เปิดใจสไปเดอร์เกิร์ล “หิวน้ำ” ปีนลูกกรงห้องขัง ใช้วิชาขึ้นต้นมะพร้าวในวัยเด็ก (คลิป)

เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 63 ภายในโถงกลางห้องควบคุมผู้ต้องหา สน.สุทธิสาร เกิดเหตุผู้ต้องหาคล้ายพยายามฆ่าตัวตาย ด้วยการปีนลูกกรงที่อยู่ภายในห้องขัง ทราบชื่อนางสาวพลอยพัชชา สุขพันศิลา อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาในคดีมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ปีนขึ้นไปเกาะอยู่บนลูกกรง

โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเกลี้ยกล่อมนานกว่า 30 นาที แต่ไม่เป็นผล เจ้าหน้าที่จึงปีนขึ้นไปช่วยนำตัวลงมาสงบสติอารมณ์ด้านล่าง

สำหรับขนาดของห้องขังกว้าง 5 เมตร ยาว 6 เมตร สูง 4 เมตร โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 1 นาย นั่งดูแลความเรียบร้อยและดูผู้ต้องหาที่ถูกคุมขังอยู่ ด้านข้างห้องขัง เป็นห้องวิทยุสื่อสารของ สน.สุทธิสาร ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประจำอยู่ห้องวิทยุสื่อสาร จำนวน 1 นาย

นายศตวรรษ ทรรพกาญจน์ ทนายความอาสา ทนายความที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญมา ภายหลังจากที่นางสาวพลอยพัชชามีความต้องการอยากได้ทนายความเข้าช่วยคดี

เช้าวันนี้ เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. ผู้ต้องหาปีนลูกกรงในห้องขังขึ้นไปด้านบนสุด เพื่อต้องการเรียกร้องความสนใจ ให้เจ้าหน้าที่เปิดประตูห้องขังเข้ามา พร้อมบอกว่า "ถ้าไม่ปีน แล้วจะเปิดประตูหรอ" โดยลักษณะการปีนขึ้นไปนั้น เกาะตามลูกกรงขึ้นไป ก่อนจะไปเหยียบที่มุมขวาด้านบนสุดของห้องขัง คล้ายท่าทางสไปร์เดอร์แมน พูดจาด้วยถ้อยคำไม่ดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยอาการไม่พอใจ ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำถุงผ้าสีเขียวที่มีอาวุธปืนอยู่ด้านในมาให้ ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อนำปืนมาป้องกันตัว กลัวไม่ปลอดภัย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาต

ขณะที่มีการเกลี้ยกล่อมผู้ต้องหา ใช้เวลาเกลี้ยกล่อมนานกว่า 30 นาที ซึ่งผู้ต้องหามีอาการเหนื่อยและหิวมาก ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยนำเบาะรองมาปูที่พื้นเพื่อความปลอดภัย ภายหลังจากนำตัวลงมาแล้ว จึงมีการล็อกกุญแจมือเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการคลุ้มคลั่งอีก ซึ่งผู้ต้องหาเป็นคนฉลาด รู้ข้อกฎหมาย รู้เรื่องสิทธิเสรีภาพอีกด้วย ส่วนญาติของผู้ต้องหาเตรียมนำเงินสด 150,000 บาท เพื่อรอยื่นขอประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน

ขณะเดียวกันระหว่างการสอบปากคำ นางสาวพลอยพัชชา สุขพันศิลา อายุ 37 ปี ผู้ต้องหา เดินออกจากห้องสอบปากคำเพื่อไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นทีมข่าวพยายามสอบถามว่า "ปีนขึ้นไปบนห้องขังทำไม" ผู้ต้องหาตอบด้วยสีหน้าเครียดว่า "เห้อ เครียดค่ะ เดี๋ยวก่อน" จากนั้นก็เดินก้มหน้าเข้าห้องสอบปากคำไป

นางสาวพลอยพัชชา สุขพันศิลา อายุ 37 ปี ผู้ต้องหา เปิดใจกับอมรินทร์หลังได้รับการประกันตัว ว่าเมื่อคืนนี้ก่อนถูกคุมขังที่ สน.สุทธิสาร ตนเดินทางไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ภายในซอย 20 มิถุนา กรุงเทพฯ เพื่อเปิดห้องพักรายวัน ซึ่งโรงแรมนี้ตนเข้าใช้บริการมากว่า 5 ปีแล้ว ระหว่างที่มีการจ่ายเงินค่าห้องพักราคา 799 บาท ตนไม่มีเงินสด เนื่องจากใช้เงินซื้ออาหารรับประทานที่โรงแรมหมดแล้ว จึงขอจ่ายเงินในวันรุ่งขึ้นแทน แต่พนักงานไม่ยอม จึงมีการโต้เถียงกันจนเกิดเป็นความเข้าใจผิด

อีกทั้งจังหวะนั้นตนเสียความรู้สึกกับคำพูดของพนักงานโรงแรมที่พูดกับตนว่า "เรื่องมาก" หาว่าตนใช้พนักงานนำข้าวที่สั่งซื้อมาขึ้นมาให้ที่ห้องพัก ซึ่งตนมองว่าเป็นบริการของโรงแรม อีกทั้งทุกครั้งที่นำอาหารขึ้นมาให้ ตนก็จะมีทิปเป็นเงินค่าเสียเวลาเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ตลอด จึงไม่พอใจและเกิดอารมณ์โมโห กระทั่งกระทบกระทั่งกัน ช่วงขณะเกิดเหตุ ตนรู้สึกไม่สบายด้วย จึงโกรธและไม่พอใจพนักงานที่ทำเหมือนตนไม่ใช่ลูกค้าประจำ

จากนั้น พนักงานโรงแรม จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สุทธิสาร มายังโรงแรม เพื่อเข้ามาตรวจค้นร่างกายและตรวจค้นรถยนต์ ว่ามีสิ่งผิดกฎหมายหรือไม่ กระทั่งเจออาวุธปืนในรถยนต์ ตนยอมรับว่าพูดจาไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากเป็นคนพูดจาเสียงดัง ชัดเจน ตรงไปตรงมา จึงดูเหมือนไม่เกรงกลัวตำรวจ สำหรับอาวุธปืนนั้นเป็นปืนของคุณลุง มีเอกสารทะเบียนปืนถูกต้องตามกฎหมาย และอยู่ระหว่างการรอโอนปืนมาครอบครองเป็นชื่อตนเอง

จากนั้น ตำรวจควบคุมตัวมายัง สน.สุทธิสาร ในเวลา 21.00 น. ของเมื่อวานนี้ กระทั่งเวลาประมาณ 05.00 น. ของวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวตนเข้าไปคุมขังภายในห้องขัง โดยไม่ได้บอกว่าจะมีการจับกุมหรือไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า จึงรู้สึกแย่ ไม่พอใจ และไม่ปลอดภัย อีกทั้งตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าคุกไป ตนมีความคิดที่จะปีนลูกกรงห้องขังทันที

กระทั่งเมื่อเวลา 07.00 น. ตนขอเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาดื่มน้ำ ขอพบร้อยเวร ขอเข้าห้องน้ำด้านนอก เนื่องจากภายในห้องขังห้องน้ำสกปรกมาก ตนไม่มีพฤติกรรมหลบหนี เพราะกุญแจรถยนต์อยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โทรศัพท์มือถือก็อยู่กับตำรวจ มีความบริสุทธิ์ใจ แต่กลับถูกปฏิเสธ และบอกให้รอช่วงบ่ายเท่านั้น จากนั้น ตนจึงตัดสินใจปีนลูกกรงห้องขังด้วยความชำนาญ ที่เคยปีนต้นมะพร้าว ต้นกระท้อนในวัยเด็ก

ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดจุดเปลี่ยน และจุดประสงค์หลักคือ หิวน้ำ อยากพบทนายความ และเจอร้อยเวรเจ้าของคดี จากนั้นตนก็ยืนอยู่ด้านบนผนังห้องขังเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง ก่อนที่เจ้าหน้าที่กู้ภัย 3 คน ขึ้นไปช่วยดูแลความปลอดภัย โดยไม่ได้มีการชาร์จตัว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนกรณีที่หลังจากลงมา เจ้าหน้าที่ตำรวจล็อกกุญแจมือแล้วตนกรีดร้อง เป็นเพราะรู้สึกอึดอัดและเจ็บข้อมือ

"ตนยืนยันว่าไม่คิดจะกระโดดฆ่าตัวตาย เพราะเป็นคนรักชีวิตมาก ชีวิตสำคัญที่สุด ไม่ได้คลุ้มคลั่ง ไม่เมายา ไม่เมาเหล้า การศึกษาและหน้าที่การงานก็ดี เปิดบริษัททัวร์ต่างประเทศ และดูแลการตลาดของโรงแรมหลายจังหวัด ตนไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติดแน่นอน"

ส่วนที่ตนยืนอยู่ด้านบนห้องขังนานกว่า 2 ชั่วโมง เพราะมีร่างกายแข็งแรง ถึงแม้จะมีรูปร่างเล็ก สูง 160 ซม. น้ำหนัก 39 กิโลกรัม แต่เล่นโยคะ ว่ายน้ำ แข็งแรง ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ทำร้ายร่างกาย แต่ทำร้ายจิตใจ ทำเหมือนตนเป็นคนร้ายคดีรุนแรง

ขณะเดียวกัน ตำรวจมีการแจ้งข้อหาทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ และข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น ส่วนอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. เป็นอาวุธปืนของลุงผู้ต้องหา ตรวจสอบเป็นปืนมีใบอนุญาต จึงแจ้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต