กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ เมื่อเวทีการประกวดนางงามสัญชาติไทยอย่าง มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 ที่ถูกจัดขึ้นเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 19 ก.ย.63 ซึ่งแน่นอนเป็นค่ำคืนเดียวกันกับการชุมนุมใหญ่อย่าง "19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร" บริเวณพื้นที่ท้องสนามหลวงและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขตท่าพระจันทร์ ที่ผ่านมา
โดยระหว่างการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 ในรอบตอบคำถาม 5 คนสุดท้าย ผู้เข้าประกวดทุกคนจะได้คำถามจากกองประกวดชุดเดียวกัน นั่นคือ “จากสถานการณ์ของผู้ชุมนุมขณะนี้ ส่อเค้าความรุนแรงยิ่งขึ้น หากคุณมีโอกาสได้พูดคุยอยากจะพูดกับฝ่ายใด ระหว่างผู้ชุมนุม หรือรัฐบาล และพูดอะไรเพื่อทำให้สถานการณ์ดีขึ้น” แน่นอนว่าคำถามเช่นนี้หากมองในมุมของการประกวดนางงาม ก็อาจจะดูยากพอควร เนื่องจากตัวนางงามต้องมีความกล้ามากพอที่จะเลือกแสดงความคิดเห็นกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ระหว่าง “รัฐบาล” กับ “ผู้ชุมนุม”
ผู้เข้าประกวดทั้ง 5 คนก็มีการแสดงทัศนคติที่แตกต่างกันออกไป แต่หนึ่งในนั้นได้ตอบคำถามด้วยคำพูดที่ค่อนข้างจะเสี่ยงต่อผลกระทบที่จะตามมา นั่นคือ “น้ำ-พัชรพร จันทร์ประดิษฐ์” นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะศิลปศาสตร์การจัดการ สาขาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารทางธุรกิจ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มิสแกรนด์ระนอง
โดยคำตอบเธอเลือกที่จะเข้าไปคุยกับฝั่ง “ผู้ชุมนุม” เพื่อยืนยันสิทธิ์ของการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อประเทศพร้อมกับบอกว่า ต้องการจะไล่ให้รัฐบาลชุดปัจจุบันลาออกจากประเทศนี้ไป โดยบอกว่า "จากใจนะคะ ขอเลือกฝ่ายชุมนุมค่ะ เพราะว่าเรามีสิทธิ์มีเสียงในการแสดงความคิดเห็นและเราอยากจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประเทศชาติของเรา มากกว่านั้นอยากจะบอกรัฐบาลด้วยว่า...if you called this country as Thailand. we need real democracy. moreover, we need you to get out of this country (หากคุณเรียกประเทศนี้ว่าประเทศไทย พวกเราในฐานะประชาชนต้องการประชาธิปไตยที่เป็นประชาธิปไตยจริง ๆ และมากไปกว่านั้นคือ เราต้องการให้คุณออกจากประเทศนี้ไป)” สุดท้ายแล้วด้วยคำตอบที่ชัดเจนนี้ทำให้เธอสามารถคว้าตำแหน่ง Miss Grand Thailand 2020 ไปครอง
แน่นอนว่าเมื่อคำพูดของเหล่าสาวงามทั้ง 5 คนถูกเผยแพร่ออกสู่สาธารณะ ย่อมมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและเห็นต่าง “นางงาม” กับการแสดงออกทางด้าน “การเมือง” อีกทั้งตำหนิไปถึงหน้าตาของสาวผิวสีที่ครองมงกุฎด้วยถ้อยคำหยาบคาย
ล่าสุดวันที่ 21 ก.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี มีโอกาสได้พูดคุยกับ ผู้อำนวยการกองประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ รวมถึงการเป็นประธานและผู้ก่อตั้งเวทีการประกวดระดับนานาชาติ มิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล อย่าง “คุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล” เจ้าตัวยอมรับเลยว่า คำถามที่ใช้เป็นคำถามจากกองประกวด ซึ่งเป็นการนำสถานการณ์ปัจจุบันมาเป็นองค์ประกอบหลัก พร้อมกับยืนยันว่าตนได้มีการกำหนดวันตัดสินไว้แล้ว ก่อนหน้านี้ประมาณครึ่งปี แต่เป็นเรื่องที่บังเอิญไปตรงกับการชุมนุม จึงมองว่านี่เป็นคำถามที่เหมาะสมที่สุด และได้ให้เกียรติผู้เข้าประกวดเลือกในสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูด มิได้เป็นการบังคับ
พร้อมกันนี้ก็อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า นี่เป็นคาแรกเตอร์ของมิสแกรนด์ที่ต้องการสร้างประโยชน์ให้กับสังคมมากกว่าการค้นหาผู้หญิงสวย เพราะฉะนั้นเวทีตนจึงจะไม่ทำอะไรปลอม ๆ ไม่ว่าจะเป็นการยิ้ม หรือแม้แต่เมื่อต้องพูดถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็จะอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ไม่มีการอวยใด ๆ ดังนั้นคำตอบของ “น้องน้ำ” ก็ถือว่าได้สะท้อนความคิดอันบริสุทธิ์ภายใน 30 วินาทีให้คนที่ได้ฟังสามารถนำไปปรับใช้ เพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมได้ดี ไม่เกี่ยวกับว่าตนชอบหรือไม่ชอบคำพูดไหน เพราะส่วนตัวจะเคารพสิทธิมนุษยชนของทุกคนบนเวทีอยู่แล้ว ซึ่งมองว่าสิ่งที่น้องน้ำพูดไม่ได้แรงจนเกิดไป เฉย ๆ มาก เพราะใจความของคำตอบ คือ การรักประเทศไทย ไม่อยากให้ใครมาทำร้ายประเทศ อยากให้ทุกคนอยู่ร่วมกันก็เท่านั้น
คุณณวัฒน์ กล่าวอีกว่า ตนถามน้องน้ำว่า ทำไมถึงเลือกที่จะตอบแบบนี้ น้องน้ำบอกว่า “เป็นความเคลือบแคลงใจในฐานะคนไทย ที่รักประเทศไทยที่ไม่ชอบในหลาย ๆ เรื่องที่ผ่านมา ทั้งเรื่องสิทธิที่ไม่เท่าเทียมกัน เรื่องของความชัดเจน การใช้กฎหมายเดียวกัน แต่มีผลกับคนแต่ละคนต่างกัน
ดังนั้นอยากให้ทุกคนใช้ตรรกะแห่งความเข้าใจ ความออมชอม หรือ สิทธิมนุษยชน (Human Right) และการพูดอย่างเสรีภาพในที่สาธารณะ (Right of speech) ซึ่งถือเป็นประชาธิปไตยที่ทุกคนควรมีสิทธิ์ทำ ไม่ได้หมายความว่านี่คือการเลือกข้างของเวทีใดเวทีหนึ่ง เพราะจากการตอบของทั้ง 5 คนมีความหมายเหมือนกัน หากตนเลือกข้างจริงก็คงต้องให้มงกุฎใหญ่กับทั้ง 5 คน มองว่านี่เป็นการตั้งข้อกล่าวหาของคนที่คิดลบ ตนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ อยากให้ทุกคนยอมรับในความแตกต่าง ไม่อยากให้นำเรื่องของนางงามไปผสมกับเรื่องของการแบ่งข้างทางการเมือง พร้อมกับการตั้งคำถามกลับว่า ทำไมคนไม่โฟกัสที่การตอบคำถามรอบ 10 คน ที่เกี่ยวกับการนำเสนอเพลงที่บ่งบอกถึงสถานการณ์โควิด-19 และการอยู่ร่วมกัน
“ความสวยไม่ได้มีนิยามเดียว หากใครบอกว่าไม่สวยก็ไม่เป็นไร เป็นเรื่องธรรมชาติ ความสวยเป็นปัจเจกที่ไม่มีบทสรุป และยืนยันชัดเจนล้านเปอร์เซ็นต์ว่า เรื่องนางงามกับการเมืองสามารถดำเนินไปควบคู่กันได้ ที่สำคัญคือทุกชีวิต ทุกอาชีพในประเทศไทย สามารถที่จะมีสิทธิในการพูดถึงเรื่องการเมืองได้ เห็นต่างได้ มีอิสระทางด้านการคิดภายใต้กรอบของกฎหมาย และทุกคนต้องเข้าใจในบริบทของการเห็นต่าง อย่าพยายามละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของแต่ละคน” คุณณวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย