เมื่อวันที่ 4 ก.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยัง ต.กุดเลาะ อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ ที่ไร่อ้อยของนายคำผล นามปัญญา เจ้าของไร่อ้อย ซึ่งเป็นพื้นที่ไร่อ่อยจำนวน 6 ไร่ อยู่ติดกับแนวกำแพงวัดพรมสุทธิสาร ซึ่งวันนี้นับเป็นวันที่ 7 ของปฏิบัติการติดตามและควบคุมหมีควายพากลับคืนสู่ป่า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
กระชับพื้นที่! บินโดรนติดสไนเปอร์จับหมี 3 แม่ลูก เปิด 3 ตำแหน่งล็อกเป้ายิงยาสลบ
โดยเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่เช้ามืด เวลา 05.30 น. เพื่อติดตามและควบคุมหมีควายแม่ลูกอ่อน จำนวน 3 ตัว มีการกระชับพื้นที่ ก่อนใช้กำลังคนยิงยาสลบและควบคุมหมีออกมา ซึ่งภายหลังจากปฏิบัติภารกิจสำเร็จ เจ้าหน้าที่สามารถเข้าควบคุมหมีควายแม่ลูกอ่อน และลูกหมีควายอีก 2 ตัวได้แล้วนั้น จึงนำหมีควายทั้งหมดใส่กรงสัตว์ เคลื่อนย้ายไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ก่อนนำหมีควายปล่อยคืนสู่ป่าทันทีหลังหมดฤทธิ์ยาสลบ
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับนายเก่งกาจ บ้งกาวงศ์ มือยิงยาสลบหมีควาย ซึ่งเป็นนายกสมาคมกู้ภัยเมตตาธรรมกาฬสินธุ์ หนึ่งในผู้ร่วมวางแผนในการปฏิบัติภารกิจควบคุมหมี และเป็นมือยิงยาสลบแม่หมีควาย เปิดเผยว่า การปฏิบัติงานตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ทีมปฏิบัติการโดรนยิงยาสลบ ไม่สามารถยิงยาสลบได้ เนื่องจากทัศนวิสัยปิด ลมแรงมีท้องฟ้ามืด
กระทั่งเวลา 08.00 น. จึงปรับแผนปฏิบัติการใช่ช่วงสาย โดยกำหนดให้ใช้โดรนสำหรับยิงยาสลบผลักดันไล่ต้อนแม่หมี ด้วยการบินโดรนเหนือตัวแม่หมีควายในระยะต่ำ เพื่อให้หมีได้ยินเสียงและมีลมจากใบพัดโดรน เปิดต้นอ้อยออก เมื่อแม่หมีควายเห็นก็จะมีการเคลื่อนตัวหลบหนีไปเรื่อย ๆ กระทั่งไปยังตำแหน่งพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่สามารถยิงยาสลบได้
ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดยิงยาสลบ 1 คน ขึ้นบนรถไถ ก่อนให้คนขับรถไถ ตัดอ้อยเพื่อกระชับพื้นที่ให้แคบลงจาก 1 ไร่ โดยตัดเป็นวงกลมก้นหอย จากวงนอกเข้าไปด้านใน เพื่อผลักดันให้หมีควายเคลื่อนตัวไปยังตำแหน่งยังยาสลบได้
จังหวะนั้น หมีวิ่งขึ้นมาทางทิศเหนือของไร่อ้อย พร้อมลูกหมีควาย 2 ตัว กระทั่งโผง่ออกมาที่แจ้ง ในรัศมียิงยาสลบได้ห่างไปประมาณ 5 เมตร จึงยิงยาสลบเข็มแรกออกไป ไม่ทราบตำแหน่งแน่ชัดว่าถูกช่วงไหนของหมี จากนั้นหมียังคงวิ่งหนีต่อ จึงยิงยาสลบเข็มที่ 2 โดนช่วงขาซ้าย และยิงยาสลบเข็มที่ 3 เข้าไปโดนช่วงแนวไหล่ขวาของหมี ไม่ถูกจุดสำคัญอันตรายใด ๆ
จากนั้นไม่ถึง 10 นาที แม่หมีควายหยุดนอนนิ่ง จึงให้เจ้าหน้าที่เดินเท้าเข้าไปตรวจสอบ พบว่าฤทธิ์นาสลบทำให้แม่หมีนอนนิ่งไป ก่อนสัตวแพทย์เข้าไปปฐมพยาบาลเปิดทางหายใจและตรวจชีพจร ก่อนนำขึ้นเปลกระสอบแล้วยกออกมาที่กรงสัตว์ เมื่อผ่านไป 2 ชั่วโมงหลังยิงยาสลบ ระหว่างนั้นสัตวแพทย์มีการฉีดวิตามินสำหรับสัตว์ ฉีดกลูโคส และยาถ่ายพยาธิทั้งภายในและภายนอกให้แม่หมีควาย เนื่องจากพบว่าตามร่างกายมีเห็บเกาะอยู่ ส่วนลูกหมีสัตว์แพทย์ไม่ฉีดสารใด ๆ ให้
นายเก่งกาจ เปิดเผยถึง การปฏิบัติการเช้าวันนี้ จากที่มีการปรับแผนใหม่ ในเวลา 08.00 น. มีการจำกัดขอบเวลาในการปฏิบัติภารกิจว่าต้องให้แล้วเสร็จภายใน 1 ชั่วโมงครึ่ง นั่นแปลว่าต้องแล้วเสร็จภายใน 09.30 น. กระทั่งลุยทำงานอย่างเต็มความสามารถ ยิงยาสลบควบคุมแม่หมีควายและใช้สวิงควบคุมลูกหมีควายได้ ในเวลา 09.00 น. เป็นอันสำเร็จตามกรอบเวลาที่กำหนด
โดยตลอดระยะเวลา ที่ปฏิบัติภารกิจติดตามควบคุมหมีควายเกือบ 7 วัน ยอมรับว่ารู้สึกท้อบ้าง เสียใจบ้าง เกือบถอนทีมงานเลิกปฏิบัติภารกิจบ้าง แต่สุดท้ายด้วยความร่วมมีและกำลังใจจากทุกฝ่าย ทำให้สามารถดำเนินการปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จลุล่วงด้วยดี รู้สึกดีใจ ประทับใจในความร่วมแรง ร่วมใจของทุกฝ่าย มานอนที่วัด ผลัดเวรยาม 24 ชั่วโมงเฝ้าระวังหมี หลังจากนี้หากมีภารกิจติดตามและควบคุมหมี หรือสัตว์ป่าชนิดอื่น ๆ อีก ตนก็พร้อมที่จะดำเนินการเข้ามาช่วยเหลือสนับสนุนอย่างแน่นอน
สำหรับปฏิบัติการตั้งแต่เช้ามืด เวลา 05.30 น. ติดตามและควบคุมหมีควายแม่ลูกอ่อน จำนวน 3 ตัว คือ แม่หมี ชื่อ น้ำอ้อย อายุประมาณ 5 ปี น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 130 กก. และลูกหมีอีก 2 ตัว ชื่อ น้ำฝน และ น้ำมนต์ อายุ 4 เดือน น้ำหนัก 20-30 กก.
จากนั้นเจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายกรงหมี ไปยังหน่วยพิทักษ์ป่าศาลาพรม เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดปฏิบัติการควบคุมหมีควาย วัดพรมสุทธิสาร บ้านพรม หมู่ที่ 1 ต.กุดเลาะ อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ ประมาณ 80 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งระหว่างการเคลื่อนย้ายโดยใช้รถกระบะขนกรงสัตว์นั้น มีสัตวแพทย์จากสวนอนุรักษ์สัตว์ป่า ของสำนักงาน บริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 (นครราชสีมา) จำนวน 2 คน นั่งประกบคู่กรงแม่หมีควายมาด้วย เพื่อสังเกตอาการและดูความปลอดภัยของแม่หมีควายอย่างใกล้ชิด
นายอัศวิน โรมประเสริฐ ผู้ขับโดรนผลักดันหมีควาย และเป็นนายกสมาคมตอบโต้ภัยพิบัติ เปิดเผยว่า ภายหลังจบภารกิจติดตามและควบคุมหมีควายแล้วนั้น ตนรู้สึกเหนื่อย แต่มีความสุข ยิ่งได้เห็นพลังความสามัคคีของเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร มาร่วมกันทำงาน ปฏิบัติภารกิจ จนเสร็จสิ้นโดยดี รู้สึกดีใจที่สามารถพาหมีควายแม่ลูกอ่อนจำนวน 3 ตัว กลับคืนสู่ป่าได้
สำหรับการนำโดรนบินเพื่อยิงยาสลบเข้ามาใช้ แต่สุดท้ายใช้คนยิงยาสลบแทนนั้น สาเหตุที่ไม่สามารถใช้โดรนยิงยาสลบได้นั้น เนื่องจากไม่สามารถล็อกเป้าได้ชัดเจน เพราะหมีควายค่อนข้างฉลาด ไม่อยู่นิ่ง ทุกครั้งที่โดรนบินต่ำลงมักจะไปหลบตามโคนต้นอ้อยที่หนาทึบ จึงลำบากต่อการเล็งเป้าจากจุดควบคุม เพราะหวั่นเกิดอันตรายกับหมี
นอกจากนี้ นายอัศวิน มองว่า ในพื้นที่ใกล้เขตอุทยานนั้น หากพบว่ามีหมีลงมาพื้นที่ชุมชน ไร่อ้อย ทุ่งนา หรือหมู่บ้านแบบนี้ ควรมีการเตรียมการ โดยจัดหาชุดทีมงานโดรนให้มากยิ่งขึ้น หรือให้อาสาสมัคร เจ้าหน้าที่ในชุมชน ฝึกฝนเรียนรู้การใช้โดรน เพื่อนำมาใช้ปฏิบัติการจริง
ด้านนายปริญญา นามปัญญา ลูกชายเจ้าของไร่อ้อย เปิดเผยว่า ภายหลังจากภารกิจเสร็จสิ้นลง รู้สึกสบายใจ ดีใจที่เจ้าหน้าที่ควบคุมหมีควายได้อย่างรวดเร็ว ไม่ยืดเยื้อมากกว่านี้ เพราะจะสร้างความเครียดให้ทั้งหมีควายและชาวบ้านที่กลัวอันตราย โดยหลังเสร็จสิ้นภารกิจ ยังไม่ได้สำรวจความเสียหายของพื้นที่ไร่อ้อยจริง แต่ได้ดูจากภาพมุมสูงบ้างเท่านั้น
เบื้องต้นจากที่พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนั้น ทราบว่าใช้รถไถ ไถตัดอ้อยกระชับพื้นที่ โดยตัดอ้อยไปทั้งหมดประมาณ 1 ไร่เศษ จึงเรียกมูลค่าความเสียหายของอ้อยที่ถูกตัด จำนวน ไร่ละ 20,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงนำเงินสดจ่ายให้ตามจำนวนที่เรียกร้องไป โดยค่าเสียหายชดเชยส่วนนี้ ไม่มากไม่น้อยเกินไป เพราะเป็นการชดเชยทั้งค่าดูแลอ้อย ค่าปลูก ค่าบำรุงต่าง ๆ ที่เสียหายจากหมีควาย ที่ตนไม่ได้เลี้ยง อีกทั้งเจ้าหน้าที่แจ้งกับลูกชายเจ้าของไร่อ้อยว่า จะมอบเงินให้อีกจำนวน 10,000 บาท สำหรับค่าอาหารหมี ซึ่งค่าอาหารหมีในที่นี้ หมายถึง ค่าต้นอ้อยที่หมีควายแม่ลูกอ่อนและลูกหมีอีก 2 ตัวถอนดึงกินตลอดเกือบ 7 วันที่ผ่านมา ที่ให้ความร่วมมือ สามารถดำเนินการในไร่อ้อยได้เต็มที่ ซึ่งการชดเชยค่าเสียหายดังกล่าว เป็นที่พอใจทั้งสองฝ่าย ไม่มีปัญหาใด ๆ
สำหรับอ้อยที่ปลูกนั้น นายปริญญา กล่าวว่า เป็นอ้อยที่โตเต็มที่ น้ำอ้อยมีรสหวาน หอม เป็นที่โปรดปรานของหมีควาย และเตรียมดำเนินการเก็บเกี่ยวเพื่อขนไปจำหน่ายที่โรงงาน ในช่วงปลายเดือน ต.ค.63 แต่กลับถูกหมีควายเข้ามาบุกกินเสียก่อน
