สืบเนื่องจากมีการเผยแพร่คลิป ชาวบ้านที่ อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี ขณะชาวบ้านไปหาผลยอมาขาย ถูกชายแต่งครึ่งท่อน อ้างเป็นทหารถือปืนขอตรวจค้นรถเพื่อหายาเสพติด ต่างพากันตื่นและหวาดกลัว สุดท้ายไม่ใช่รถยนต์ต้องสงสัย จึงกล่าวคำขอโทษแล้วเดินจากไป
ล่าสุดวันที่ 8 ต.ค.63 นางจุ๋ม (นามสมมติ) อายุ 36 ปี ผู้โพสต์คลิปวิดีโอ เผยว่า วันเกิดเหตุ ตนพร้อมกับลูกชายและนางเจ (นามสมมติ) พี่สาว รวม 3 คน ขับรถพิกอัปตระเวนหารับซื้อลูกยอเพื่อนำไปขายต่อ เมื่อมาถึง ต.ผาตั้ง อ.สังคม จ.หนองคาย พบบ้านที่ปลูกต้นยอมีลูกยอออกเต็มต้น จึงจอดรถริมถนน พี่สาวได้เปิดประตูรถลงไปในบ้านเพื่อสอบถามเจ้าของบ้าน แต่เจ้าของบ้านไม่อยู่ จึงเดินกลับมาที่รถ จังหวะเดียวกันมีชายแต่งกายคล้ายทหารขับรถยนต์ 2 คันจอดดักหน้ารถตน แล้วเอาปืนสั้นพาดใส่ประตูรถ เล็งปืนมาทางรถของตน ตนกลัวจนสั่นไปหมด แต่ตนยังมีสติ หยิบมือถือมาคลิปวิดีโอเอาไว้
ซึ่งเจ้าหน้าที่ถามหาป้ายทะเบียนรถด้านหลัง ตนแจ้งว่ารถเกิดอุบัติ เหตุป้ายทะเบียนหลุด จึงเก็บไว้ในรถ และสั่งให้ลูกชายนำป้ายออกมาให้เจ้าหน้าที่ดู เปิดท้ายรถให้ดูกระสอบปุ๋ยใส่ลูกยอ และกระติกน้ำ นอกจากนี้ ยังตรวจกระเป๋าสะพายสีน้ำเงิน และสีน้ำตาล 2 ใบของตน และของพี่สาวด้วยการเทออกมาให้ดู เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ว่าไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่ตรวจค้นตนก็ถ่ายคลิปวิดีโอไว้ตลอด เพราะเกรงว่าจะถูกยัดยาบ้า
สุดท้ายเจ้าหน้าที่บอกว่า ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่ารถคันนี้มียาเสพติด แต่ตรวจไม่พบ และขอโทษที่ทำให้เสียเวลา จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้โทรศัพท์พูดคุยว่ารถทะเบียนอุดรธานี ไม่ใช่กระบี่ และเป็นการเข้าใจผิดกัน นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้จะเกิดเหตุขึ้น ตนได้ฝันเห็นเปรตมายืนตรงหน้า ก่อนจะมาพบว่ามีทหารมาตรวจรถ ซึ่งตอนนี้ตนยังรู้สึกกลัวเรื่องความปลอดภัย
ที่ สโมสรนายทหารสัญญาบัตร กองบัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (บก.นรข.) จ.นครพนม พล.ร.ต.จรัสเกียรติ ไชยพันธุ์ ผบ.นรข. เปิดเผยเกี่ยวกับที่มีคลิปชายแต่งกายครึ่งท่อนคล้ายทหารว่า เป็นภาพไม่ค่อยเหมาะสม สิ่งแรกที่ทำคือสั่งการให้เขาออกจากพื้นที่กลับมายัง บก.นรข.นครพนม และตั้งกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง
ทั้งนี้ เป็นเพราะเขาได้รับการข่าวมาแล้วเข้าไปตรวจจับ แต่ผิดคัน เนื่องจากการปฏิบัติลักษณะไม่เหมาะสม ทำให้คนที่เห็นเกิดความสะเทือนใจ จึงต้องมาปรับปรุงและแก้ไข พร้อมกำชับไม่ให้กำลังพลที่ทำงานด้านความมั่นคงไม่ทำลักษณะนี้อีก อย่างไรก็ตาม จะจัดเจ้าหน้าที่ไปหาผู้ที่ได้รับผลกระทบทางจิตใจ และพูดคุยเยียวยาตามสมควร พร้อมจัดตั้งกรรมการสอบสวนให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
