จากนักร้องลูกทุ่งหน้าสวยที่แจ้งเกิดมาจากบทเพลง "มีเมียแล้วไม่เอา" จนวันนี้ "ดาว มยุรี" กลายเป็นนักร้องตัวแม่ในวงการลูกทุ่ง ซึ่งเธอเล่าให้ฟังว่า ก่อนจะโด่งดังในเส้นทางลูกทุ่งแนวภารตะได้นั้น เป็นเพราะนักแต่งเพลงได้รับการดลใจจากองค์เทพ ทุกอัลบั้มก็ต้องมีเพลงลูกทุ่งสไตล์นี้เสมอ จนกระทั่งวันนี้เธอกลับมาทำเพลงอีกครั้ง พร้อมเล่าให้รายการ ต้มยำอมรินทร์ ฟังว่าได้เพลงนี้มาจากองค์เทพประทานให้ พร้อมเผยว่าถ้าเพลงนี้ไม่ปัง จะทิ้งทวนเพลงแขก!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "ปีเตอร์" ขอทุ่มชีวิตนี้เพื่อลูก แต่ไม่ได้ปิดโอกาสให้ตัวเองมีคนดูแล
- "ครูอ้วน มณีนุช" เคลียร์ชัด ค่าเรียนร้องเพลงแพงสุดในไทยจริงไหม?!
- ตลกซิทคอมตัวพ่อ "เฮียหมู" งานหด เงินหาย ลั่นยอมตายเพราะไร้เงินรักษาตัว!
- แก้มบุ๋ม ปรียาดา จากเจ้าแม่สายมูเข้าสู่สายธรรมะ ผลบุญหนุนนำแฟนหนุ่มสะกิดคุยเรื่องแต่งงาน
- อี๊ด โปงลางสะออน เปิดใจในสถานะใหม่ "คุณพ่อป้ายแดง" พร้อมยอมรับติดลูกหนักมาก!!
- ดูเพลิงนางย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่
ถาม ได้ยินเพลงพี่ดาวมาตั้งแต่สมัย "มีเมียแล้วไม่เอา" กี่ปีแล้วในวงการเพลง
ดาว : ถ้าเพลงสร้างชื่อก็น่าจะ 20 กว่าปีแล้ว เพลงที่เปลี่ยนชีวิตเราคือเพลง “มีเมียแล้วไม่เอา” เนี่ยแหละค่ะ ตอนนั้นปล่อยเวอร์ชั่น "ก็เอา" ออกไป แต่ไม่ผ่านกบว.ตอนนั้น เราค้นหาตัวเองมาหลายๆ อัลบั้ม ก่อนที่จะมาเจอเพลงแนวแขก มีความรู้สึกว่าใช่ เราน่าจะมาในแนวนี้ แล้วเรามีองค์เทพ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ความเชื่อเฉพาะ เราก็โอเค จากนั้นมา ไม่เคยทิ้งเพลงแขกเลย ในทุกๆ อัลบั้มจะต้องมีเพลงแขก จากเพลงมีเมียแล้วไม่เอา ก็มาแฟนเคยมีแต่เลิกแล้ว แล้วก็มีเยอะเลยเพลงแขก
ถาม เป็นความเชื่ออะไร
ดาว : เป็นความเชื่อว่าเรามีครูบาอาจารย์ที่เกี่ยวกับองค์เทพอะไรอย่างนี้ เป็นเทพแขก ไม่ว่าจะเป็นพระแม่ลักษมี พระแม่อุมา พระแม่สุรัสวดี เทพต่างๆ ที่เป็นแขก
ถาม ทำไมอยู่ดีๆ เราถึงมีความเชื่อนี้ขึ้นมา มีคนทักหรือเรารู้สึก
ดาว : พี่โปรดิวเซอร์ พี่สโนวไวท์เนี่ย เพลงนี้มาจากสมาธิเขา เขาก็เป็นคนที่เริ่มพาเราไปปฏิบัติธรรม เราต้องมาสายธรรมด้วย แล้วก็ขอว่าอยากได้เพลงๆ นี้ เป็นเพลงสุดท้ายที่เขานั่งสมาธิ ดนตรีมันลอยแว่วเข้ามา เหมือนเขามาไกด์ท่อนฮุก เมโลดี้ แล้วก็มาแต่งเนื้อกัน แล้วก็เรียกอาจารย์เริงยุทธ พิมพ์ทองมาคุยกัน
ถาม ล่าสุดเห็นว่ากำลังจะออกเพลงอีก ซึ่งเป็นเพลงแขกเหมือนกัน แล้วเพลงนี้มีความพิเศษด้วย
ดาว : จริงๆ ทุกๆ เพลงที่ปล่อยออกมา มันจะมีกลิ่นอายแขก แต่ว่าเพลงนี้ที่มาที่ไปคล้ายๆ กับเพลงมีเมียแล้วไม่เอา มีน้องคนนึงชื่อ “น้องกอล์ฟ” เขาก็เป็นสายเทพเหมือนกัน แล้วที่บ้านเขาก็จะมีเทวสถาน อยู่ๆ นางก็บอกว่า “พี่ดาว หนูจุดธูปอยู่ มันมีแบบแว่วๆ ลอยมา “โอมร่ายมนต์ ดลให้เธอรักฉัน” อะไรแบบนี้ ใช่ค่ะ แว่วเป็นประโยค “โอมร่ายมนต์ ดลให้เธอรักฉัน” แล้วเราก็นั่งคุยกัน “หลงลืมคืนวัน” เป็นคนต่อกับน้องเขา “มีเพียงฉันและเธอ”
ถาม จนมาเป็นเพลงชื่อเพลงอะไรนะคะ
ดาว : ชื่อเพลง “โอมจงมา” เราได้แค่ท่อนฮุกค่ะ แล้วก็ ลาลาลาลันลา เราก็จะมีลา ลาของเราพอเสร็จแล้ว ก็เลยไปได้อาจารย์คนรุ่นใหม่ชื่ออาจารย์สโนว์ บอกอาจารย์เราอยากได้เนื้อแบบนี้ ท่อนฮุกเราเป็นแบบนี้มี ลา ตรงนี้ แล้วก็ดนตรีเราจะหาเรฟเฟอร์เร้นซ์ให้เขา เขาก็จะช่วยแต่งเนื้อข้างในมาให้เรา จะช่วยกันดีไซน์
ถาม ลองไปหาฟังกันดูได้ เป็นความตั้งใจมากๆ ของพี่ดาว มยุรี ถึงขนาดเอ่ยปากว่า ถ้าเพลงนี้ไม่ปังปุริเย่ จะไม่ร้องเพลงแล้ว
ดาว : จริงๆ ก็ว่าอย่างนั้น แต่สำหรับเพลงแขก มีพี่คนนึงเขาบอกว่า มันไม่ได้ 50,000 วิว ไม่ต้องร้องแล้วนะ เออ งั้นไม่ต้องทำก็ได้ ทิ้งทวนไปเลย จะขอทำเพลงแขกทิ้งทวน ไม่ว่าจะเป็นทุกอย่างเสื้อผ้า หน้าผม ประมาณนั้น ช่วยกันเข้าไปดูให้กำลังใจหน่อยนะ ตอนนี้ เข้าไปดูที่ YouTube “ดาว มยุรีย์ Chanel” ติดตามกดไลก์ กดแชร์ให้ดาวด้วย ไปกด subscribe ให้ด้วยนะ
ถาม เขาบอกว่าในช่วงโควิดที่ผ่านมา น่าจะเกือบทุกคนได้รับผลกระทบทั้งหมด ถึงขนาดว่าไม่มีรายได้ สำหรับคุณดาว มยุรี เขาสวนกระแส เพราะเขาบอกว่ามีคนมาอุปถัมภ์อุ้มชูคือใคร
ดาว : พี่ดาวเป็นคนที่สายบุญ ปฎิบัติธรรมสวดมนต์ศีล 5 ทุกคืน มาประมาณ 5-6 ปีแล้ว สิ่งนึงที่ไม่เคยทิ้งเลยก็คือบุญ เราสะสมมา พอวันนึงบุญเราถึง เราไม่ต้องเรียกร้อง ช่วงเกิดโควิดช่วงแรกๆ ก็ยังไม่มานะ เดือนแรกก็ยังไม่มานะ มาปลายๆ แล้วเรามีความรู้สึกว่า เราจะอยู่ยังไง โควิดคงอยู่ไม่นาน ด้วยความที่ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร รู้สึกว่าเรามาสายธรรม เราจะตกน้ำก็ไม่ไหลอะไรแบบนี้ มันมีความรู้สึกอย่างงั้นว่าเรารอดแหละ อยู่ๆ ก็มีผู้ใหญ่ใจดีเข้ามาช่วยเหลือเราในด้านการงาน การเงินอะไรแบบนี้ มาโดยที่แบบเป็นไปได้เนอะ ก็คุยค่ะ ประมาณนั้นแบบช่วยเหลืออะไรอย่างนี้
ถาม พูดง่ายๆ ก็คือเป็นการอุปถัมภ์ที่ทำให้โลกของเราเป็นสีชมพูด้วยไหม
ดาว : นิดนึง ด้วยความว่า ถ้ามีสิ่งดีๆ เป็นความรักที่เขาให้สิ่งดีๆ กับเรา เป็นผู้ใหญ่ เราก็รักนะ แต่ว่ามันเป็นความรักที่แบบขออยู่แบบส่วนตัวได้ไหม เมื่อก่อนคบกับใครมยุรีก็ต้องลงรูปบอกคนนั้นคนนี้ แล้วก็มีแคปชั่นใต้ภาพหวานแหวว มันรู้สึกว่าเป็นอาถรรพ์สำหรับเรา
ถาม เหมือนแบบว่าเวลาเปิดเมื่อไหร่ปุ๊บ มันไม่ได้
ดาว : พัง พอพังไม่พอ มันทำให้เรารู้สึกว่ามันไปไม่รอด แล้วทุกคนก็เอาอีกแล้ว มีความรู้สึกว่าเราบ้าผู้ชาย เขาไม่เข้าใจ ด้วยความที่เราเป็นคนที่คุยกับใครแล้วก็จะลงรูป เราไม่ได้คิดว่ามันจะต้องอะไร พอมาตอนหลัง เรามาสายธรรม ก็นี่แหละสายธรรมก็สอนให้เรานิ่งปล่อยวางไม่ต้องไปยึดติดอะไรมาก ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป มันไม่ใช่ของเรา เราเกิดมาก็ตัวคนเดียว จิตมาอาศัยร่างนี้เกิดเท่านั้น มันก็เลยทำให้เราปล่อยวางได้ ไม่ต้องไปยึดติดอะไรมากมาย ทำทุกวันนี้เวลานี้ให้มีความสุข พยายามสะสมบุญ
ถาม พอเราไม่ได้ออกมาเปิดต่อหน้าสื่อ กลับเป็นความรักที่ดีใช่ไหม
ดาว : มันกลับเป็นอะไรที่ดีสำหรับเรา เพราะว่าเราก็เคยดูดวงมาแล้วว่าคุณเปิดเผยเรื่องความรักไม่ได้ จริงค่ะ หมอลักษณ์ยังบอกเลยว่าความรักเป็นดวงราคี ดวงดาวแตกเรื่องความรัก มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อก่อนเนี่ย เรื่องราวของตัวเองจะพูดให้ทุกคนฟังหมดเลย พอมาวันนี้ เรามานั่งคิด เราพูดมากก็ไม่ดี ก็เหมือนที่บอกว่าสายธรรมสอนให้เรานิ่ง อยู่ของเราให้มีความสุขก็พอ แล้วไม่ต้องไปอะไรกับใครมากมาย มันสอนให้เราแบบนั้นจริงๆ ค่ะ
ถาม ทุกวันนี้ยังแซ่บอยู่ แซ่บขนาดนี้ ลูกอายุ 18 แล้ว
ดาว : ย่าง 18 แล้ว ม.กรุงเทพ ปี 1 ค่ะ เวลาเดินไปไหนด้วยกัน ก็แบบพี่น้องอะไรอย่างนี้
ถาม แต่เห็นบอกว่าสิ่งหนึ่งที่เหมือนคุณแม่คือชอบเต้น
ดาว : จริงๆ อยากให้ร้องเพลง แต่ว่าตอนเด็กๆ ร้องเพลงแม่จนถึง 7 ขวบ แต่ก่อนเต้นตาม ร้องได้หมด พอมา 9 ขวบ เปลี่ยนหมดเลย มาแนวเกาหลี สายเต้นโคฟเวอร์เกาหลี แล้วก็ไปซ้อมเต้น ไปประกวด บางทีเขาไม่ได้บอกว่าเป็นลูกเรา จริงจัง ขยันซ้อม 2 ทุ่ม 3 ทุ่ม ไปห้องซ้อม เขารักตรงนี้ไง เราก็ไม่รู้จะทำยังไง
ถาม แล้วเราสนับสนุนไหม ?
ดาว : สนับสนุนค่ะ ดีกว่าเขาไปอย่างอื่น เขามาสายเต้นมาอะไรของเขา อยากให้ร้องเพลงได้ด้วยอะไรอย่างนี้ แต่เขาไม่ชอบร้องเพลงเลย แต่ไม่ว่าเขาจะชอบอะไร เราก็สนับสนุนเขาหมด
ถาม วันนี้แม้ว่าดาวมยุรีจะไม่มีงาน ชีวิตก็ไม่ลำบากแล้ว
ดาว : ไม่ใช่ค่ะ พี่มีความรู้สึกว่าเราผ่านอะไรมาเยอะมาก พอวันหนึ่งบุญเสริมเรา มันก็มีสิ่งดีๆ เข้ามา ทำให้เราไม่ต้องไปขวนขวาย เมื่อก่อนลุยทุกงาน ไปทุกที่ แม้กระทั่งงานธุรกิจ งานการเงินการลงทุน พี่ดาวไปศึกษามาทุกงาน จนกระทั่งวันหนึ่งเรามีความรู้สึกว่าเราไปแล้วมันไม่ใช่ตัวเรา แม้กระทั่งขายสินค้าตัวเองก็ทำมาหมดนะ พอวันนึงเรามานั่งถามตัวเองว่า “เขาคงให้เรามาอยู่แค่สายนี้หรือเปล่า แค่เป็นศิลปินร้องเพลงหรือเปล่า” พอไปทางอื่นแล้ว มันไม่สำเร็จ เลยกลับมายืนมองตัวเอง แล้วบอกว่าถ้างั้นก็เราก็อยู่สวยๆ เขาเรียกอยู่พอเพียง มีคนช่วยเราดูแล ผู้อุปถัมภ์ดูแลเร ให้มันน้อยลง ไม่ใช่ว่าไม่รับงาน รับงาน เพียงแต่ว่าอาจจะต้องแบบคิดว่าหางาน ราคานี้ เราไปคุ้มค่าไหม สำหรับเราเมื่อก่อนไปช่วยทุกงานอยู่แล้ว แต่ทุกวันนี้งานบุญบางงานก็ไปอยู่ แต่ว่าคัดกรองมากขึ้นมากกว่า