เมื่อวันที่ 1 ต.ค.63 พ.ต.อ.พิษณุ พ่วงพร้อม ผกก.สส.ภ.จว.กระบี่ นายณรงค์ หนูคง ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดกระบี่ พร้อมกำลังชุดสืบสวนกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.กระบี่ ชุดสืบสวน สภ.ปลายพระยา รวมกว่า 50 นาย นำกำลังเข้าไปในพื้นที่หมู่ 4 บ้านทะเลหอย ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ไม่ห่างจากบ้านของนักโทษชายมลฑล ขันสมาน อายุ 47 ปี หลังจากมีสายแจ้งว่ามีบุคคลต้องสงสัยอยู่ในจุดดังกล่าวบริเวณขนำในสวนปาล์มน้ำมันทางเข้าวัดทะเลหอยและเป็นพื้นที่ป่าติดภูเขา
โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้ากดดันและยิงปืนขู่ ก่อนเข้าปฏิบัติการปิดล้อม จนมีชายวิ่งหนี 2 คน เจ้าหน้าที่ได้จับกุม ตรวจค้นไม่พบยาเสพติด และไม่ใช่นายมลฑล จากนั้นเจ้าหน้าที่อีกชุดได้เข้าปิดล้อมบ้านหลังหนึ่งทางเข้าวัด เพราะเกรงว่าจะมีอาวุธ จึงได้ปิดกั้นประชาชนห้ามเดินทางผ่านเส้นทางดังกล่าว เนื่องจากบ้านอยู่ติดถนนในหมู่บ้าน
หลังจากปิดล้อมอยู่นานประมาณ 10 นาที เจ้าหน้าที่จู่โจมเข้าไปด้านใน และพบกับชายคนหนึ่ง อายุ 25 ปี ทราบชื่อต่อมา นายวีระยุทธ คำแก้ว มีหมายจับศาลจังหวัดกระบี่ ในข้อหาลักทรัพย์ จึงคุมตัวไว้ โดยนายวีระยุทธ ระบุว่า ไม่รู้จักกับนายมลฑล นักโทษที่หลบหนีแต่อย่างใด จึงคุมตัวไว้แล้วนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปลายพระยา ดำเนินคดี
เจ้าหน้าที่นำกำลังกลับมายัง สภ.ปลายพระยา เพื่อวางแผนใหม่ ส่วนนายอานนท์ หนึ่งในนักโทษแหกคุก ขณะนี้กำลังออกติดตามตัวอยู่เช่นกัน โดยเชื่อว่าได้ออกจากพื้นที่ จ.กระบี่ ไปยังพื้นที่จังหวัดข้างเคียง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่อีกหลายชุดกำลังติดตามอยู่
ส่วนกรณีนักโทษชาย 2 คน คือ นาย อานนท์ เด็นหมาด อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 ต.กันตังใต้ อ.กันตัง จ.ตรัง และนายมณฑล ขันสมาน อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 381 หมู่ 4 ต.เขาเขน อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ โดยทั้ง 2 รายเป็นนักโทษคดีค้ายาเสพติด ได้หลบหนีออกจากเรือนจำจังหวัดกระบี่ เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. เป็นช่วงกลางดึกของในวันที่ 30 ก.ย.63 ซึ่งทางเรือนจำและเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งออกติดตามตัวนักโทษทั้ง 2 คนที่คาดว่าจะหลบหนีไปยังเส้นทางต่าง ๆ
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ บริเวณเรือนจำจังหวัดกระบี่ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ เพื่อย้อนรอยเส้นทางการหลบหนีของนักโทษชายทั้ง 2 ราย ตามกล้องวงจรปิด
เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุพบว่า กำแพงที่นักโทษชายทั้ง 2 ราย ใช้ปืนหลบหนี เป็นกำแพงความสูง 5 เมตรที่อยู่บริเวณด้านหลังของเรือนจำ โดยแหกเรือนนอนที่มีลูกกรงกั้น ตัดเหล็กออก 1 เส้น แล้วหนีออกจากแดนเรือนนอนไป ลอดรั้วลวดหนามบริเวณท่อน้ำที่โรงครัว ภายในตัวอาคารเรือนจำแล้วนั้น
นักโทษชายทั้ง 2 ได้ใช้ผ้าห่มมัดต่อกันจำนวน 3 ผืน ปีนกำแพงเรือนจำที่มีความสูงประมาณ 5 เมตร ออกทางด้านหลัง จะเห็นว่านักโทษชายทั้ง 2 ปีนกำแพงลงมาทีละคนพบว่า คนที่ 1 ใส่กางเกงขาสั้น ไม่ใส่เสื้อ คนที 2 ใส่เพียงกางเกงในตัวเดียว และเดินเลาะกำแพงภายนอกข้างเรือนจำไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางฐานิดา ชัยชนะ หรือ เจี๊ยบ อายุ 48 ปี ภรรยาเจ้าหน้าที่เรือนจำ ซึ่งมีบ้านติดกำแพงเรือนจำ เปิเผยว่า ช่วงเวลา 00.00 - 03.00 น. ตนนอนอยู่ในบ้านพักเจ้าหน้าที่ที่อยู่ติดข้างกำแพงเรือนจำ ได้ยินเสียงหมาที่ตนเลี้ยงไว้ข้างบ้าน ร้องเห่าเสียงดังผิดสังเกต เหมือนพบเห็นอะไร ทั้ง ๆ ที่ปกติไม่เคยเห่า แต่ด้วยเวลานั้นดึกแล้ว ตนก็อยู่กับลูกเล็กเพียง 2 คน เนื่องจากแฟนเข้าเวร จึงไม่กล้าออกไปดู เกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงขมตานอนหลับต่อถึงเช้า
กระทั่งทราบข่าวในตอนเช้า จากเพื่อนเจ้าหน้าที่ในเรือนจำว่า "คืนเกิดเหตุมีนักโทษชาย 2 คน แหกคุก" โดยใช้ผ้าห่มมัดต่อกันจำนวน 3 ผืน ปีนกำแพงเรือนจำที่มีความสูงประมาณ 5 เมตร หลังเกิดเหตุ ตนก็รู้สึกหวาดกลัว หากคืนที่นักโทษชายทั้ง 2 ปีนข้ามกำแพงออกมา และแวะเข้ามาในบ้านของตน ก็อาจจะได้รับอันตราย
อย่างไรก็ตาม ตนจึงอยากวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งติดตามตัวนักโทษชายทั้ง 2 คนที่หลบหนีนำตัวกลับมาไว้ในเรือนจำให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากเกรงว่าออกไปอาจมีผู้อื่นได้รับอันตราย
ทีมข่าวได้พบกับนายสิงหา เสือชาวนา อายุ 44 ปี พ่อค้าลูกชิ้นทอด หน้าสำนักงานเขตฯ เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุ หลังจากนักโทษชายทั้ง 2 ราย ได้เดินเลาะกำแพงเรือนจำ เดินมาปีนข้ามกำแพงที่ติดกับสำนักงานเขต ที่สูงประมาณ 2 เมตร ก็ได้เดินมาข้างถนนอุตรกิจ ที่หน้าสำนักงานเขตฯ แล้ววิ่งข้ามถนนไปยังอีกฝั่ง ซึ่งมีรั้วสังกะสีของบ้านพักศาลที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และวิ่งไปตาม ถนนเส้นทางที่มุ่งหน้ามายังศาล และ สภ.เมืองกระบี่ หายไป
ทั้งนี้ตนยอมรับว่า ตนรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะผู้ที่หลบหนีออกมา เป็นนักโทษคดียาเสพติด จึงทำให้ชาวบ้านค่อนข้างกลัว หวั่นได้รับอันตราย
พ.ต.อ.ณรงค์ ลักษณะวิมล ผกก.สภ.เมืองกระบี่ ระบุว่า ภายหลังเกิดเหตุก็ได้จัดชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยร่วมกับตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.กระบี่ นำทีมโดย พ.ต.อ.พิษณุ พ่วงพร้อม ผกก.สืบสวนและชุดสืบสวน สภ.เมืองกระบี่ และเจ้าหน้าที่จากกรมราชทัณฑ์ ออกติดตามนักโทษทั้ง 2 คน โดยพบเบาะแสว่านายมลฑน ซึ่งบ้านอยู่ที่ อ.ปลายพระยา ได้เดินทางกลับไปบ้าน และพบกับน้องสาว ได้ขอยืมเงินและใช้โทรศัพท์เมื่อช่วงเช้ามืด ก่อนที่จะหลบหนีออกจากพื้นที่
จึงเชื่อว่าได้ไปพร้อมกันกับนักโทษอีกคน คือ นายอานนท์ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งล่าตัวอยู่ เพราะคาดว่านักโทษทั้ง 2 ได้มีการวางแผนมาเป็นอย่างดี ส่วนจะมีผู้ร่วมขบวนการให้หลบหนีหรือไม่กำลังสืบสวนอยู่ อีกทั้งชุดสืบสวน ภ.จว.กระบี่ ที่กำลังออกไล่ล่าตัวนักโทษทั้ง 2 คน ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจประกบญาติทุกคนที่มาเยี่ยมนักโทษในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา ทั้งในจังหวัดกระบี่และจังหวัดข้างเคียง เนื่องจากพบว่าผู้ต้องหา มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหลายคดี มีเครือข่ายยาเสพติดอยู่ด้วย แต่คาดว่าน่าจะได้ตัวในเร็ว ๆ นี้
หลังจากนั้นทีมข่าวเดินทางไปยัง บ้านของนายมณฑล 1 ใน 2 นักโทษแหกคุกเรือนจำกระบี่ บริเวณหมู่ 4 ต.เขาเขน อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ ได้พูดคุยกับ นางยินดี วรรณเพชร อายุ 68 ปี แม่ของนายมณฑล เปิดเผยว่า ปกติแล้วลูกชายของตนเป็นคนดี แต่ที่ต้องมายุ่งเกี่ยวยาเสพติด เพราะทางครอบครัวฐานะลำบาก ลูกชายจึงมีความจำเป็นต้องหาเงิน
หลังทราบเรื่องว่า ลูกชายหนีออกมาจากเรือนจำ ก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากที่ลูกชายทำแบบนั้น อีกทั้งเกรงว่าอาจถูกเจ้าหน้าที่ทำอะไรรุนแรง ถึงขั้นวิสามัญ แต่ตอนนี้ตนยืนยันได้ว่า ลูกชายยังไม่ย้อนกลับมาที่บ้าน และทางครอบครัวก็ยังไม่มีใครที่สามารถติดต่อลูกชายได้ จึงไม่รู้ว่าลูกชายหลบหนีไปอยู่ที่ไหน
ทั้งนี้ตนยืนยันว่า หากลูกชายกลับมา ตนจะขอให้ลูกชายมอบตัว และแจ้งข้อมูลให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแน่นอน เพราะคิดว่าหากลูกชายติดคุก ก็ยังมีวันได้ออกมา ทั้งนี้หากเป็นไปได้ตนอยากบอกลูกว่า "กลับมามอบตัวเถอะลูก อย่าหนีเลย" ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ลูกชายกลับมาบ้านเพื่อมาเอาโทรศัพท์ กับขอเงินน้องสาว ยืนยันว่าเป็นข่าวมั่ว เพราะลูกชายไม่ได้กลับมาที่บ้าน อย่านำข่าวไปลงข้อมูลผิด ๆ
ขณะเดียวกันวันนี้ทางเรือนจำจังหวัดกระบี่ ก็ได้มีการประสานไปยังเรือนจำในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง นำกำลังหลายสิบนายมายัง จ.กระบี่ เพื่อเร่งออกไล่ล่าร่วมกับทางตำรวจในพื้นที่จังหวัดกระบี่เช่นกัน
จากการตรวจสอบทราบว่านายอานนท์ ถูกจับกุมล่าสุดในคดีค้ายาเสพติดเมื่อวันที่ 14 พ.ค.63 ท้องที่ สภ.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ โดยประวัติพบเคยถูกจับในคดียาเสพติดมาแล้วหลายครั้ง ในพื้นที่ จ.ตรัง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนที่นักโทษทั้ง 2 ราย จะปีนกำแพงหลบหนีออกจากเรือนจำกระบี่ เมื่อช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา นช.อานนท์ เคยวางแผนดื่มน้ำผสมกับผงซักฟอก เพื่อให้ตัวเองเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.กระบี่ คาดว่าเพื่อวางแผนหลบหนี
แต่เนื่องจากถูกพันธนาการอย่างแน่นหนา ขณะนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ทำให้หลบหนีไม่ได้ ก่อนจะมาวางแผนหลบหนีออกจากเรือนจำอีกครั้งหลังถูกส่งตัวกลับมาคุมขังที่เรือนจำ และชักชวน นช.มณฑล ให้หลบหนีออกมาด้วยกัน ซึ่งตำรวจจะเชิญเจ้าหน้าที่ของเรือนจำ ไปสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง