือมาหาที่ร้านนับตั้งแต่หย่าร่างกันแล้ว ซึ่งในวันเกิดเหตุถ้าตนเป็นคนไปเปิดร้านเหมือนเช่นเคย ก็คงไม่มีเหตุการณ์รุนแรง แต่เสี่ยศักดิ์ อาสาลงไปเปิดร้านเอง ซึ่งถ้าแลกชีวิตกันได้ คนที่ลงไปนอนตรงนั้นเป็นตนก็ยอม

ส่วนสาเหตุตนมองว่าเพราะความหึงหวง แม้จะเลิกกันแล้วแต่ยังรักและหวงของอยู่ ทำให้บุกมาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น แต่ที่ผ่านมาฝ่ายของนายอุดร ไม่เคยมาข่มขู่เสี่ยศักดิ์ ต่างคนต่างอยู่ แต่เป็นเพราะว่าในช่วงสัปดาห์ก่อนวันเกิดเหตุ ตนไม่ได้ไปรับลูกและไม่ได้ไปดูแลลูกที่อยู่ในหมู่บ้าน นายอุดรอาจเกิดความเข้าใจผิดว่า ตนละทิ้งหน้าที่ ไม่ทำหน้าที่แม่

เพราะปกติข้อตกลง ตนกับนายอุดรจะช่วยกันดูแลลูก แล้วช่วงวันเสาร์อาทิตย์จะเป็นคนทำหน้าที่ดูแล แต่เพียงเพราะว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาฝนตก จึงไปรับลูกที่โรงเรียนไม่ทัน นายอุดรจึงเกิดความเข้าใจผิด แล้วเกิดความโมโหก่อเหตุดังกล่าวขึ้นหรือไม่ 

หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยอมรับว่าไม่ให้อภัย และไม่ต้องการเห็นหน้า ไม่ต้องการให้มาขออโหสิกรรม พร้อมฝากบอกว่า ขอให้มอบตัว ยอมรับสิ่งที่ก่อเอาไว้ หนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น

จากนั้น ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่ ต.สังห์โคก อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นบ้านของ นายอุดร อายุ 46 ปี คนก่อเหตุฆ่านายพงษ์ศักดิ์ พบว่าที่บ้านยังไม่มีเบาะแส หรือการเดินทางกลับมาภายหลังก่อเหตุ พบว่ามีเพียงนางดี (นามสมมติ) แม่ของคนก่อเหตุ อาศัยอยู่เพียงลำพัง

นางดี (นามสมมติ) แม่ของนายอุดร เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุลูกชายก็ไม่ได้ย้อนกลับมาที่บ้าน ประกอบกับตนทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ หลังทราบว่าลูกไปก่อเหตุฆ่าคนตาย ก็รีบเดินทางกลับมาทันที ตอนนี้ยังไม่ทราบเบาะแสหรือจุดที่ลูกหลบหนี เพราะโทรศัพท์ยังไม่ติด ประกอบกับได้ติดต่อไปที่บ้านญาติในละแวกใกล้เคียง ก็ยังไม่มีใครติดต่อกับลูกชายได้ ซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้หลบหนีไปอยู่ที่ไหน ตนก็อยากจะฝากบอกว่า “ให้รีบมามอบตัว อย่าหนี โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา” ที่สำคัญตนจะไม่มีการประกันตัว คงปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

ส่วนตัวในฐานะคนเป็นแม่ ไม่คิดว่าลูกชายจะไปก่อเหตุดังกล่าว เพราะไม่เคยมีนิสัยโหดร้าย หรือเป็นคนชอบทำร้ายใคร ลูกชายเป็นคนรักลูกรักเมีย ยอมไปทำงานต่างพื้นที่ เป็นพนักงานขายไอศกรีม เพื่อหาเงินส่งลูกและเมีย แต่ลูกชายต้องมาเจอกับพฤติกรรมของฝ่ายหญิงที่ปันใจไปมีชายอื่น โดยลูกชายได้มาเปิดใจกับว่า “เครียดเพราะฝ่ายหญิงมีคนใหม่ แอบคบซ้อน” แต่ตนก็ได้สอนลูกว่า อย่าไปคิดมาก ปล่อยไป ซึ่งลูกชายก็เชื่อฟัง ไม่ได้มีเหตุรุนแรงอะไร