จากรณี น้องออมสิน เด็กหญิง วัย 3 ขวบ เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลอ่างทอง ภายหลังบริเวณร่างกายมีร่องรอยฟกช้ำ และมีรอยเล็บทั้งตัว บริเวณคอ แก้มมีรอยฟกช้ำ ศีรษะผมหลุดร่วงหายไปจำนวนมาก ประกอบกับผลการเอ็กซเรย์ ยังพบวัตถุคล้ายตะปูหรือน็อตอยู่ในกระเพาะอาหาร
และตัวของน้องออมสินยังมีอาการหวาดผวา กลัวคนแปลกหน้า โดยพยาบาลต้องคอยปลอบอยู่ตลอดเวลา ซึ่งน้องออมสิน อาศัยอยู่กับนายกมล อุ่นละม้าย อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นลุง พ่อและแม่เด็ก ไปทำงานอยู่ที่จังหวัดชลบุรี โดยลุงได้นำเด็กไปฝากเลี้ยงไว้กับบ้านที่รับเลี้ยงเด็ก ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ทำร้ายเด็ก
ล่าสุด วันนี้ (16 ก.พ.) ทีมข่าวได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลแสวงหา จ.อ่างทอง เพื่อสอบถามข้อมูลจากผู้เป็นพ่อ คือ นายลัทพล อุ่นละม้าย เพิ่งเดินทางกลับมาจากทำงานที่ จ.ชลบุรี โดยนายลัทพล บอกว่า ได้เจอกับตัวลูกสาวแล้ว ซึ่งน้องมีแผลตามตัว ฟกช้ำ และมีรอยเล็บ นายลัทพล ยังบอกอีกว่า ปกติน้องจะเป็นคนร่าเริง แต่วันนี้เมื่อเจอกันก็เงียบเฉยไม่ยอมพูด ซึ่งปกติน้องจะเป็นคนไม่ชอบหยิบจับของแข็งเข้าปากง่ายๆ
นายลัทพล เชื่อว่าน่าจะเป็นพี่เลี้ยงที่เป็นการคนทำร้ายน้อง เพราะนายกมล พี่ชายของตนปกติเป็นคนรักเด็ก เวลาเลี้ยงดูหลานไม่เคยเห็นทำอะไรรุนแรง ลุงก็เป็นคนในครอบครัว เติบโตมาด้วยกันและรู้จักกันมาเป็นอย่างดี คงไม่ใช่เป็นคนทำร้ายน้องอย่างแน่นอน จึงเชื่อว่าคนที่จะทำร้ายน้องคือพี่เลี้ยง
ส่วนข้อกังวลในเรื่องของค่ารักษาพยาบาล นายลัทพล บอกว่า ทางครอบครัวมีความกังวล แต่ไม่รู้จะไปเรียกจากใคร จึงต้องหาเงินมารักษาและดูแลน้องต่อไป ถ้าจะไปเรียกจากฝ่ายของพี่เลี้ยง คงจะยาก เพราะทางฝ่ายพี่เลี้ยงไม่ใช่คนมีฐานะ ถ้ามีเงินก็คงไม่มารับจ้างเลี้ยงเด็ก และคงปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฏหมาย ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหาตัวคนทำผิดมาลงโทษ
จากนั้นทีมข่าวจึงเดินทางต่อไปที่บ้านของลุงน้องออมสิน โดยได้พบกับ นายกมล อุ่นละม้าย อายุ 43 ปี โดยนายกมล บอกกับทีมข่าวว่า นายลัทพล อุ่นละม้าย ผู้เป็นพ่อ ได้นำน้องออมสินมาฝากไว้เมื่อสี่เดือนที่แล้ว ตอนเจอกับน้องครั้งแรกก็ไม่รู้ว่าโดนอะไรมา มีรอยเป็นจ้ำๆ บริเวณขาและเป็นรอยจาง
ซึ่งตนก็ไม่ได้สนใจนึกว่าเด็กไปเล่นซนตามปกติก่อนที่พ่อจะนำมาฝาก จากนั้นตนก็ได้ตกลงกับพ่อของเด็กให้จ่ายเดือนละ 6,000 บาท เพื่อเป็นค่าเลี้ยงดูน้องออมสิน เช่น ค่าอาหาร และค่าแพมเพอร์ส ตลอดสี่เดือนที่ผ่านมาพ่อของน้องก็ส่งเงินมาให้ตนในการจัดการเลี้ยงดูเด็กตลอด
ต่อมา ตนไม่ค่อยมีเวลาได้ดูแลน้อง เพราะต้องดูแลแม่ที่ป่วย จึงไปคุยกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ชื่อนางแตง ให้ช่วยเลี้ยงดูหลานสลับกับตน นางแตง ก็เป็นคนรักเด็กตนจึงไว้ใจที่จะพาให้ไปอยู่ด้วย และตลอดของการเลี้ยงดูที่นางแตง ดูแลอยู่ก็ไม่ได้จ่ายค่าดูแลแต่อย่างใดเพราะถือว่าเป็นเพื่อนสนิท
ต่อมา น้องออมสิน เริ่มเกาและคันมากยิ่งขึ้น ทำให้บริเวณรอบตัวมีแต่รอยแผล และรอยเล็บ บวกกับรอยช้ำที่เริ่มชัดเจนขึ้น มีอาการเขียวบริเวณหน้าอก และตามจุดต่างๆ จึงตัดสินใจพาน้องไปโรงพยาบาล แต่ทางคุณหมอกลับพูดว่า ตัวเองเป็นคนทำร้ายน้องมา ประกอบกับการตรวจของหมอ ที่ใช้เวลานานน้องเริ่มบ่นหิวข้าว จึงพาน้องกลับบ้าน
จนทางโรงพยาบาลโทรศัพท์มาตามแล้วบอกอาการว่า มีน้ำท่วมปอดและซี่โครงหัก แต่ตนมองว่าน้องมีอาการปกติ ร่าเริง ยิ้ม พูดคุย ทานข้าวปกติ และไม่มีอาการป่วยตามที่หมอบอก จนช่วงดึกที่ผ่านมา มีตำรวจมาพาตัวน้องออกไป
ส่วนกรณีที่ตน และนางแตง คนใดคนหนึ่งเป็นคนทำร้ายร่างกายน้องออมสินนั้น นายกมล บอกว่า ถ้าตนทำร้ายน้อง ตนก็จะยอมรับ แต่ในทางกลับกันตนไม่ได้ทำ และรู้ว่าน้องมีแผล ตั้งแต่แรกในวันที่รับมาเลี้ยง ประกอบกับนางแตง เป็นคนที่รักเด็กและเคยเลี้ยงดูเด็กมาแล้วหลายคน เวลาที่น้องออมสินไม่สบายนางแตง ยังพาไปหาหมอ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่นางแตงจะทำร้ายเด็ก
นายกมล ตั้งข้อสังเกตว่า ความจริงแล้วน้องออมสิน อาจจะได้รับบาดเจ็บหรือถูกทำร้ายร่างกาย ก่อนที่จะนำตัวมาฝากให้ตนเองเลี้ยง ตั้งแต่เมื่อสี่เดือนที่แล้วหรือไม่ เพราะจากการให้ข่าวของนายลัทพล พ่อของเด็กได้รีบปฏิเสธและกล่าวหาตน กับนางแตง โดยไม่มีการตรวจสอบหรือตรวจสอบร่างกายจากหมอ