จากกรณี หวย 30 ล้าน นายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษฯ และนางรัตนาภรณ์ สุภารัตน์ “เจ๊บ้าบิ่น” ถูกดำเนินคดี และได้รับการประกันตัว ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ทั้ง 2 คน รับสารภาพ แต่ทนาย ออกมาปฎิเสธเรื่องนี้ ขณะที่ ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความของ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล นำ “ป้ารัตน์ –ป้าบุ๋ม” ไปแจ้งความเรื่องคลิปเสียงที่อ้างว่า เห็นภรรยา ร.ต.ท.จรูญ เก็บหวยได้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นและไม่เคยพูด ล่าสุด ดร.เทอดศักดิ์ ประกาศผ่านเฟซบุ๊ก ขอถอนตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับคดีของครูปรีชาอีก
วันนี้ ( 2 มี.ค. 61)
“รายการต่างคนต่างคิด” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ อมรินทร์ทีวี ช่อง 34 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.50 น. ได้เชิญ
นางสุรัตน์ เสน่หา “ป้ารัตน์” ,
นางศิริรัตน์ นิ่มเจริญ “ป้าบุ๋ม” ผู้ที่ถูกกล่าวอ้างว่ารู้เห็นการเก็บลอตเตอรี่ ,
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ,
นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ และ
ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ การเมือง การปกครอง มาพูดคุยในรายการ ภายใต้หัวข้อ “เปิดพยานคลิปลับ หวย 30 ล้าน”
นางสุรัตน์ เสน่หา “ป้ารัตน์” ผู้ที่ถูกกล่าวอ้างว่ารู้เห็นการเก็บลอตเตอรี่ กล่าวว่า รู้จักกับ “เจ๊เซี๊ยม” เมื่อราว 6-7 ปีที่แล้ว โดยเจ๊เซี๊ยมพักอยู่บ้านพัก ตร.บ่อพลอย แต่ไม่ได้สนิทกันเป็นการส่วนตัว
นางศิริรัตน์ นิ่มเจริญ “ป้าบุ๋ม” ผู้ที่ถูกกล่าวอ้างว่ารู้เห็นการเก็บลอตเตอรี่ กล่าวเสริมว่า ตนก็รู้จัก “เจ๊เซี๊ยม” เป็นรุ่นพี่และเป็นเมียตำรวจ
ซึ่งทั้ง ป้ารัตน์ และป้าบุ๋ม เมื่อได้ฟังคลิปเสียงแล้ว ต่างยืนยันว่าเป็นเสียงของ “เจ๊เซี๊ยม” แน่นอน
โดย ป้ารัตน์ กล่าวว่า รู้สึกงง ที่มาอ้างชื่อตน หลานเป็นผู้มาบอกว่า ตนมีชื่ออยู่ในคลิป แต่ก็ไม่เคยโทรหาเจ๊เซี๊ยม ไม่ว่าเรื่องหวยหรือเรื่องอื่นๆ และไม่เคยเจอตัวมานาน 2-3 ปีแล้ว ซึ่ง ป้ารัตน์ กล่าวว่าสนิทกับป้าลาวัลย์ ภรรยาของ ร.ต.ท.จรูญ เป็นเพื่อนซี้กัน
เกี่ยวกับคลิปเสียงที่กล่าวถึง “ป้าบุ๋ม” ด้วยนั้น ป้าบุ๋ม กล่าวว่า ไม่เคยมีใครบอกกับตนเกี่ยวกับภรรยาลุงจรูญ ก้มเก็บหวย โดยรู้สึกงง ที่ เจ๊เซี๊ยม เอาชื่อตนเข้าไปเกี่ยวข้อง และเพิ่งมีโอกาสได้เจอกับ ป้าลาวัลย์ ในวันนี้เอง
ซึ่งตอนที่ถูกหวยนั้น ป้าบุ๋ม กล่าวว่าไม่ได้ติดต่อกับ ป้าลาวัลย์ จึงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไร การที่ไปลงบันทึกประจำวัน เพราะไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ และไม่คิดแจ้งความเอาผิดใครอีก ต้องการให้จบเพียงแค่นี้ โดย “ป้ารัตน์” และ “ป้าบุ๋ม” เห็นพ้องกันว่า เรื่องดังกล่าวอาจทำให้พวกตนเดือดร้อน ไม่อยากเป็นพยาน หรือเกี่ยวข้องคดี แต่หากเจอตัว “เจ๊เซี๊ยม” ก็จะถามเหมือนกันว่า ทำไมถึงเอาชื่อพวกตนเข้าไปเกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ “ป้าบุ๋ม” กล่าวว่า ช่วงที่มีคลิปเสียงหลุดออกมา มีตำรวจมาบอกในตอนเช้าว่า ตนมีชื่อไปยุ่งกับคดี ก็งงว่า “ชื่ออะไร คลิปอะไร” ก่อนจะเปิดให้ฟัง
ด้าน “ป้ารัตน์” กล่าวว่า เพิ่งรู้เมื่อ 2 วันก่อน โดยหลานโทรมาบอกว่า ในคลิปหวย 30 ล้านมีชื่อตนเป็นพยานด้วย ก็งงว่าคลิปอะไร ได้ยินว่า ซึ่งตนกับเจ๊เซี๊ยมไม่เคยเจอกันนานเป็นปี แต่อยู่ดีๆ มีชื่อตนเข้าไปเกี่ยวข้อง เช่นเดียวกับ “ป้าบุ๋ม”
เกี่ยวกับคลิปลุงจรูญเก็บหวย ป้ารัตน์ กล่าวว่า ได้ยินว่าเพื่อนถูกหวย ทีแรกได้โทรไปถามว่า "ได้ข่าวว่าถูกรางวัลที่ 1” เพื่อนก็บอกว่า “ใช่ เราถูกเอง” จึงถามว่า “ถามจริงถูกใบเดียว หรือ 30 ล้านแน่” เพื่อนก็บอกว่า “เราถูก 30 ล้าน ช็อกอะ” ส่วนข่าวลือว่า เห็นเก็บหวยนั้น ตนไม่เคยพูดแต่อย่างใด
ส่วน “ป้าบุ๋ม” กล่าวว่า ตนก็ไม่เคยพูด และเพิ่งรู้ว่า ป้าลาวัลย์ ถูกหวยจากสื่อประมาณปลายเดือน พ.ย.60 ไม่ค่อยติดตามข่าว เนื่องจากไปเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาล โดย เจ๊เซี๊ยม ขณะนี้ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ กล่าวว่า ไปยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติมในคดีแพ่ง หลังนำ ลุงจรูญ และป้าลาวัลย์ ขึ้นเป็นพยานในศาลนัดแรก แต่ครั้งนี้มีพยานบุคลคลเพิ่มอีก 10 ปาก และพยานเอกสาร โดยพยานบุคคลเน้นไปทางหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ จึงได้ขอตำรวจกองปราบ ระดับ พ.ต.อ. ขึ้นไป เข้าร่วมสืบพยาน 4 ปาก รวมถึง ผอ.นิติวิทยาศาสตร์ , ผู้เชี่ยวชาญด้านฟิสิกส์ และพยานทั่วไป
เกี่ยวกับคลิปเสียง นายษิทรา กล่าวว่า ป้าทั้งสองคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี คาดว่า เป็นหลักฐานเด็ดของฝ่ายครูปรีชา และคนชื่อ “เซี๊ยม” ได้แอบอ้างว่า “ป้ารัตน์-ป้าบุ๋ม” เป็นคนพูด แต่ป้าสองคนปฎิเสธไม่ได้เกี่ยวข้อง การที่คนชื่อ เซี๊ยม ออกมาพูดในตอนนี้ คาดว่า มีผลทางจิตวิทยากับคนฟัง แต่ไม่มีผลกับสำนวนคดี ซึ่งป้าทั้ง 2 คน สามารถดำเนินคดีได้ และคนที่ปล่อยคลิปจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ด้วย
โดยป้า 2 คน ได้บอกแล้วว่า ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีอะไรมากกว่านี้ ซึ่งตนก็ไม่รู้สึกหนักใจอะไร คนที่หนักใจน่าจะเป็น ครูปรีชา มากกว่า ต้องให้เวลาสัก 2-3 วัน ได้คิดทบทวน เพราะกองปราบฯ คงมีหลักฐานและนำให้ฝ่าย ครูปรีชา ดูแล้วว่า มีพยานคนไหนพูดแล้วไม่สอดคล้องกับหลักฐานทางนิติวิทย์ฯ น่าจะเข้าใจดีแล้ว ซึ่ง ลุงจรูญ ก็ได้อโหสิกรรมให้ ไม่อยากมีบาปกรรมไปชาตินี้ ชาติหน้า
ทนายษิทรา กล่าวว่า การที่ครูปรีชาสู้คดี เป็นเพราะเดินเรื่องไปไกล และลงทุนไปมากแล้ว ทั้งชื่อเสียง เงินทอง จึงเป็นการยากที่จะกลับใจ เพราะจะถูกสังคมมองว่าเป็นคนผิด แต่ถ้าคิดอีกแง่หนึ่ง หากกลับตัวตอนนี้จะไม่ถลำลึก และนิสัยคนไทยรู้ว่าทำผิดแล้วยอมรับก็ยังอยู่ในสังคมได้ อย่างน้อยน่าจะเห็นแก่ครอบครัว เห็นแก่ลูก อย่าไปเชื่อกุนซือมาก เพราะคนพวกนี้ไม่ได้ติดคุกกับเรา
กรณี มีเรื่องนักข่าวมาเกี่ยวข้อง เข้าใจว่า นักข่าวพยายามหาข่าวกับครูปรีชา แต่น่าจะเอาข่าวยาก เพราะสื่อไปเสนอข่าวในทางลบ นักข่าวจึงทำอย่างไรก็ได้ให้สนิทกับครู จึงมีการใช้จิตวิทยาทำตัวตีสนิท เลยมองเหมือนเป็นพวกเดียวกัน
นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ มั่นใจว่า ครูปรีชา และ เจ๊บ้าบิ่น จะไม่ยอมรับสารภาพในชั้นสอบสวนแน่นอน เพราะสามารถไปสารภาพได้ในชั้นศาล หรือขณะสืบพยาน หรือหากเพลี่ยงพล้ำ แต่เบื้องต้นขอวิเคราะห์แบบเป็นกลางว่า ครูปรีชา จะไม่รับสารภาพในคดีอาญา เพราะกำลังสู้ในคดีแพ่ง แย่งชิงกรรมสิทธิ์เจ้าของหวยที่แท้จริง ถ้าหากพยานหลักฐาน ครูปรีชาชนะในคดีแพ่ง จะส่งผลมาถึงคดีอาญาทันที ซึ่งการพิจารณาคดียังไม่เริ่มต้น หากชิงรับสารภาพตอนนี้จะเสียเปรียบคดีที่เกี่ยวข้อง
เกี่ยวกับกระแส ถอนตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องหวย
ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ การเมือง การปกครอง กล่าวว่า มีผู้กล่าวหาว่า ตนเป็นกุนซือให้ ครูปรีชา เลยมีคนมาต่อว่าตนมากมาย ซึ่งตนเพียงแค่วิเคราะห์เรื่องราว ให้คำปรึกษาไป 1-2 ครั้ง โดยบอกว่า ให้พูดความจริง
ทนายเกิดผล กล่าวว่า ครูปรีชา ก็ยืนยันมาตลอด ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์เลวร้าย ดร.ก็ยืนยันสู้ เคียงข้างตลอด จึงเดาว่า ดร.อาจมองว่า ครูปรีชา เพลี่ยงพล้ำ กลัวเจ็บตัว
ดร.เทอดศักดิ์ ปฎิเสธเหตุผลดังกล่าว โดยกล่าวว่า จริงแล้วตนได้รับความรู้จากผู้พิพากษา หัวหน้าองค์คณะ ได้คุยกับอัยการได้ความรู้ใหม่ เพิ่งรู้ว่าคดีนี้ ผู้เสียทรัพย์จะต้องฟ้องกองสลากฯ แล้วกองสลากฯ ไปไล่ฟ้องผู้ขึ้นเงิน ซึ่งตนได้คุยกับอธิบดีอัยการฯ ท่านหนึ่ง บอกให้ไปดูฎีกาปี 2530 ผู้เสียหายฟ้องกองสลากฯ และได้คืน เป็นไปตามที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ชี้แจง
ทนายเกิดผล กล่าวว่า คดีปี 2530 ต่างจากคดีนี้ โดยเจ้าของลอตเตอรี่ที่แท้จริงทำหาย มีหลักฐานลงบันทึกประจำวันไว้ และภาพถ่ายหลักฐานสำเนา แต่ไม่มีต้นฉบับ เมื่อไปขอขึ้นเงิน กองสลากฯ บอกต้องมีต้นฉบับ หรือถือลอตเตอรี่มาด้วย ซึ่งศาลฎีกาตีความว่าไม่จำเป็นต้องมี หากสามารถพิสูจน์ได้ว่า เป็นเจ้าของตัวจริง ในอดีตไม่มีเรื่องของการมาขึ้นเงิน แต่คดีครูปรีชา ลุงจรูญ มาขึ้นเงินแล้ว จึงต่างกัน
ทนายเกิดผล ยังกล่าวอีกว่า การฟ้องกองสลากฯ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคดีครูปรีชา ยังไม่สามารถพิสูจน์สิทธิ์ว่า ใครเป็นเจ้าของหวยได้เลย คดียังอยู่ศาลแพ่ง จะฟ้องกองสลากฯ ได้เช่นไร
ถึงวันนี้ หากครูปรีชามาขอคำปรึกษาอีก
ดร.เทอดศักดิ์ กล่าวว่า คนที่ให้คำปรึกษาดีที่สุดในขณะนี้คือ ทนายความ และจากข้อมูลที่มีมั่นใจว่า ครูปรีชา จะสามารถพิสูจน์สิทธิ์ของตนได้ ส่วนจะฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ คนเดียว หรือฟ้องคู่กองสลากฯ เป็นเรื่องของกฎหมาย ซึ่งคิดว่า ครูปรีชา จะพิสูจน์สิทธิ์ในศาลแพ่งเสร็จสิ้นภายในปีนี้
ที่ผ่านมา ตนเชื่อในความจริงที่เป็นของ ครูปรีชา ไม่ได้บอกว่า ได้ประโยชน์หรือเป็นพวกเดียวกัน ขณะที่ คลิปเสียง เป็นการแสดงออกของแต่ละฝ่ายว่า เป็นเจ้าของสิทธิ์ แต่สุดท้ายจบบนชั้นศาลแพ่ง และผูกพันคดีอาญาด้วย โดยในเดือน พ.ค.จะมีการไต่สวน และตัดสินในเดือน ก.ค.61
ทนายนายเกิด กล่าวว่า ตนไม่ทราบเหตุผลของคนปล่อยคลิป แต่จากที่ฟังแล้วไม่มีความหมาย ในการพิจารณาพยาน หลักฐาน เพราะกล่าวถึง เจ๊บุ๋ม เจ๊รัตน์ และ 2 คนนี้ ไม่เกี่ยวข้อง ไม่รู้เห็นอะไรเลย จึงไม่มีน้ำหนัก คาดว่าคนปล่อยคลิปไม่มีความรู้ คาดการณ์ไปว่าคนจะกลับมาให้ความสนใจ หรือบางทีอาจไม่คิด ทำไปเพื่อความสนุก และคาดไม่ถึงว่า คนไม่เชื่อ
ดร.เทอดศักดิ์ กล่าวว่า คลิปเสียงที่ปล่อยออกมา ก็ตามเสียงที่ว่า ใครถามใคร อะไร ยังไง ตรงไปตรงมา แต่สุดท้ายมีคนขาย มีคนซื้อ มีต้นขั้ว 3 ปัจจัยนี้ เป็นตัวชี้ขาดว่า ลอตเตอรี่เป็นของ ครูปรีชา
เรื่องนี้ ทนายเกิดผล แย้งว่า สิ่งที่ ดร.พูดในตอนนี้ หากเป็นจริงจะไม่มีปัญหา แต่ปัจจุบันเป็นจริงหรือไม่ ขนาดตำรวจ และศาลอาญายังไม่เชื่อว่า หวยหายจริง ถึงได้มีความผิดฐานแจ้งความเท็จ
ดร.เทอดศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าไม่สามารถพิสูจน์ได้ ก็ควรแจ้งความเท็จ แต่อีกมุมหนึ่ง กลับกัน เลขาศาลฎีกาพูดชัดว่า คดีหวยไม่ควรอยู่ในศาลอาญา ควรเป็นแพ่ง ขณะที่ ของหายต้องไปแจ้งความ ทนายเกิดผล เห็นด้วยที่ว่า การโต้แย้งกรรมสิทธิ์ต้องเริ่มที่แพ่งก่อน แต่อยู่ที่ว่าใครเป็นคนเริ่มแจ้งอาญาก่อน
ดร.เทอดศักดิ์ กล่าวว่า เหตุเกิดจาก ครูปรีชา ไปแจ้งความหวยหายก่อน ต่อมา จึงมีการกล่าวหาแจ้งความเท็จ ซึ่งน่าจะเป็นความเข้าใจผิดว่า ของหายต้องไปแจ้งความ ส่วนกรณีการแนะนำให้ ครูปรีชา รับสารภาพเพื่อลดโทษ ดร.เทอดศักดิ์ กล่าวว่า ยังไงครูปรีชา ก็ไม่รับสารภาพ และจะสู้จนถึงที่สุด
ขณะที่ ทนายเกิดผล กล่าวว่า หากครูทำผิดจริง ถ้าตนเป็นทนายจะแนะนำให้รับสารภาพ เพราะครูเป็นคนมีคุณงามความดี สิ่งที่ครูทำมาน่าจะบรรเทาโทษ ศาลจะเมตตา เพราะความผิดของครู ตาม ม.172-174 อยู่ในเกณฑ์ที่รอลงอาญาทั้งหมด แต่ถ้าไม่ผิดก็สู้กันต่อไป ส่วนประมวลกฎหมายแพ่งฯ สังหาริมทรัพย์ที่มีการโต้เถียงกัน 2 คน ใครถือครองให้สันนิษฐานว่าเป็นเจ้าของนั้น มีข้อยกเว้นเรื่อง ของหาย และได้มาจากการกระทำความผิด เจ้าของแท้จริงย่อมมีสิทธิ์ดีกว่า โดยอาญาเป็นเรื่อง แจ้งเท็จ-ไม่เท็จ หากตนเป็นฝ่าย ครูปรีชา จะดันคดีแพ่งให้สิ้นสุดก่อน
ทั้งนี้ในขั้นสอบสวนของกองปราบฯ พบเอกสารลับของ ตร.ภาค 7 ว่า มีการแต่งเติมข้อความหลายครั้ง ซึ่ง ทนายษิทรา บอกว่าจะเอาผู้เชี่ยวชาญ พนักงานสอบสวนระดับ ผู้กำกับฯ ขึ้นเบิกความต่อศาล และหากพยานยืนยันว่าการสอบสวนมีการบิดเบือนข้อเท็จจริง ก็แสดงว่า มีพยานเท็จอยู่ในสำนวน และ ครูปรีชา จะกล้าขึ้นเบิกความ เพื่อไปหักล้างกับพยานเหล่านี้หรือไม่