นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหลื่ออาชญากรรม กล่าวถึงคดีลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท จ.กาญจนบุรี ว่าช่วงนี้มีพยานหลักฐานใหม่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ นั้น ไม่มีผลต่อรูปคดี เพราะเป็นเพียงพยานบอกเล่า ไม่มีน้ำหนัก และไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกในสำนวนคดี
ส่วนกรณีของเจ๊เซี๊ยม และคลิปใหม่ล่าสุดนั้น เป็นคลิปที่เพิ่งสร้างขึ้น เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา ส่วนตัวมองว่า "เจ๊เซี๊ยม" ไม่มีความผิด เพราะไม่ได้อยู่ในสำนวนคดีด้วย ซึ่งทนายของครูปรีชา ยังบอกว่า ไม่เคยเห็นคลิปหลักฐานนี้ ส่วนตัวมองว่า คนที่มาร้องไห้ สร้างเรื่องขึ้นมาทั้งหมด และมั่นใจว่า จะไม่มีใครกล้านำเจ๊เซี๊ยม เข้าไปอยู่ในสำนวนคดี เพราะจะถูกแจ้งความข้อหาแจ้งความ และสร้างหลักฐานเท็จ
ทั้งนี้ นายอัจฉริยะ ตั้งใจจะเดินทางไปเยี่ยมครูปรีชา วันที่ 2 มี.ค. ตนจะแนะนำให้ครูปรีชายอมกลับใจ เพื่อให้เห็นแก่ลูก และภรรยาที่บ้าน เพราะสังคมไทยรับไม่ได้กับเรื่องโกหก จะทำให้ลูก และภรรยาอยู่ในสังคมลำบาก ที่สำคัญจะทำให้โทษหนักกลายเป็นเบาได้
นายอัจฉริยะ มองว่า ที่ครูปรีชาเข้าร่วมขบวนการนี้ เพราะมีนายตำรวจดูแล โดยครูเป็นหุ่นเชิด ร่วมกันบีบบังคับลุงจรูญ ซึ่งมีข้อตกลงว่า จะแบ่งเงินคนละ 15 ล้านบาท ภายหลังลุงจรูญไม่ยอม จึงต้องสร้างพยานเท็จมาต่อสู้ จนเรื่องบานปลายมาถึงตอนนี้ ต้องสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก เพราะครูปรีชา ไปเชื่อนักกฎหมายปลอม และเจอแต่พวกตบทรัพย์ จึงนำมาสู่การถูกออกหมายจับในที่สุด
จากกรณีคลิปเสียง ที่ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นการสนทนาระหว่าง ผู้ชายที่คาดว่าเป็นนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพมงคลรังษี และผู้หญิงชื่อ "เซี้ยม" โดยฝ่ายชายสอบถามว่า คนที่บ่อพลอยทราบเรื่องที่ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล เก็บลอตเตอรี่ได้จริงหรือไม่ ซึ่งฝ่ายหญิง ยืนยันว่า มีคนได้ยินภรรยาของ ร.ต.ท.จรูญ พูดในลักษณะดังกล่าวจริง
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางมาพูดคุยกับ นางสุรัตน์ เสน่หา หรือ "รัตน์" ผู้ที่ถูกกล่าวอ้างว่า นางลาวัลย์ วิมูล ภรรยาลุงจรูญ ได้เล่าให้ฟังว่าเก็บลอตเตอรี่ได้ โดย นางสุรัตน์ มั่นใจว่า เสียงในคลิป เป็นเสียงของ "เจ๊เซี๊ยม" เพราะตนจำได้ และตนค่อนข้างสนิทสนมกับ "เจ๊เซี๊ยม" เนื่องจากเข้าไปที่ สภ.บ่อพลอย เป็นประจำ
นางสุรัตน์ เปิดเผยอีกว่า "เจ๊เซี๊ยม" กับนางลาวัลย์ สนิทกัน เพราะเป็นภรรยาตำรวจเหมือนกัน พักอาศัยที่บ้านพักตำรวจใกล้ๆ กัน ซึ่งนางสุรัตน์ ยังยืนยันว่า นางลาวัลย์ ไม่เคยโทรศัพท์มาเล่าให้ตนฟัง เรื่องการเก็บลอตเตอรี่ได้ มีแต่ตอนทราบข่าวว่าเพื่อนถูกลอตเตอรี่ จึงโทรศัพท์ไปสอบถามเท่านั้น
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ่อพลอย ไม่เคยสอบสวนตน มีเพียงตำรวจที่รู้จักกันเข้ามาสอบถาม และพูดในทำนองว่า ลุงจรูญไม่น่าจะซื้อลอตเตอรี่ เพราะเป็นคนประหยัด ตนจึงตอบไปว่าเห็นด้วย ที่ลุงจรูญเป็นคนประหยัด แต่จะซื้อลอตเตอรี่ จริงหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ
ภายหลังจากมีคลิปเสียงถูกเผยแพร่ออกมานั้น ได้ทำให้ตนเองเสียหาย แต่ตอนนี้ขอดูสถานการณ์ก่อน หากเรื่องบานปลายมากกว่านี้ อาจจะฟ้องร้องอีกฝ่าย และหากครอบครัวลุงจรูญ ขอให้ตนไปเป็นพยาน ก็ยินดีที่จะไปเป็นพยานให้
ด้านนางบุ๋ม ภรรยาของภารโรง สภ.บ่อพลอย ผู้ที่ถูกกล่าวอ้างอีกราย เชื่อว่า เสียงผู้หญิงในคลิปวิดีโอ เป็นเสียงของ "เจ๊เซี๊ยม" จริง เพราะตนจำสำเนียงได้ หากเจอตัว "เจ๊เซี๊ยม" อยากสอบถามว่า ทำไมถึงกล่าวอ้างชื่อตน ทั้งที่ตนไม่ทราบเรื่องเก็บลอตเตอรี่ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสอบปากคำ ตนก็จะตอบเหมือนเดิม และหากครอบครัวลุงจรูญ มาขอให้เป็นพยาน ตนคงปฏิเสธ เพราะตนไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคดีดังกล่าว
นอกจากนี้ทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของเจ๊เซี๊ยม เป็นตึกแถว ริมถนน ในอำเภอบ่อพลอย พบว่า ประตูบ้านปิดล็อก เมื่อสอบถามเพื่อนบ้าน ทราบว่า "เจ๊เซี๊ยม" ออกจากบ้านไปแล้ว และเมื่อทีมข่าวได้เปิดคลิปเสียงให้เพื่อนบ้านฟัง และสอบถามว่า เป็นเสียงของ "เจ๊เซี๊ยม" หรือไม่ เพื่อนบ้านตอบว่า เสียงคล้าย "เจ๊เซี๊ยม" แต่ไม่ขอยืนยัน ทั้งนี้ "เจ๊เซี๊ยม" ก็ไม่เคยเล่าเรื่องลอตเตอรี่ 30 ล้าน ให้ฟังแต่อย่างใด
ด้านอดีตสามีของ "เจ๊เซี๊ยม" ซึ่งเป็นตำรวจเกษียณอายุราชการ กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องคลิปเสียง ทั้งนี้ตนแยกกันอยู่กับ "เจ๊เซี๊ยม" มากว่า 10 ปีแล้ว แต่ยอมรับว่า เจ๊เซี๊ยมเป็นคนใจดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น ส่วนเรื่องการพูดในคลิปจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ตนไม่ยืนยัน ส่วนตัวเจ๊เซี้ยม ก็รู้จักสนิทสนมกับนางลาวัลย์ จริง เพราะเป็นครอบครัวตำรวจเหมือนกัน แต่ครูปรีชาตนคาดว่า ไม่น่าจะรู้จักกัน
ขณะเดียวกันในเวลา 19.30 น. วันที่ 2 ก.พ. ทีมข่าวได้มาสังเกตบรเวณบ้านของเจ๊เซี๊ยม ผู้ที่พูดคุยกับชายเสียงคล้ายครูปรีชา ใคร่ครวญ ตามคลิปเสียงที่ถูกเผยแพร่ พบว่าประตูบ้านยังปิดล็อค รวมถึงด้านในบ้านยังคงมืดสนิท เชื่อว่าเจ้าตัวยังไม่กลับเข้าบ้าน จากที่สอบถามเพื่อนบ้าน ส่วนใหญ่ระบุว่า ไม่ทราบว่า "เจ๊เซี๊ยม" หายไปไหน