จากกรณี น.ส.ณัฐนิชา แพนไธสง หรือ ปอย อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ถูกยิงเสียชีวิต หลังซ้อมรำเตรียมชุดขึ้นเวทีประกวดธิดาไหม เหตุเกิดบนถนนสายบ้านบง-หนองสองหัอง บ้านโคกเมฆ ต.บ้านคู่ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ เมื่อกลางดึกวันที่ 26 ก.ย. 63
ล่าสุดวันที่ 28 ก.ย.63 เวลา 10.30 น. พ.ต.อ.บุญธรรม สมบูรณ์ ผู้กำกับการ สภ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ พร้อม พ.ต.ท.ประภาส พวงศรี รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สภ.นาโพธิ์, ร.ต.อ.สุเมธ ยิ่งแสวงดี รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.นาโพธิ์ เจ้าของคดี ได้ควบคุมตัวนายนัฐกิจ บุญเหลือ หรือ แก๊ป อายุ 20 ปี และนายธนวัฒน์ แก้วบุตรสา หรือ ไก่ อายุ 19 ปี 2 ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวทั้งสองไปทำแผนทั้งหมด 4 จุด จุดที่ 1 บริเวณสามแยกบ้านโนนตะค้อ ซึ่งเป็นจุดนายไก่เป็นคนขับรถจักรยานยนต์ซ้อนนายแก๊ป รวมทั้งกลุ่มเพื่อนอีกหลายคัน ไล่ตามไปเจอกับคู่กรณี โดยจุดนี้นายแก๊ปให้การว่าได้ยิงปืนขึ้นฟ้าไป 1 นัด
จุดที่ 2 คือหน้าวัดบ้านตะค้อ ต.บ้านคู อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ และนายแก๊ปอ้างว่า ได้ยิงขึ้นฟ้าไปอีก 1 นัด
ส่วนจุดที่ 3 จุดกลับรถบ้านโคกเมฆ ห่างจากจุดที่ 2 ออกไปอีกประมาณ 500 เมตร เป็นจุดที่นายไก่ อ้างว่าไปเลี้ยวกลับรถกลับหลังก่อเหตุ
และจุดที่ 4 ถนนหน้าโรงเรียนบ้านนาโพธิ์ ต.นาโพธิ์ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ก่อนจะขับรถไล่ตามกลุ่มคู่กรณี ไปก่อเหตุในจุดที่ 1 โดยบรรยากาศกาศการทำแผนในจุดที่ 4 นายไก่ได้ลงมาชี้จุดแค่เพียงคนเดียว สาวนนายแก๊ปนั่งอยู่ในรถตู้กับเจ้าหน้าที่
นายไก่เล่าด้วยสีหน้านิ่งเฉยว่า หลังจากที่กลุ่มพวกตนมีปัญหาทะเลาะกันกับกลุ่มของผู้บาดเจ็บ พวกตนกว่า 40 คน ก็ได้ขับรถมาที่หน้าโรงเรียนบ้านนาโพธิ์ โดยตนจอดรถ PCX สีขาวหน้าโรงเรียน ส่วนเพื่อนที่เหลืออีกหลายสิบคนได้วิ่งลงไปเอาอาวุธปืนที่ซ่อนไว้ในป่าหญ้า ตรงข้ามโรงเรียนบ้านนาโพธิ์ ก่อนจะขับรถไล่ตามกลุ่มคู่กรณีไปก่อเหตุในจุดที่ 1 จุดที่ 2 และจุดที่ 3 ตามลำดับ
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาตัวนายไก่ ขึ้นรถตู้ เพื่อกลับไปยัง สภ.นาโพธิ์ ทีมข่าวได้สอบถามนายไก่ว่าอยากจะขอโทษคนตายไหม นายไก่ตอบสั้น ๆ ว่า "ผมไม่รู้เรื่อง ผมไม่ได้ทำ"
เมื่อมาถึง สภ.นาโพธิ์ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ทีมข่าวสอบถามนายแก๊ปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าตัวไม่พูดคุยกับทีมข่าว พร้อมกับพยายามหันหน้าหนี ขณะที่นายไก่ยังคงยืนยันสั้น ๆ คำเดิมว่า ไม่รู้เรื่องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เผยคลิปสุดท้าย 'น้องปอย' ซ้อมเดินแบบก่อนถูกยิง-คุม 2 มือปืนทำแผน
- 2 โจ๋ฆ่าน้องปอยโต้ต่อหน้าสื่อไม่ได้ยิงท้าดูกระสุน ร่างทรงโผล่ถูกจับโป๊ะรหัสมือถือ
- แม่ช็อกหน้าโลง “น้องปอย” ถูกลูกหลงยิงตายอดประกวดสาวงาม แฟนหนุ่มพาร่างส่ง รพ.
นายกี้ 1 ในผู้บาดเจ็บ และเป็นวัยรุ่นกลุ่มเดียวกับน้องปอย ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ก่อนจะเกิดเหตุ ตนเองและกลุ่มเพื่อน ๆ ประมาณ 30-40 คน ได้ดูคอนเสิร์ตที่งานผ้าไหม ระหว่างที่พากันเต้นหน้าเวทีคอนเสิร์ต มีการมองหน้ากันและเต้นยั่วยุกันกับกลุ่มผู้ก่อเหตุเกิดขึ้น ซึ่งฝ่ายผู้ก่อเหตุก็มีประมาณ 40 คนเช่นเดียวกัน จากนั้นต่างฝ่ายก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน และกลุ่มตนเองได้เหลือเพียง 6 คน
สุดท้ายที่ขับรถกลับบ้านเส้นทางเดียวกัน พอขับมาถึงสามแยกบ้านโนนตะคร้อ ก็มีกลุ่มผู้ก่อเหตุจอดรถจักรยานยนต์มาสวนกับพวกตนเอง ประมาณ 30 คัน
พวกตนเห็นท่าทางจะไม่ดี พวกตนรีบขับรถเข้าหมู่บ้าน เพื่อไปบ้านโคกเมฆ ชุมชนของตนเอง ไปถึงปากซอยเข้าหมู่บ้าน กลุ่มผู้ก่อเหตุที่ขับตามหลังได้ไล่ยิงพวกตน มีเสียงปืนดังขึ้นรัวมากกว่า 10 นัด พอตนขับพ้นหมู่บ้านไป ห่างจากซอยที่รถคันของน้องปอยขับเข้าซอยประมาณ 1 กิโลเมตร รถมอเตอร์ไซค์ของตนเองมีเพื่อนสาวนั่งซ้อนท้ายตนเองด้วย ตนจำได้ว่ามีรถองนายไก่ขับตามมายิงตนหลายนัด
โดยอีกฝ่ายได้ขับเข้ามาประชิดรถของตนเอง แล้วใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ล้อรถจักรยานยนต์ของตนเอง จนกระสุนฝังในยางรถ ทำให้รถของตนเสียหลัก แล้วเอาเท้ามาถีบรถมอเตอร์ไซค์ของตนจนล้มข้างทาง ทำให้ตนและเพื่อสาวที่ไปด้วยกันได้รับบาดเจ็บ ตอนเองมีแผลถลอกที่ใบหน้า หน้าผาก และศีรษะด้านซ้าย ต้นขาทั้งสองข้าง ส่วนนายอู๋ เพื่อนที่มาด้วยกันอีกคัน ก็ถูกกลุ่มคนร้าย ตามยิงไปจนถึงรีสอร์ตบ้านนา จนถูกคนร้ายถีบรถล้มข้างทาง และบาดเจ็บตามร่างกายเช่นเดียวกัน
ส่วนที่นายแก๊ปให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตอนทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุว่ายิงปืนขึ้นฟ้า 2 นัด ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เขาเป็นคนตามยิงตนต่างหาก อีกทั้งมีกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุไว้ได้ก่อนที่จะก่อเหตุ
ด้านนางสายฝน แพนไธสง แม่ของน้องปอย เปิดเผยว่า สำหรับพ่อน้องปอยที่กลับจากต่างประเทศ และกักตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ คงไม่ได้มาน่วมงานศพของลูกสาว และเขาก็เสียใจมาก หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับผู้ต้องหาได้ถึง 2 คน ตนเองก็รู้สึกสบายใจขึ้น และตำรวจก็ทำงานหนักจริง ๆ ตนก็รอเจ้าหน้าที่ในการจับผู้ต้องหาคนอื่น ๆ มาดำเนินคดีให้ได้ด้วย
โดยเมื่อวานนี้ ตนเองได้นอนที่บ้านของพี่สาว ที่อยู่ติดกันกับบ้านของตน เวลาประมาณ 01.00 น. ระหว่างที่ตนเองนอน ก็มีควันธูปลอยไปหาตนเอง และเข้าจมูกของตน ระยะแรกควันมีมวลไม่ค่อยมาก กระทั่งตนนอนต่อไป ก็มีควันธูปลอยมาหาตนหนักกว่าเดิม จนตนหายใจไม่ออก และตนถึงขั้นไอหนัก จากนั้นตนจึงรีบมาหาลูกสาวที่โลงศพ ก็เห็นว่าเทียนที่ตนจุดไว้หน้าโลงศพนั้นกำลังจะดับ ตนจึงจุดเทียนให้ลูกใหม่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนจึงคิดว่าลูกสาวอาจไปหาตนเพื่อบอกกับตนว่าเทียนจะดับ
นางสายฝน เล่าต่อว่า อีกเรื่องหนึ่งที่ตนเองหนักใจคือศพของน้องปอยไม่สามารถเผาศพได้ที่เมรุได้ เนื่องจากเมรุที่วัดบ้านหัวฝายชุมชนของตนเองเพิ่งบูรณะสร้างเสร็จใหม่ ชาวบ้านมีความเชื่อว่าศพแรกที่จะต้องเผาในเมรุดังกล่าว ต้องเป็นศพคนแก่เท่านั้น ห้ามเป็นศพเด็ก ถ้าเผาศพเด็กเป็นศพแรก จะต้องทำให้เด็กในหมู่บ้านรุ่นราวเดียวกันกับลูกตนเองมีการตายติดต่อกัน
โดยเบื้องต้น ตนจะต้องแก้ปัญหาโดยการสร้างเมรุลอยในการเผาศพให้ลูกสาว ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมด 48,000 บาท ตนก็บอกลูกสาวทุกวัน ให้วิญญาณของลูกสาวช่วยดลบัลดาลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายรายอื่น ๆ ให้ได้ วันนี้ตำรวจก็ไปเจอสร้อยคอทองคำของลูกสาวที่ตกในที่เกิดเหตุเป็นหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งสร้อยดังกล่าวอยู่ในสภาพขาดและมีจี้ที่ยังหาไม่เจอ