หนังคนละม้วน!! "เฌอเอม" ยืนยันด้วยชีวิต ไม่รู้คีย์เวิร์ดก่อน "เคน ผู้จัดการผีผลัก" ไม่ใช่พี่เลี้ยงในกองประกวด

29 ก.ย. 63

ฟังจากปาก "เฌอเอม ชญาธนุส ศรทัตต์" ผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 แถลงข่าวแจงประเด็นทุจริตโดยการแอบมีพี่เลี้ยงในกองประกวด ลั่น"เคน ผู้จัดการผีผลัก" ไม่ใช่พี่เลี้ยงนามงามในกองประกวด MUT2020 เหตุที่ไม่แจ้งว่าไม่มีพี่เลี้ยงเพราะไม่มีจริงๆ ยืนยันด้วยชีวิตไม่เคยเห็นคีย์เวิร์ดคำถาม เล่าหมดเปลือกสุดกลั้นน้ำตา ให้สังคมตัดสินความชอบธรรม เผยสิ่งสำคัญไม่ใช่มงกุฎ แต่เป็นเป้าหมายในชีวิต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- โซเชียลแตกตื่น "เฌอเอม" แชะภาพคู่ "ทนายนิด้า" !!??
"ปุ้ย TPN" แถลงตอบดราม่า ซัดพี่เลี้ยงกรอกยาพิษนางงามพาดิ่งลงเหว แนะนางงามใช้ความฉลาดให้ถูกต้อง
"ทนายนิด้า" โพสต์แจง "เฌอเอม" ไม่ได้ขู่ฟ้องใคร แค่มาปรึกษาหลังโดนด่า #มิจฉาชีพ2020

เคน ผู้จัดการผีผลัก : เรามีอาชีพเป็นผู้จัดการศิลปิน แต่ที่เขาบอกว่าเป็นมิจฉาชีพ มิจฉาชีพก็แปลว่าต้องไม่มีงานแล้วหลอกคนแต่เรามีหน้าที่การงานที่ชัดเจนของเรา สำหรับเรื่องที่บอกมาเป็นข้อ ๆ ในส่วนนี้ก็จะบอกว่าเราไม่ได้เป็นพนักงาน เราเป็นฟรีแลนซ์เราทำงานด้วยความเอื้ออาทรซึ่งกันและกันตั้งแต่ปี 2019 ดังนั้นถ้าจะมาบอกว่าเราเป็นมิจฉาชีพมันไม่แฟร์กับเรา จากตรงนั้นมีผลพวงกระทบมาถึงเราและน้อง สุดท้ายแล้วทั้งหมดทั้งมวลมันถาโถมเข้ามาหาเราทั้งสองคนแต่สุดท้ายคนที่โดนเยอะที่สุดคือน้องอยากจะให้เห็นใจน้องในส่วนนี้ด้วยครับ

เคน ผู้จัดการผีผลัก : ส่วนหน้าที่ในกองประกวดของผมคือ หน้าที่ดูแล sponsorship (ผู้ให้การสนับสนุนการจัดงาน) ในส่วนนี้ผมขายงานได้ก็คือในส่วนของ product ดูแลผม ซึ่ง product ตัวนี้เข้ามาหลังจากวันแถลงข่าวไปแล้วเกือบอาทิตย์

เคน ผู้จัดการผีผลัก :  สำหรับคำว่าผู้จัดการผีผลักที่มาของมันคือ เดิมทีมีหน้าที่ในการสอนเต้น สอนออกกำลังกาย และเรายังเป็นคนทำงานร่วมกับดาราที่เราดูแลฟิตเนส ในช่วงที่เขาอยากจะหาผู้จัดการมาช่วยเสริมทัพอีกคนหนึ่งเขาก็เรียกเราไปช่วยดูแลมันก็เลยกลายเป็นว่าไปๆ มาๆ เหมือนโดนผีผลักเราให้มาทำเลยนะเราก็เลยเรียกตัวเองว่าผู้จัดการพิผีผลัก

เคน ผู้จัดการผีผลัก : เรื่องการเซ็นสัญญาในกองประกวด ถ้าถามเคนไม่มี ราเข้าไปในฐานะฟรีแลนซ์ และไม่ได้อยู่ในการประชุมตลอด การประชุมที่เข้าร่วมคือ 3 ครั้ง แล้วสามครั้งที่เข้าร่วมประชุมไม่ได้นำข้อมูลมาบอกน้อง เราไม่ได้ดูแลน้อง เราเป็นแค่คนดูคิวและขายงานให้น้องซึ่งในสถานะนี้เราไม่ได้แจ้งกองก่อน เจตนาที่ไม่ได้แจ้งหรือบอกก่อนถามว่าตั้งใจปกปิดหรือเปล่าถ้าต้องการปกปิดจริง ๆ คงไม่ได้ใส่เบอร์ในไอจีแล้วก็คงไม่เดินไปหาให้เรื่องเกิดขึ้นขนาดนี้ ถ้าจะปกปิดจริง ๆ เรื่องวันนี้จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน สรุปก็คือไม่มีเจตนาครับ

s__68206859

สำหรับ "เฌอเอม" ที่กรอกในใบสมัครว่าไม่มีผู้จัดการหรือพี่เลี้ยง คือยังไง ?

เฌอเอม: เพราะว่าไม่วันนั้นไม่มีพี่เลี้ยงค่ะ ทั้งนี้เอมจะขอชี้แจง 4 คำที่เราใช้ในวงการบันเทิง คือ 1. โบรกเกอร์ เป็นนายหน้าหางานแค่เรื่องงานเท่านั้นเรื่องอื่นไม่ยุ่ง 2. กัลยาณมิตร คือเพื่อนพี่น้องที่หยิบยืมความช่วยเหลือให้กันและกันชั่วครั้งชั่วคราว 3. พี่เลี้ยง จะขอโฟกัสที่พี่เลี้ยงนางงาม ซึ่งจะดูแลในเรื่องของการประกวดทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นซ้อมเดิน เตรียมความพร้อมต่างๆ ทั้ง ภาพลักษณ์ต่าง ๆ ชีวิตประจำวันตลอดเวลาที่อยู่ในกอง ซึ่งบางทีก็จบเวทีต่อเวทีไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา 4. ผู้จัดการส่วนตัว ซึ่งเป็นคำที่กว้างที่สุดเป็นคำที่คนทั่วไปเข้าใจมากที่สุด ผู้จัดการคือคนที่เราตกลงให้จัดการเรื่องต่างๆ ในชีวิตอาจจะเป็นงาน ชีวิตส่วนตัวหรือเป็นทั้งสองอย่าง ซึ่งหมายความว่าเขาต้องรู้ทุกอย่างของเราทุก ในชีวิตของเราไม่ว่าตอนนั้นเราเป็นใครทำอะไรอยู่ และอยู่ในสถานะไหนก็ตาม ซึ่งเป็นความต่อเนื่องจนกว่าเขาจะยกเลิกสัญญาจ้างต่อกัน ซึ่งในฐานะนี้พี่เคนคือโบรกเกอร์ เอมกับพี่เคนไม่ได้มีเซนสัญญาต่อกัน ยืนยันว่าพี่เคนไม่ได้เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเรา เป็นแค่โบรกเกอร์หางานเท่านั้น มันอาจจะมีความคลุมเครือเล็กน้อยเพราะหลายคนรวมความหมายเข้าด้วยกัน เนื่องจากมันยากถ้าหลายคนไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงแล้วจะพูดว่าใครทำหน้าที่อะไรมันอาจจะสับสนด้วยความทับซ้อนกัน แต่ด้วยความที่เราอยู่หน้างาน เราสามารถแยกแยะออกมาได้ ซึ่งเอมต้องขอโทษจริง ๆ นะคะในด้านการสื่อสารที่ผิดพลาด (ไหว้) เอมพยามจะอธิบายให้รวดเร็วและง่ายเพราะตอนนั้นเองกำลังจะได้พบกับคุณปุ้ยแล้ว

เห็นว่ามีพี่เลี้ยงก่อนหน้าที่จะเข้ามาประกวดอีกคนหนึ่ง แต่พอถึงวันจริงเฌอเอมก็โดนเทจริงไหม ?
เฌอเอม: จริงค่ะ เนื่องจากวันที่ลงทะเบียนเรามาด้วยความรู้สึกที่เราอยากจะลองสิ่งที่แตกต่างซึ่งคนๆ นั้นเขาไม่ได้มีประสบการณ์ในการส่งนางงามมาก่อนเลย คือใหม่เหมือนกัน แล้วพอถึงจุดที่เราเริ่มมีการสัมภาษณ์เราเริ่มจะออกสื่อเยอะ เขาไม่สามารถทำงานเหล่านี้ได้เนื่องจากไม่มีความรู้ตรงนี้แล้วก็เริ่มไม่เอ็นจอยกับมัน เราก็เลยคุยกันว่าถ้าไม่ไหวจริง ๆ เราก็ส่งตัวเองต่อดีกว่า เพราะมันเป็นงานที่ต้องทำด้วยแพสชั่นระดับหนึ่ง และเราเองชอบแล้ว และแนวทางที่เข้าใจร่วมกันมันสำคัญกว่า

ประเด็นที่ว่า "เคน" เอาข้อมูลต่าง ๆในกองประกวดมาบอกเราจริงหรือไม่ ?
เฌอเอม: เอมขอตอบเรื่องคีย์เวิร์ดก่อนนะคะ เอมไม่เคยเห็นค่ะ และยืนยันด้วยชีวิตว่าไม่เคยเห็นคีย์เวิร์ดก่อน

อีกฝ่ายบอกว่าเห็นพฤติกรรมบางอย่าง ทำให้จับผิดได้ในวันที่เก็บตัว ที่หัวหิน ?

เฌอเอม: อันดับหนึ่งเอ็มขอบอกก่อนนะคะว่าเอมคุยกับทุกคนในกองด้วยความเป็นมิตร อยู่กับทุกคนมีความสุขและสนุกมากๆ ซึ่งสิ่งนี้ไม่ใช่ว่าเราทำเพื่อคะแนนนะคะ แล้วที่หัวหินพี่ๆ ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ครึ่งหนึ่งก็คงเคยพบเอมมาก่อนแล้ว เอมขอถามว่าวันนั้นเป็นพี่ๆ ที่อยากคุยกับเอมหรือเป็นเอมที่เดินเข้าไปหาพี่ๆ ให้สัมภาษณ์คะ เอมถูกคนพาไปหน้าแบคดรอปและไม่มีใครอยู่กับเอมในตอนนั้น และทุกคำถามที่พี่ๆ ถามเอมเวลาประมวลผลเท่ากับเวลาในการตอบในรอบออดิชั่นและถูกสัมภาษณ์สด เอมก็ไม่เคยชะงัก อาจจะมีพูดผิดบ้าง แต่เอมไม่เคยที่จะหยุดคิดนานเกินไป และสามารถถามกรรมการทุกคนได้ รวมทั้งผู้ใหญ่ของกองรวมกันแล้ว 17 ท่านเป็นกรรมการผู้ทรงเกียรติว่าวันนั้นเขาส่งคำตอบให้เอมหรือไม่ค่ะ ขอให้กรรมการเป็นพยานให้เอมด้วยค่ะ

ยืนยันว่า "เฌอเอม" ไม่ได้รับสิทธิพิเศษอะไรเหนือผู้เข้าแข่งขันคนอื่นใช่หรือไม่ ?
เฌอเอม: เอมไม่ได้รับอะไรเลยค่ะ สิทธิพิเศษมันคือการเอาเปรียบถูกไหมคะ ในเมื่อเราทำทุกอย่างเหมือนเพื่อน เราเป็นเหมือนเพื่อนเราทำพร้อมเพื่อนแล้วสิทธิพิเศษอันนั้นคืออะไร

คิดว่าตัวเองโดนกีดกันหรือเปล่า ?
เฌอเอม: เอมก็ไม่ทราบค่ะ แต่เอมทราบว่ามันมีการเข้าใจผิดเกิดขึ้นอาจจะด้วยการสื่อสารภายในอะไรบางอย่างที่เอมก็ไม่ทราบเพราะหลังจากที่เอมพบกับพี่ปุ้ยมันก็เกิดโพสต์ขึ้นและเกิดขึ้นโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว

เคน ผู้จัดการผีผลัก : ในส่วนวันนั้น (ที่หัวหิน) เราเห็นน้องหันรีหันขวางไม่มีใคร ด้วยความที่น้องทำงานเหนื่อยมากแล้วน้องทำงานไม่ไหว ก็เลยได้ตกลงกันว่าไม่ไหวแล้วนะหนูจะยังไงหันซ้ายหันขวาไม่เจอใครเลยถ้าหนูจะให้พี่มา Support พี่โอเคไหม แต่พี่เป็นคนในกองนะใจยังไง ฉะนั้นเราควรต้องเข้าไปหาผู้ใหญ่ไหม ในการหาไดเร็คชั่นรวมกันว่าเราจะทำงานยังไงในการที่เราจะต้องไปดูน้องนี้แล้วเราจะไม่น่าเกลียด จะได้รู้ว่าสิ่งที่เราทำมันโอเคแล้ว แนวทางแก้ไขจะเป็นไปในทางไหนแต่เราก็ไม่ได้รับฟีดแบคอะไร

เฌอเอม: ก่อนหน้านั้นเอมมีปัญหาสุขภาพเล็กน้อย ด้วยความที่ส่งตัวเองเราทำงานต่อไม่ไหว เนื่องจากเรามักจะใช้เวลาดูแลตัวเองแล้วก็ทำงานให้กับกองด้วย ดังนั้นเราไม่รู้จักใครและเรารู้จักพี่เคนเพียงคนเดียวและเห็นว่าพี่เคนมีศักยภาพที่จะทำในจุดนี้เราก็เลยตั้งใจที่จะพาพี่เคนไปแนะนำให้พี่ปุ้ยรู้จักในฐานะที่ต่อจากนี้จะเป็นคนส่งเรา เราปรึกษาว่ามันโอเคไหม เพราะผู้ใหญ่ในกองก็เหมือนพ่อแม่ของเราถ้าเราเป็นลูกเรามีปัญหา เราก็ต้องวิ่งเข้าหาพ่อแม่ค่ะ วันนั้นเราก็เลยเข้าไปโดยที่เราไม่ได้ปิดบังอะไรเลยเบอร์หนูก็ไม่เคยเอาลงแม้แต่ครั้งเดียวค่ะ ตอนนั้นเขาไม่ได้พูดอะไรค่ะ เขาก็รับทราบและบอกว่าให้พักผ่อนก่อนเพราะตอนนั้นเอมมาจากโรงพยาบาลวันรุ่งขึ้นไม่ต้องเข้ากองให้พักผ่อนแล้วค่อยเจอกัน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเขาไม่ได้บอกเรื่องกฎกติกามารยาทว่ามันผิดอย่างไรใช่ไหม "เฌอเอม" ส่ายหน้า ขณะที่ "เคน" ตอบว่า "ไม่มีครับผมทราบอีกทีตอนที่มีโพสต์"

เฌอเอม: เอมพาไปปรึกษาถ้าคำตอบไม่เห็นด้วย เราก็ยินดีที่จะให้กองช่วยหาคน Support ตามวิจารณญาณของกอง แต่เนื่องจากเราไม่ได้รับคำตอบ เราก็แค่ยอมรับว่าและคิดเอาเองว่า คงโอเค จนเมื่อเราเห็นโพสต์นั้น 

s__68206865

เฌอเอม: เรื่องสละสิทธิ์บอกตรงๆ ว่าตกใจนะคะเพราะเราไม่ได้คุยไว้ก่อน เราอาจจะพูดในแง่ของปัญหาสุขภาพถ้าวันหนึ่งเราไม่ไหวเราไม่อยากจะล้มลงไปในกอง ล้มลงต่อหน้าสื่อ ให้สื่อดูไม่ดี เราก็ขอเขาอย่างเดียวก็คือ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นเราอยากจะเดินในวันไฟนอลพร้อมกับเพื่อนอีก 29 คน เพราะว่าเราเริ่มมาพร้อมกันนะคะ สิ่งสำคัญมันไม่ใช่มงกุฎที่อยู่บนหัวแต่มันคือการที่เราได้เดินไปถึงเป้าหมาย และมันคือการแสดงความขอบคุณกับคนที่สนับสนุนและทำให้เอมมาถึงจุดนี้ เพราะเอมเดินไปพร้อมกับความรักของคนมากมายจริง ๆ ดังนั้นตอนนั้นเราพูดกับเขา สละสิทธิ์หรือไม่มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากมันแค่คำกับตัวเขียนไม่กี่คำเท่านั้นแต่เอมไม่ต้องการที่จะสละสิทธิ์อันชอบธรรมของเอมออกไปโดยที่เอมไม่ได้ชี้แจงอะไรเลย เพราะที่ผ่านมาเอมอยากบอกว่าเอมก็มีเรื่องที่อยากพูดแล้วมันเกิดการฟังข้อความข้างเดียวกันค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นวันนี้ถ้าทุกคนได้ฟังหมดแล้วเอมก็ต้องขอบคุณกองที่ได้ให้โอกาสเอมแถลงข่าว มียืนยันใน LINE แชทนะคะของ OFFICIAL กองเลยขอให้กองเป็นผู้พิจารณาการสละสิทธิ์ของเอมก็แล้วกันค่ะ เพราะตอนนี้ถือว่าเขาได้รับทราบแล้วค่ะว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่สำคัญไม่ใช่แค่กองแต่เอมอยู่ตรงนี้ได้ด้วยความรักความชอบของหลายๆ คน เพราะฉะนั้นเอมจะอยู่ตรงนี้ต่อได้มันไม่ใช่แค่กอง แต่ประชาชนทุกคนจะต้องรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นและเรื่องบางเรื่องถ้าสังคมอยากตัดสินเอมก็จะขอให้เป็นไปตามการตัดสินของสังคม เอมอยากให้คนในอนาคตมองย้อนกลับมาแล้วเป็นผู้ตัดสินความชอบธรรมให้เองดีกว่า

s__68206858

ทางกองให้ "เฌอเอม" เข้าไปสละสิทธิ์ภายในเมื่อวานนี้

เฌอเอม: เอมขอแจ้งเรื่องหนึ่งนะคะว่าปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นจากการใช้สายตาหนักเอมใบรับรองแพทย์ ดังนั้นเอมไม่แน่ใจว่าหากหลักฐานทางการทางการแพทย์ของเอมไม่ได้รับการเปิดเผยใบสละสิทธิ์ของเอมเหตุผลของเอมมันก็จะกลายเป็นหลักฐานเลื่อนลอยเอมจึงตัดสินใจไม่ส่งจดหมายสละสิทธิ์ไปเมื่อวานนี้ค่ะ

เท่ากับว่าเรายืนยันที่จะไม่สละสิทธิ์เรามองดราม่าที่เกิดขึ้นวันนี้ยังไง ?
เฌอเอม: ต้องบอกว่าที่ผ่านมาเอมไม่ได้รับการติดต่อจากกองเรื่องของการทำกิจกรรมนะคะ เอมไม่ทราบว่าเพื่อนไปไหน เอมไม่ทราบว่าเขาทำอะไรกันและเขาก็ไม่ได้อนุญาตให้เอมเข้าไปในกอง ที่เขาติดต่อมาทั้งหมดมีแค่เรื่องใบสละสิทธิ์เท่านั้น แต่ความจริงเอมพร้อมที่จะกลับเข้าไปในกองและทำกิจกรรมเสมอ และการตัดสิทธิ์เมื่อเราขอให้เป็นวิจารณญาณของกองหนูก็จะน้อมรับทุกอย่างที่ผู้ใหญ่ตัดสินใจแต่ถ้าให้เอมพูดอะไรซักอย่าง เอมก็จะขอไม่สละสิทธิ์ด้วยตัวเองเพราะมันเป็นสิ่งสุดท้ายที่เอ็มรู้สึกว่ามันชอบทำกับเอมในตอนนี้

คิดว่าสิ่งที่กองทำตอนนี้เป็นการบีบให้สละสิทธิ์หรือไม่ ?
เฌอเอม: เอมคิดว่ามันเป็นการเข้าใจผิดค่ะ ซึ่งก็หวังว่าทุกอย่างมันจะคลี่คลายลงหลังการสัมภาษณ์ครั้งนี้ค่ะ

คิดว่ากองจะให้เดินรอบไฟนอลไหม ?
เฌอเอม: อันนี้แล้วแต่ความกรุณาของกองว่าจะให้พื้นที่กับเอมไหม เพราะอย่างที่บอกว่าเอมไม่ต้องการผ่านเข้ารอบ เอมไม่ต้องการตอบคำถาม ที่สำคัญคือเอมไม่เคยต้องการเป็นผู้ชนะอยู่แล้วตั้งแต่ต้น เอมมองว่าการชนะที่แท้จริงในการประกวดมันคือการได้ทำอะไรที่เราต้องการทำจริง ๆ เพื่อสังคม แล้วมันคือการทำเต็มที่ ถ้าเราได้เดินไฟนอลวันนั้นมันก็คือเราชนะไปแล้ว ดังนั้นการที่ไปเดินวันนั้นมันคือจุดสิ้นสุดการเดินทางของเอม

จากมุมมองที่หลายคนคิดว่าเราโดนกลั่นแกล้ง รู้สึกยังไง ?
เฌอเอม: เอมคิดว่าคนมีหลากหลายนิสัยและมีหลากหลายการสื่อสารกัน ซึ่งบางทีข้อมูลที่ผิดพลาดเล็กน้อย เวลาที่ขัดเคลื่อนเพียงนิดเดียวมันก็อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดที่ใหญ่หลวงได้ เบื้องหลังหลังจากที่เอมกลับไปแล้วมันเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ทราบ แต่สิ่งที่มันระเบิดออกสู่สาธารณชนจนกระทั่งความเข้าใจผิดมันลุกลามใหญ่โต หรืออาจจะเป็นการเสริมความเข้าใจผิด มันก็คือโพสต์นั้น มันคือเสริมให้คนคิดว่าเสริมข้อมูลที่มันอาจจะไม่ได้จริงทั้งหมด

เฌอเอม: ถ้าวันนั้นเราตัดสินใจไม่เดินเข้าไปบอกเราก็ไม่รู้ว่าเราจะไปต่อไหวไหม ที่สำคัญก็คือความซื่อสัตย์และจริงใจของเอม คือเอมมีปัญหาและเอมตัดสินใจเข้าไปปรึกษาและพาคนที่เอมคิดว่าจะช่วยแก้ปัญหาให้เองได้ 

เฌอเอม: สมมุติว่าหนูรู้จักกับพี่แล้วหนูถามว่าชุดนี้สวยไหม หรือหนูถามว่าพี่ชอบลิปสติกสีแดงหรือสีนู้ดมากกว่ากัน เล็กน้อยแค่นี้มันก็เป็นคำแนะนำถูกไหมคะ แล้วถ้าเราทำกับเรื่องเล็กน้อยที่เราทำทุกวัน แต่เราไม่ได้มีพันธะต่อกัน เราจะถือว่าผิดกฎของกองไหมคะถ้าเรารู้จักคนๆ นั้นมาก่อนโดยไม่ได้มีสถานะในกองมาก่อน

คิดว่าโดนเตะตัดขาเพราะเราเป็นตัวเก็งในกองหรือเปล่า ?
เฌอเอม: อันนี้เอมไม่ทราบนะคะเพราะถ้าเราบอกว่าเราโดนเตะตัดขา ว่าเรากังขากับวิจารณญาณและการให้คะแนนของคณะกรรมการซึ่งเอมมีความเคารพให้เวทีนี้เป็นอย่างมาก เป็นที่ๆ ทำให้เอ็มได้พูดในสิ่งที่อยากพูด ทำให้เฌอเอมมีตัวตนในฐานะคนๆ หนึ่งด้วยความคิดทัศนคติจริง ๆ ไม่ใช่ด้วยรูปลักษณ์ เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ได้มงกุฎ เพื่อนคนไหนก็ตามเอมยินดีด้วยจริง ๆ แล้วเอมก็รู้สึกมาตลอดว่าทุกคนก็สมมงกุฎ หลายคนที่เอมเชียร์ หลายคนที่เขามีอาชีพอื่นและสิ่งที่อยากทำ เอมบอกว่าทุกคนที่มาตรงนี้เพราะเขามีอนาคต

ปีหน้าจะมาสมัครประกวดใหม่ไหม ?
เฌอเอม: ปีหน้าเอมก็ยังไม่แน่ใจนะคะเพราะบอกตรงๆ ว่าเจอเหตุการณ์นี้แล้วเรายังไม่รู้จะไปต่อยังไงค่ะ เพราะที่ผ่านมาหนูไม่เคยคิดจะเป็นซัมวัน หนูแค่คิดว่าหนูมาทำให้ดีและดีที่สุด แล้วคืนนั้นชีวิเอมเปลี่ยนในคลิปออดิชั่นมันเป็นสิ่งที่มาเร็วแล้วไม่ทันตั้งตัว ทำให้ไม่รู้ว่าไดเร็คชั่นเราจะไปทางไหน กับการประกวดสุดท้ายแล้วเอมคิดว่าเอมขอจบที่ปีนี้ในเวทีนี้ ในปีที่เอ็มเป็นตัวของตัวเองจริงๆ เอมไม่รู้ว่าปีหน้าเอมจะแบกความคาดหวังหรือความรู้สึกที่เราจะอยากแข่งขัน หรือเราจะแก้ไข แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่เราทำและเอมอยากให้เป็นปีเดียวนะ ปีนี้เราใส่ไปหมดแล้วจริง ๆ ทั้งความรู้ความสามารถ ภูมิปัญญาทั้งหมดในชีวิตของเอม

จากโพสต์ที่ คุณอั้ม (PR​ and​ Sponsorship Manager​ ของกองประกวด) พูดว่า รู้หน้าไม่รู้ใจ หน้าอย่างลับหลังอย่าง ? 
เฌอเอม: เอมอยากให้ถามเพื่อนๆ ของเอมค่ะ เพราะสิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่ไม่มีพยานเชื่อว่าอย่างน้อยเราทำดีกับใครเขาจำมิตรภาพนั้นได้ อาจจะมีบ้างที่เอมดูเหนื่อยดูระโหยอาจจะมีบ้างที่เราหลับไปกลางคันเราเชื่องช้าแต่ไม่ได้กระทำด้วยความตั้งใจหรือจงใจเอมทำจนกว่าเอมจะไม่ไหว แล้วนี่ก็คือความจริง ถ้าหากเราเคยทำอะไรซักอย่างให้คนในกองไม่ว่าใครก็ตามขุ่นข้องหมองใจด้วยความจำเป็นหรือไม่จำเป็นเอมต้องขอโทษทุกคนจากใจมา ณ ที่ตรงนี้ด้วยค่ะ (ไหว้) แต่เอมเชื่อว่าเพื่อนๆ ทุกคนเอมคงจะตอบได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเราดีกับเขาจริง ๆ ไหม

3 ครั้งที่เข้าประชุมกอง ทราบกลยุทธิ์อะไรไหม ?
เคน ผู้จัดการผีผลัก : 3 ครั้ง ที่เข้าประชุมเป็นการประชุมอะไร ตอบเป็นการประชุมวางแผนงานการขาย ว่าลูกค้าแต่ละคนมีความต้องการอะไร สามารถขายอะไรได้บ้างแค่นั้น และประชุมโควิด ไม่มีเคยเข้าประชุมเรื่องการให้คะแนนหรือกลยุทธ์อะไรต่าง ๆ ผมเป็น AE ครับ เป็นเซลล์ครับ เป็นเซลล์ขายสปอนเซอร์ชิปครับ เรารู้แต่ในเรื่องที่เราจะต้องอัปเดตว่าวันนี้ฉันขายอะไรได้บ้างแล้ว ขายอะไรไปบ้าง สิ่งที่รายงานมีแค่นี้ สิ่งที่ประชุมมีแค่นี้ ไม่รู้กลยุทธ์ใดใดทั้งสิ้นแม้กระทั่งการเตรียมแผนงานก่อนที่จะแถลงข่าวของกองเราก็ไม่ได้ประชุมด้วย อย่างว่าแถลงข่าวเราก็ไม่ได้อยู่ในกอง หลังจากนั้นเราได้รับการติดต่อจากวันแถลงข่าวไปแล้วเกือบอาทิตย์ว่าเราอยากได้ product ที่ดูแลผมนางงามหาให้เราหน่อยเราก็เลยโอเคขอเวลา 10 นาทีเดี๋ยวเราจะหาให้หลังจากนั้นเราถึงได้หาและเป็นการเข้ากอง

มีดราม่าว่า "เฌอเอม" ใส่ชุดสีแดง เพราะรู้กลยุทธ์อยู่แล้วก็เลยเลือกสีชุดที่เด่นกว่าเพื่อน ?
เฌอเอม: เอมคงไม่เอาคะแนนมาเสี่ยงเพื่อแลกกับความเด่นนะคะ โดยเฉพาะถ้าเรารู้ว่าทางกองเขาจะใส่สีอ่อนกัน ซึ่งถามว่ามันผิดธีมไหมมันก็ไม่ได้ผิด

กลัวไหมว่าเขาจะเอาหลักฐานมาว่าเราเข้าประชุมกลยุทธ์ของกอง ?
เคน ผู้จัดการผีผลัก : ไม่กลัวครับเพราะว่าเราเข้าประชุมของกองไม่ถึงห้าครั้งแน่นอน ในส่วน LINE กรุ๊ปที่เราอยู่ เราอยู่แค่ในกรุ๊ป LINE ของลูกค้าสปอนเซอร์ที่เราขายแค่นั้น เราแค่คุยงานกันว่าวันนี้จะมีอะไร อยากได้ช่างเท่าไหร่ มีอะไรให้ช่างเราบ้าง LINE กรุ๊ปใหญ่เราไม่ได้อยู่ในกรุ๊ปนั้นเลย

การแถลงข่าวครั้งนี้ จะเป็นการกดดันกองประกวดเพื่อให้ตัวเองได้กลับเข้าไปแข่งขันไหม ?
เฌอเอม: เอมคิดว่ามันไม่ใช่การกดดันนะคะ เมื่อมันมีสเตทเม้นท์อะไรก็ตามที่เกี่ยวเนื่องกับเราหรือทำให้คนเข้าใจผิดเรา มันเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลของเราที่จะออกมาชี้แจงเราก็ต้องมีสิทธิ์ในการปกป้องตัวเองนะคะ และที่สำคัญก็คือการที่ใครจะมาตัดสินเราได้เขาควรจะได้รับฟังความทั้งสองข้าง ซึ่งก็มีคนที่รักและสนับสนุนเอมที่รอฟังเอมอยู่เสมอหากว่าเอมไม่ออกมาในวันนี้เอมคงทำให้พวกเขาผิดหวังมากเพราะฉะนั้น มากกว่าการกลับไปแข่งมันคือ การเคลียร์ตัวเองค่ะ ทำตัวเองให้โปร่งใสและเข้าใจตรงกันว่าความจริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น

ประโยคที่ว่าเราพูดกับ คุณอั้ม ว่า "หนูก็นึกว่าพี่อั้มรู้เรื่องแล้ว" ?
เฌอเอม: หนูไม่เคยเจอพี่อั้มหลังจากนั้นเลยค่ะ ก็ต้องถามคนโพสต์ไหมคะ หนูไม่ได้พูดค่ะ วันสุดท้ายที่เอมเจอเขาก็วันกลับจากหัวหิน (แล้วที่บอกว่าหัวเราะก่อนพูดประโยคนี้ฦ) ก็เหมือนกันค่ะ ไม่ได้เจอมันก็ไม่ได้หัวเราะได้เหมือนกัน

การตอบคำถามสื่อหรือทัศนคติของเราเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ใหญ่บางคนไม่ชอบ แล้วทำให้เราต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้หรือเปล่า ?

เฌอเอม: ต้องยอมรับนะคะว่าการถูกใจชอบใคร สนับสนุนใคร มันเป็นสิทธิส่วนบุคคลแล้วแต่ใจคนอื่นจะคิด ซึ่งหลายคนก็ไม่ได้แยกออกจากหน้าที่การงาน หลายคนก็แยกออกจากกันได้ เอมมองว่าการเป็นนางงามหรืออาชีพต่าง ๆ มันมีบริบทหลายอย่างมีเงื่อนไขหลายอย่างที่ทับซ้อนกัน ซึ่งมันคงไม่ได้เหมือนกันไปซะทุกอย่าง ซึ่งเอมคิดว่าตามการตีความของทุกคนบางคนก็อาจจะคิดว่าเอมไม่ได้เหมาะกับที่ตรงนี้ เอมไม่อยากจะคิดว่าเอมไม่ได้รับการสนับสนุน หรือว่าเอมถูกกันแกล้ง เพราะเอมเชื่อว่ากองมีความชอบธรรม แล้วที่สำคัญคือ เอมคิดว่าด้วยทัศนคติและอะไรหลายๆ อย่างในเมื่อมันทำให้เรามาอยู่จุดนี้ได้มันก็คงไม่ใช่สิ่งที่เราต้องปิดบัง ที่สำคัญไม่ใช่สิ่งที่เราต้องละอายที่จะพูด เพราะทุกเรื่องที่เอมพูดออกมาเอมคิดแบบนั้นจริงๆ และที่สำคัญเอมเห็นว่าความกล้าที่จะพูดในสังคมเป็นเรื่องที่ต้องมีคนเริ่ม ทุกครั้งที่คุณจะทลายกำแพง มันต้องมีครั้งแรกเสมอ แม้คุณจะต้องทุบด้วยกำปั้นเปล่า คุณก็ต้องทำไม่งั้นมันก็คงไม่ทลายลงมา เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าสิ่งที่เอมพูดบีบคั้นให้เอ็มอยู่ในสถานการณ์การที่ไม่น่าพึงพอใจ เอมก็ต้องขอบอกว่าเอมไม่เสียดายและเอมก็ไม่เคยเสียใจค่ะ

s__68206857

ทางกองประกวดเหมือนปล่อยลอยแพเราไปแล้ว ?

เฌอเอม: เอมไม่ได้อยู่ใน LINE ของผู้เข้าประกวดแล้วนะคะ ไม่ว่าจะกรุ๊ปใหญ่หรือกรุ๊ปย่อยก็ตาม ซึ่งถ้าสมมุติเขาให้โอกาสเอมได้กลับไปเอมก็พร้อมจะทำเต็มที่แต่ถ้าเขาเลือกที่จะยุติการประกวด เอมก็พร้อมที่จะน้อมรับ ถ้ามีแถลงการณ์จากกองอย่างเป็นทางการแล้วแปลว่ามันได้รับการเห็นชอบจากคนหลายคน ที่สำคัญคือเป็นการกระทำด้วยความคิดถี่ถ้วนแล้ว ถึงตอนนั้นเอมก็ไม่มีอะไรจะแย้งค่ะ

สุดท้ายแล้วจะเคลียร์ยังไงจากเหตุการณ์ที่ดูเหมือนเกิดความขัดแย้งกันแล้ว ?

เฌอเอม: เอมคิดว่าต้องพูดคุยกันนะคะ ถ้ามันมีเรื่องที่ให้อภัยกันได้เอมก็คิดว่าแม่เอมเป็นเด็ก แต่เอมก็เป็นฝ่ายตรงข้ามของเขา เช่นกันในกรณีนี้เพราะฉะนั้นในกรณีนี้เอมจะขอเป็นฝ่ายที่ไม่ถือสาหาความ ที่สำคัญก็คือขอโทษกองก่อนกับความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น เพราะเอมเชื่อว่าการที่เราชกหน้าคนๆ หนึ่งถ้าเขาชกเรากลับมันก็คือการตีกันไปกันมาที่ไม่สิ้นสุด การที่จะหยุดความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้การคือการที่ต้องมีฝ่ายหนึ่งยอมให้อภัยก่อนเสมอ

ชื่อเสียงที่เสียไปจากเหตุการณ์นี้ ?
เฌอเอม: หนูเริ่มต้นมาจากการที่ไม่มีอะไรเลยวันพรุ่งนี้หรือต่อให้หนูไม่ได้ตำแหน่งวันรุ่งขึ้นหนูคือคนธรรมดา แล้วมันก็คือชีวิตเดิมของหนูตลอดค่ะไม่เกี่ยวกับว่าหนูมีชื่อเสียงหรือไม่มี

แต่ถ้าถามว่ากระทบกับชีวิตส่วนตัวไหม ตอนนี้เอมไม่มีงานอะไรในวงการบันเทิงเพราะว่าเองใช้ชีวิตอยู่ในกองประกวด แต่ในส่วนที่กระทบกับคนในครอบครัวจากคอมเมนต์ที่ด่าทอมันกระทบกระเทือนจิตใจกับคนรอบข้างของเอม ถ้าความผิดมันอยู่ที่เอมแล้วถ้าคุณคิดว่าไม่ถูกต้องหรืออะไรยังไงก็ตาม ก็อยากจะให้ลงกับเอม ในเมื่อเราทำหรือคุณคิดว่าเราทำมัน คือความรับผิดชอบที่เราต้องเทคแต่ไม่ใช่ลงกับคนรอบตัวเอมที่เอ็มรัก เพราะต่อให้เขาเป็นคนที่เอมรัก หรือเขามีความสัมพันธ์กับเราก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรู้ว่าเราทำอะไรอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญคือเคขาไม่ควรมารับผิดชอบในเรื่องนี้

สำหรับเรื่องครอบครัวว่ายังไงกับเรื่องนี้บ้าง เอมไม่ค่อยได้คุยกับที่บ้านค่ะ เพราะว่าที่บ้านจะเครียดมากต้องบอกว่าเอมเป็นลูกหลงแล้วตลอดมาที่เราทำงานพ่อแม่เราไม่ได้ช่วยดูแลเราตรงนี้เพราะเขาไม่ได้เข้าใจในวงการบันเทิง เอมเลี้ยงตัวมาตลอดและดูแลตัวเองในเรื่องงานตลอด แม้แต่วันนี้ก็ตามเพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้เอมขอความเมตตาให้ตัวเองและให้คนรอบตัวเอมที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการประกวดคืออะไรหรือว่าเกิดอะไรขึ้นในกอง

มีอะไรอยากบอกกับแฟนๆ ที่เค้าเชียร์เรามาตลอด  ?
เฌอเอม: ขอบคุณที่อยู่กับหนูมาตลอด และก็อยากให้จดจำเอมในฐานะคนธรรมดาที่เคยมีโอกาสได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคน มันไม่ใช่ว่าเราจะไม่พิจารณาถึงสิ่งที่มันผ่านไปแล้วแต่ถ้าเอมยังเดินหน้าทำอะไรต่อไปสักอย่างมันไม่ใช่เพราะว่าเอมอยากจะปฏิเสธอดีต หรือปัจจุบัน แต่เป็นเพราะเราคิดว่าสิ่งที่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้คือการที่เราสรรค์สร้างสิ่งใหม่ๆ เพิ่มในอนาคตแล้วเราทำสิ่งที่ดีกับคนอื่นต่อไปเรื่อยๆ ที่สำคัญคือเราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นเสมอ ไม่ว่าวันนี้เราเป็นใครหรืออะไรก็ตาม เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ไปแม้จะสิ้นสุดฐานะผู้เข้าประกวดแต่ในฐานะที่เอมได้เป็นพับบลิกสปีกเกอร์ไปแล้ว เอมจะขอรับผิดชอบในส่วนนี้ด้วยการใช้เสียงของเอม ภูมิปัญญาของเอมให้เป็นประโยชน์กับทุกคน แม้ว่าน้ำหนักของโลกทั้งใบจะกดลงมาบนบ่าของเอม แต่เอมก็จะทำต่อไปแม้ว่ามันจะทรมานแล้วก็หายใจไม่ออก เอมอยากจะสู้ ทั้งที่รู้ว่าเอมไม่ได้อะไรเลย เพราะว่าในวันนี้เรื่องที่เกิดขึ้นมันส่งผลกระทบต่อตัวเรามากเหลือเกิน หนูอยากจะสร้างตัวตนใหม่ขึ้นมาที่ทำเพื่อคนอื่นได้แล้วหนูคงไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้อีกแล้ว

อยากจะพูดอะไรกับกองประกวดไหม ?
เฌอเอม: ก็ขอบคุณที่ให้โอกาสเอมได้แถลงข่าวในวันนี้ค่ะ เพราะว่าถ้าไม่มีคำตอบจากกองก็คงไม่กล้าที่จะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเนื่องจากว่าเอมไม่มีคู่สัญญาของเอ็มโอยูที่เราได้เซ็นอยู่กับตัวเพราะฉะนั้นเมื่อได้รับการยืนยันจากกอง ถือว่ากองได้ให้โอกาสและได้ให้ความเป็นธรรมกับเอมแล้ว ทีนี่ไม่ได้มีเฉพาะคนในกอง ที่นี่มีสื่อมากมาย ที่สำคัญคือมีคนทั้งประเทศดูเอมอยู่ เพราะฉะนั้นหากเกิดอะไรขึ้นหลังจากวันนี้ มันคือการตัดสินของคนหมู่มากและที่สำคัญมันจะเป็นการตัดสินของกาลเวลาและการเปลี่ยนแปลงของสังคมในอนาคตด้วยค่ะ

สำหรับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนสถานที่จัดงานแถลงข่าวหลายครั้ง "ทนายนิด้า" บอกว่าถ้าพูดไปมันจะกระทบต่อหลายฝ่ายเพราะเป็นเหตุการณ์ที่เซนซิทีฟ แต่ขอยืนยันว่าไม่ได้เกิดขึ้นมาจากทางฝั่งของเราที่อยากเปลี่ยน

s__68206849

s__68206854

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส