จากกรณีคดีหวย 30 ล้าน ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจอย่างมากอยู่ในขณะนี้ โดยเมื่อวานนี้ (21 ก.พ.) ได้มีคำสั่งย้าย พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตํารวจจังหวัดกาญจนบุรี ไปช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน และล่าสุดมีเอกสารลับออกมาเผยแพร่ ระบุว่า มีการแก้ไขคำให้การของพยานฝ่าย ครูปรีชา ใคร่ครวญ หลายครั้ง
เมื่อเวลา 12.00 น. ที่โรงเรียนเทพมงคลรังษี นายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษฯ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนกรณี คำสั่งย้าย พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ให้ไปช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากการสอบสวนพบว่า มีการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานในคดีหวย 30 ล้าน
โดยครูปรีชา กล่าวว่า ตนไม่รู้จักกับ พล.ต.ต.สุทธิ และไม่ได้มีความสัมพันธ์เป็นการส่วนตัว ซึ่งหากคำสั่งย้ายดังกล่าวเกี่ยวข้องกับคดีความของตนก็ต้องขอโทษด้วย
ที่ผ่านมาตนเคยเข้าไปพบ พล.ต.ต.สุทธิ ที่ห้องทำงาน 2 ครั้ง โดยพนักงานสอบสวนเป็นคนนำตนเข้าไปพบ ซึ่งมีตำรวจนายอื่นอยู่ในห้องด้วย โดยครั้งแรกคือ เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ครั้งที่ 2 คือ วันที่ 1 ธ.ค. ซึ่งการเข้าไปพบก็เพื่อเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง ส่วนเรื่องการแก้ไขสำนวนนั้น ตนไม่ทราบเรื่อง เพราะให้ข้อมูลตามความเป็นจริงทุกอย่าง และตั้งแต่เกิดเรื่อง ไม่เคยโทรศัพท์คุยกับ พล.ต.ต.สุทธิ เป็นการส่วนตัว
ครูปรีชา เชื่อว่าการย้าย พล.ต.ต.สุทธิ ครั้งนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับรูปคดี ส่วนเจ้าหน้าที่ศาล ที่ชื่อ "นางกุ้ง" ซึ่งมีชื่ออยู่ในเอกสารลับว่าเป็นพยานเห็นลอตเตอรี่จากกระเป๋าเสื้อของตนนั้น ตนไม่ทราบ และไม่รู้จัก เพราะพยานของตนมีแค่แม่ค้า 3 คน คือ นางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น , น.ส.พัชริดา พรมตา หรือ "เจ๊พัช" และ นางปณัญชยา สุขพูล หรือ "เจ๊เกียว" ซึ่งจุดที่ตนซื้อลอตเตอรี่ก็มีคนขอแบ่งหวยหลายคน เช่นเดียวกับอาจารย์แดง ที่ตนก็ไม่รู้จักเช่นกัน
ส่วนที่มีการระบุว่า น้ำหนักของคดีไปทางฝั่งลุงจรูญนั้น ตนคิดว่าเป็นการตั้งสมมติฐานของนักข่าวมากกว่า เพราะตำรวจบอกให้รอแถลงในวันที่ 28 ก.พ.นี้ และหากในวันที่ 28 ก.พ. ผลสรุปออกมาว่าลอตเตอรี่เป็นของลุงจรูญ ตนก็คิดว่าอีกฝ่ายคงมีหลักฐานที่ทำให้ตำรวจสรุปแบบนั้น โดยเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขอต่อสู้ในชั้นศาลต่อไป
หากมีหมายจับออกมาตนก็ไม่ได้รู้สึกกังวลแต่อย่างใด ยืนยันว่า ตนเป็นครูไม่มีการโกหก และเชื่อมั่นในความถูกต้อง ส่วนที่หน้าบ้านเจ๊บ้าบิ่น ติดป้ายห้ามสุนัขเข้า ก็ขอให้นักข่าวใช้ดุลพินิจกันเอง และยืนยันว่าบ้านตนเปิดรับนักข่าวเต็มที่
จากนั้นทีมข่าวได้สอบถามเกี่ยวกับการนำหลักฐานไปแจ้งต่อกองสลากของครูปรีชา ซึ่งต้องเดินทางไปถึง 2 ครั้ง ครูปรีชา กล่าวว่า ในครั้งแรกตนแค่ลงบันทึกประจำวันเอาไว้ และนำใบลงบันทึกประจำวันพร้อมกับพยาน คือ "เจ๊บ้าบิ่น" และ "เจ๊พัช" เดินทางไปที่กองสลาก เพื่อขอทราบชื่อคนที่นำสลากมาขึ้นเงิน ซึ่งทางกองสลากแจ้งว่าต้องใช้ใบแจ้งความ ตนจึงต้องกลับมาแจ้งความใหม่ และใช้เวลากว่า 20 วัน จึงทราบชื่อว่าเป็นลุงจรูญ
พร้อมยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำตนอย่างละเอียดตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงหรือกลับคำให้การ แต่เมื่อตนมีหลักฐานเพิ่มเติมก็ได้นำไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยไม่ทราบเรื่องการลงสำนวนของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ส่วนคนที่ชื่อ "นางกุ้ง" ก็ยังยืนยันว่า ตนไม่รู้จัก แต่ไม่ขอพูดถึงรายละเอียดลึกๆ ในคดี
ด้าน น.ส.ปณัญชยา หรือ "เจ๊เกียว" ผู้ค้าลอตเตอรี่ ซึ่งกล่าวอ้างว่าเห็นการซื้อขายลอตเตอรี่ ระหว่าง เจ๊บ้าบิ่น กับ ครูปรีชา กล่าวว่า การย้าย พล.ต.ต.สุทธิ ไม่น่าจะมีผลกับคดี เพราะเข้าใจว่าคดีใหญ่ๆ ตำรวจที่เกี่ยวข้องมักจะถูกย้ายไปช่วยราชการเป็นเรื่องธรรมดา
ส่วนที่ พล.ต.ต.สุทธิ เรียกครูปรีชา และ ลุงจรูญ เข้าไปพูดคุยนั้น ตนคิดว่าเป็นปกติที่เวลาลูกบ้านมีปัญหาผู้ใหญ่ก็ต้องเรียกไปสอบถาม โดยเรื่องการแก้คำให้การในสำนวนนั้นตนไม่ทราบ เพราะตนให้การเหมือนเดิมทุกครั้ง ส่วนเจ้าหน้าที่ศาลที่ชื่อ "นางกุ้ง" นั้น เป็นลูกค้าประจำของตน และในวันเกิดเหตุ "นางกุ้ง" มารับหวยที่สั่งไว้กับตนซึ่งเป็นเวลาไล่เลี่ยกันกับที่ครูปรีชา มารับหวยจากเจ๊บ้าบิ่น
"เจ๊เกียว" กล่าวว่า ตนไม่มั่นใจว่าขณะนั้นหวยวางอยู่บนแผงลอตเตอรี่ ซึ่งเจ๊บ้าบิ่น วางไว้หลังครูปรีชา เดินไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม หรืออยู่ในกระเป๋าเสื้อครูปรีชา โดย "นางกุ้ง" พยายามขอแบ่งเลข 726 แต่ครูปรีชาไม่แบ่งขายให้ ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีคนขอแบ่งหวยจากครูปรีชา ถึง 3 คน
เจ๊เกียว กล่าวต่อว่า ตนได้พูดถึง "นางกุ้ง" ในการให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้วตั้งแต่ในครั้งแรก รวมถึงพยาน รายอื่นๆ ที่ยืนอยู่หน้าแผงในช่วงเวลาเกิดเหตุ แต่ไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่จะนำใครมาเป็นพยานบ้าง เท่าที่เห็นก็มีข้าราชการที่ยืนอยู่ในบริเวณดังกล่าวถึง 4 คน ส่วนที่บ้านเจ๊บ้าบิ่น ติดป้ายห้ามสุนัขเข้านั้น ตนไม่ทราบ เป็นไปได้ว่า เจ๊บ้าบิ่น อาจจะต้องการความเป็นส่วนตัวก็เป็นได้
ทีมข่าวเดินทางไปยังกองบัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พบว่า พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ไม่อยู่ที่ห้องทำงาน สอบถามจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่า เจ้าตัวไปอบรมที่ต่างจังหวัดตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา โดยทีมข่าวพยายามโทรศัพท์ไปติดต่อ แต่ พล.ต.ต.สุทธิ ไม่รับโทรศัพท์แต่อย่างใด
ส่วน พ.ต.อ.พิพัฒน์ รุ่งสัมพันธ์ ผู้กำกับกลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีชื่ออยู่ในเอกสารดังกล่าว โดยถูกระบุว่า เป็นคนนำเรื่องซองลอตเตอรี่หายมาแจ้งต่อผู้การฯ ซึ่งในวันนี้เจ้าตัวก็ไม่อยู่ที่ทำงานเช่นเดียวกัน สอบถามเจ้าหน้าที่ทราบว่า พ.ต.อ.พิพัฒน์ ไปสัมนาที่ต่างจังหวัด
ทีมข่าวจึงเดินทางมายัง สภ.เมืองกาญจนบุรี ก็พบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นาย ที่เป็นพยานในคดี ก็ยังไม่ได้กลับมาปฎิบัติหน้าที่แต่อย่างใด โดยทีมข่าวพยายามโทรศัพท์ติดต่อ พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค หัวหน้างานสอบสวน และ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ชัชรินทรกุล พนักงานสอบสวนในคดี ซึ่งก็ไม่สามารถติดต่อได้
ทีมข่าวจึงสำรวจจุดที่คาดว่าซองลอตเตอรี่หาย นั่นคือโต๊ะทำงานของ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ โดยจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ทราบว่า โต๊ะทำงานดังกล่าวอยู่ในห้องพนักงานสอบสวนชั้น 1 ด้านซ้ายมือ เมื่อผู้สื่อข่าวเดินเข้าจากด้านหน้าโรงพักพบว่ามีกล้องวงจรปิด ติดอยู่ที่ทางเข้าจำนวน 1 ตัว เมื่อผ่านประตูเข้าไป จะพบกล้องด้านในติดไว้ที่มุมซ้ายของประตูอีก 1 ตัว ซึ่งน่าจะบันทึกภาพคนที่เดินทางเข้า - ออก จากสถานีตำรวจได้
โดยโต๊ะทำงาน ของ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ จะต้องเลี้ยวซ้ายเข้าไปผ่านประตูทางเข้าห้องพนักงานสอบสวน ซึ่งจุดนี้มีกล้องอยู่บนประตูทางมุมซ้ายอีก 1 ตัว เมื่อเข้าผ่านประตูไปจะพบห้องพนักงานสอบสวน 2 ห้อง ด้านซ้ายและขวา
โดยโต๊ะทำงานของ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ จะอยู่ด้านซ้าย เป็นประตูกระจกบานเลื่อน ทีมข่าวได้เดินเข้าไปพบว่ามีโต๊ะทำงานจำนวน 4 โต๊ะ
จากการสังเกต พบว่าโต๊ะด้านซ้ายริมประตู มีเสื้อตำรวจ ติดป้ายชื่อ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ แขวนอยู่ด้านหลัง คาดว่าเป็นโต๊ะทำงานของเจ้าตัว โดยมีกองเอกสารวางอยู่บนเครื่องปริ้นเตอร์ รวมถึงสมุดทำงานของเจ้าตัววางอยู่บนโต๊ะ
ด้านหลังมีตู้ลิ้นชักจำนวน 4 ชั้น พร้อมสมุดและเอกสารที่วางซ้อนทับกัน แต่ในห้องดังกล่าวไม่มีกล้องวงจรปิดแต่อย่างใด
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่า กล้องวงจรปิด มีเฉพาะบริเวณทางเข้า-ออก เท่านั้น ปกติห้องพนักงานสอบสวนหากไม่มีคนอยู่ก็จะปิดล็อคเอาไว้ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเรื่องซองลอตเตอรี่ที่หายไป โดยระบุว่าไม่ทราบเรื่อง
หลังจากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อให้การสืบสวนคดีหวย 30 ล้านบาท เป็นไปด้วยความโปร่งใส
ส่วน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า รู้สึกสบายใจขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่ฝ่ายตนเรียกร้องมาโดยตลอด เนื่องจากคำสั่งย้ายดังกล่าวตนมองว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถทำงานได้สะดวก กระบวนการต่างๆ ก็จะรวดเร็วขึ้นด้วย
กรณีที่ ดร.เทอดศักดิ์ ออกมาแสดงความคิดเห็นคดีหวย 30 ล้าน หลังจากที่มีกระแสข่าวว่าตำรวจจะออกหมายจับครูปรีชาและพยาน โดยระบุว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะครูปรีชาเป็นผู้เสียหายในคดี ทนายษิทรา ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวแล้วแต่มุมมองของบุคคล แต่ทั้งนี้ ฝ่าย ร.ต.ท.จรูญ ก็ได้แจ้งความดำเนินคดีกับครูปรีชาไว้แล้วเหมือนกัน ในข้อหาแจ้งความเท็จ และให้การเท็จ ซึ่งคดีนี้เจ้าหน้าที่สามารถออกหมายจับได้เลย
ส่วนเรื่องที่ ดร.เทอดศักด์ ระบุว่า จนถึงขณะนี้เอง ร.ต.ท.จรูญ ยังไม่มีพยานหลักฐานใดที่จะนำไปแสดงต่อศาลหรือพนักงานสอบสวน ที่ยืนยันได้ว่าลอตเตอรี่นั้นเป็นของตน ทนายษิทรา กล่าวว่า ดร.คนนี้ไม่รู้กฎหมาย ตนไม่เคยสนใจคำพูดของเขา เพราะสิ่งที่เขาพูดไม่ได้อยู่บนพื้นฐานหลักการอะไรเลย เพราะจนถึงตอนนี้ยืนยันว่า มั่นใจในพยานหลักฐานที่มีมาตลอด ประกอบกับคดีนี้อยู่ในมือของกองปราบ ก็ยิ่งทำให้มั่นใจมากขึ้น
ทนายษิทรา เปิดเผยด้วยว่า หลังการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ ตนจะของดให้สัมภาษณ์สื่อช่วงระยะหนึ่ง จนถึงวันที่ 28 ก.พ. หลังจากที่ตำรวจแถลงความชัดเจนของคดี เพราะช่วงนี้อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานได้เต็มที่ ไม่ได้เป็นเพราะสาเหตุที่ครูปรีชา มักพูดว่า ฝ่ายตนอาศัยสื่อออกมาให้ข่าวชี้นำ ซึ่งตนเชื่อว่าสื่อให้โอกาสกับทั้งสองฝ่าย แต่ครูปรีชาต้องโทษตัวเอง ที่ออกมาแก้ตัวแต่ไม่มีเหตุผลรองรับ คนก็ไม่เชื่อ