รพ.แจงทำคลอดเด็กตาย 3 ศพ “เหตุสุดวิสัย” แม่ซัดฟังไม่ขึ้น โร่แจ้งเอาผิดหมอฝากครรภ์ (คลิป)

จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก เจ้ม้อยv+ ได้มีการโพสต์เรื่องราวของคุณแม่แรกคลอดที่ต้องสูญเสียลูกไปหลังจากทำคลอดเสร็จ โดยยังคาใจกับสาเหตุการตายของลูก เนื่องจากยังไม่ได้รับคำชี้แจงที่ชัดเจน ซึ่งมีคุณแม่ 3 ท่านออกมาเปิดเผยว่าเสียลูกไป หลังจากคลอดกับหมอท่านเดียวกัน และโรงพยาบาลเดียวกัน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ใจสลาย! ลูกคลอดวันเดียวดับปริศนา เหยื่อใหม่โผล่อื้อ ชี้เป้าหมอทำเด็กตายไม่เคยรับผิด

วันที่ 9 ต.ค. 63 โรงพยาบาลสมุทรสาคร โดยนายแพทย์ธรรมวิทย์ เกื้อกูลเกียรติ รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์ รพ.สมุทรสาคร, แพทย์หญิง ศิริพันธ์ บุญโต หัวหน้ากลุ่มงานกุมารเวชกรรม, แพทย์หญิงฉัตรดาว สุจริต หัวหน้ากลุ่มงานสูตินารีเวชกรรม แถลงชี้แจกรณีที่กำลังมีข่าวอยู่ขณะนี้ 3 ราย

เรื่องที่เกิดขึ้น ปกติหากมีปัญหาทางโรงพยาบาลจะมีการทบทวนมาตรฐานการบริการทุกครั้ง ซึ่งการทำคลอดเด็ก โรงพยาบาลถือว่ามีเคสการรักษาจำนวนมาก สูงถึง 8,000-10,000 รายต่อปี ซึ่งจะส่งผลต่อค่าเฉลี่ยการสูญเสียทารกหลังคลอด ค่าเฉลี่ยปัจจุบันอยู่ที่ 3.7 คน ต่อทารก 1,000 คน แต่โรงพยาบาลอยู่ที่ 5 คนต่อทารก 1,000 คน ส่วนเรื่องแพทย์ที่ทำคลอด ขณะนี้ยังมาทำงานปกติ แต่โรงพยาบาล กระทรวง ยืนยันไม่มีนโยบายให้รับฝากครรภ์พิเศษ ซึ่งกรณีนี้เป็นเรื่องนอกการควบคุมที่คนไข้ไปตกลงกับหมอเอง หลังจากนี้จะมีการเรียกพูดคุยต่อไป

รายที่ 1 น้องอาร์ม คุณแม่มาที่โรงพยาบาลด้วยอาการมีเลือดออกที่ปากมดลูก ซึ่งแพทย์ทำการตรวจทุกอย่างปกติ ไม่พบว่าทีภาวะที่จะคลอด ทำการอัลตราซาวด์ดูเด็กปกติ วัดคลื่นหัวใจปกติ ถุงน้ำคล้ำยังไม่แตก อายุครรภ์ยังไม่ถึงกำหนดคลอด ซึ่งแพทย์ให้มีการนอนดูอาการ และปรึกษากับคนไข้ ซึ่งมีความประสงค์ต้องการกลับไปสังเกตอาการที่บ้าน แพทย์จึงอนุญาตให้กลับ

จากนั้น 20 มี.ค.63 คนไข้กลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งช่วง 09.10. น. ซึ่งระบุว่ามีการปวดท้องหนักตั้งแต่ 04.00 น. ปรากฎเมื่อตรวจพบว่าปากมดลูกเปิด 8 เซนติเมตรแล้ว ฟังเสียงหัวใจเด็กในครรภ์ขณะนั้นไม่ได้ยิน หลังการทำการคลอด โดยออกตามธรรมชาติ พบว่าทารกในครรภ์เสียชีวิตแล้ว สาเหตุมาจากสภาวะครรภ์เป็นพิษเฉียบพลัน จึงเป็นสาเหตุทำให้เด็กตาย การดำเนินการเยียวยา ดูแลค่าใช้จ่ายให้ค่ายา ค่ารักษา ค่าห้องพิเศษ รวมราว 70,000 บาท และขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขอรับเงินประกันตามสิทธิ์ประกันสังคม

รายที่ 2 น้องใบบุญ เป็นการคลอดโดยการผ่าตัด ฝากครรภ์ที่คลินิก มาด้วยอาการมีน้ำเดิน อายุครรภ์ 36 สัปดาห์ เป็นการคลอดก่อนกำหนด ผลการคลอดได้คะแนน 5.66 เต็ม 10 เด็กคลอดออกมาไม่ร้อง ตัวซีด หายใจช้า ต้องมีการใส่เครื่องช่วยหายใจ ตับ ม้ามโต น้ำหนักน้อย น้ำหนัก 1,980 กรัม มีภาวะขาดอากาศ หัวใจโตเล็กน้อย มีเลือดออกในปอด ช็อก ชัก ทารกมีความไม่สมบูรณ์

และที่สำคัญเคสนี้ต้องการผ่าตัดเพื่อคลอดเด็ก ต้องดูเรื่องความปลอดภัย ซึ่งปกติต้องงดอาหาร งดน้ำ 6 ชั่วโมง แต่กรณีนี้คนไข้เพิ่งทานข้าวตอน 18.00 น. และมาโรงพยาบาล 19.10 น. ส่วนการเยียวยาทุกอย่างเป็นไปตามสิทธิ์ของบัตรทอง

รายที่ 3 น้องกัปตัน คุณแม่มาด้วยอายุครรภ์ 38 สัปดาห์ คลอดโดยการผ่าตัด ปากมดลูกเปิดแล้ว ตรวจทุกอย่างปกติ พิจารณาและดำเนินการทำคลอดปกติช่วง 10.41 น. ของวันที่ 5 ต.ค.63 คะแนนตอนคลอดได้ 9 คะแนน หลังคลอด 10 คะแนน อาการปกติดี น้ำคร่ำใสสะอาด จากนั้นมีการนำเด็กไปที่ห้องคลอดเพื่อรอดูอาการ 2 ชั่วโมงซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน กรณีการฝากครรภ์ อัตราซาวตลอดการตั้งครรภ์ ทุกอย่างปกติ แต่ไม่ได้หมายความว่าหลังการคลอดจะปกติ หลังจากนำเด็กไปที่ห้องคลอดเพื่อดูอาการ พบว่าเด็กปกติ หายใจปกติดี จนครบเวลาได้นำเด็กย้ายมาที่ตึกพิเศษเพื่อพบแม่เด็ก ระหว่างการย้ายปกติ จนกระทั่งก่อนนำตัวส่งให้แม่ ต้องมีการตรวจอีกครั้ง พบว่าเด็กมีอาการหายใจเร็วสูงกว่าปกติคือ 66 ครั้งต่อนาที ปกติคือ 60 ครั้งต่อนาที จึงมีการส่งตัวเด็กกลับมาพบแพทย์ พบว่าเด็กมีภาวะหายใจเร็ว หายใจลำบาก ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ

จากนั้นมีการดูดของเหลวงออกจากหลอดลม ซึ่งลึกกว่าตอนที่มีการทำคลอด ซึ่งปกติจะลูกแค่ปาก จมูก และลำคอ ตอนนี้ยังระบุไม่ได้ว่าเป็นน้ำขี้เทา น้ำคร่ำ หรือสารอะไร ต้องรอผลการตรวจของนิติเวช ตลอดการรักษาแพทย์มีการแจ้งญาติโดยเฉพาะคุณพ่อเด็กตลอด ตามรายงานมีการแจ้งถึง 4 ครั้ง การดำเนินการของโรงพยาบสล ก็มีการดำเนินการตามสิทธิ์ และดูแลค่ารักษา ค่าห้องพัก และยื่นเรื่องขอชดเชยตามขั้นตอน

ด้าน นายแพทย์ผู้ทำคลอด ระบุว่า ตนเองมั่นใจในขั้นตอนการทำคลอด เหตุต่าง ๆ ให้เป็นไปตามกระบวนการของการพิสูจน์ กรณีของน้องอาร์ม และน้องใบบุญ มีการพูดคุยและจบไปแล้ว ส่วนน้องกัปตัน ต้องรอผลชันสูตร ซึ่งตนเองยืนยันว่าน้ำคร่ำตอนคลอดใสตามรายงานบันทึก แต่สารที่เจอในปอด ต้องรอผลชันสูตร เรื่องที่เกิดขึ้นที่ตนถูกกล่าวหากระทบกับชื่อเสียงอย่างมาก ส่วนที่โรงพยาบาลระบุว่าจะไม่ให้มีการรับฝากครรภ์พิเศษ ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี ถึงแม้รายได้จะลดลง ซึ่งตนเองพร้อมทำตามนโยบายที่ต้องปฏิบัติเท่าเทียมกันทั้งโรงพยาบาล

นางสาวศรีวรรณ เนตรวีระ อายุ 25 ปี แม่น้องกัปตัน เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ยังรู้สึกว่ามีหลายเรื่องที่ยังคาใจอยู่ สงสัยว่าก่อนคลอดลูกมีสุขภาพที่แข็งแรง แต่ทำไมหลังคลอดถึงเสียชีวิตเร็วเกินไป ยังไม่ถึง 24 ชม. อีกทั้งยังมีบรรดาหลายโรคแทรกซ้อนที่ตามมามากมาย ซึ่งตนก็ยังไม่อยากเชื่อ ส่วนเรื่องการทำงานของแพทย์ ไม่รู้ว่าแพทย์ใส่ใจดูแลตนดีมากน้อยแค่ไหน เพราะหลังคลอดน้องกัปตันออกมาแล้ว น้องสุขภาพดี พอน้องอาการแย่ลง เหตุใดจึงไม่รีบแจ้งให้ทราบ

ทั้งนี้ วันที่สูญเสียน้องกัปตัน ตนรู้สึกเครียดมาก จึงขอยานอนหลับจากพยาบาล หลังจากนั้นก็ฝันว่ามีเด็กมานั่งข้าง ๆ เตียง แล้วพูดกับตนว่า "หนูหิวนม หนูอยากกินแต่หนูกินไม่ได้" ตนจึงถามกลับไปว่า "หิวแล้วทำไมไม่กิน แม่นมคัดเต้าแล้ว" เด็กตอบมาว่า "หนูกินไม่ได้ เดี๋ยวหนูจะกลับบ้านแล้ว" ซึ่งตนก็เชื่อว่านั่นคือลูกของตน เพราะวันที่น้องกัปตันเข้าห้อง ICU ตนไม่ได้ปั๊มนมใส่ขวดให้น้องกัปตันไว้

ขณะที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาที่ สภ.เมืองสมุทรสาครโ ดยนำผู้เสียหายเข้าแจ้งความหลัง คลอดลูกแล้วเสียชีวิต กับทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร และผู้ปกครองของเด็กทั้ง 3 รายต่างไม่พอใจหลังจากได้ฟังคำแถลงของโรงพยาบาล