เมื่อวันที่ 15 ต.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี รายงานบริเวณแยกราชประสงค์ ทีมข่าวมีโอกาสสัมภาษณ์พูดคุยกับ “ช่อ-พรรณิการ์ วานิช” แกนนำคณะก้าวหน้า อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ หลังกลุ่มผู้ร่วมชุมนุมมาร่วมตัวกันย่านราชประสงค์
โดย “ช่อ-พรรณิการ์” เปิดเผยว่า หมดเวลาสำหรับการสังเกตการณ์แล้ว วันนี้เป็นวันที่ประชาชนต้องออกมาแสดงพลัง ว่าเราไม่ทนกับความอยุติธรรม ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ชัดเจนว่าเป็นการจงใจสร้างสถานการณ์เพื่อจะนำไปสู่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในกรุงเทพฯ ซึ่งไม่มีความจำเป็น โดยการชุมนุมนั้นสงบเรียบร้อย แต่มีการใส่ร้ายป้ายสี
ฉะนั้นตนขอถามตรง ๆ กับรัฐบาลของ “พลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา” ตั้งใจสร้างสถานการณ์การเมืองแบบนี้หรือไม่ ? โดยมองว่าไม่ได้แตกต่างกับเหตุการณ์ 6 ตุลา พร้อมถามว่า “ต้องการนำไปสู่การนำไปสู่การฆ่าฟันกันในบ้านเมืองนี้จริงหรือ”
สำหรับตนการมีผู้เข้าร่วมการชุมนุมในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องเกิดความคาดหมาย โดยนับตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค.63 ที่ผ่านมา ที่มีการจับกุม “ไผ่ ดาวดิน” จะเห็นว่าประชาชนไม่พอใจ และไม่ต้องการให้เกิดการกดขี่กันแบบนี้อีก ดังนั้นเมื่อวันที่ 14 ต.ค.63 ที่ผ่านมา ที่มีมวลชนนับแสนมารวมตัวกัน ถือว่าไม่เกิดความคาดหมาย และสำหรับวันนี้ยิ่งไม่เกินความคาดหมาย ในตอนเวลา ตี 4 ที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็คาดเดาได้ว่าประชาชนจะยิ่งโกรธแค้นยิ่งขึ้น ดังนั้นตนไม่แปลกใจเลยที่จะเห็นความโกรธแค้นของประชาชนพร้อมฝากคำเตือนด้วยความหวังดี ว่า “ประวัติศาสตร์เดือนตุลาคม บอกเราแล้วว่า การปราบปรามการชุมนุมด้วยกำลัง ไม่เคยนำไปสู่บ้านเมื่อที่สงบสุข มีแต่นำไปสู่ความแตกแยก ผู้มีอำนาจในประเทศนี้ กำลังจะพาสังคมไปสู่จุดแตกแยกที่ไม่อาจหวนคืน อย่าทำแบบนั้นเลย”
นอกจากนี้ “ช่อ-พรรณิการ์” ยังเผยอีกว่า ตนเชื่อมั่นว่าผู้เข้าร่วมการชุมนุมจะยังคงชุมนุมด้วยสันติ แม้ว่าจะโกรธแค้น แต่ก็เป็นความโกรธแค้นโดยสันติ และที่โกรธแค้นก็เพราะสิทธิเสรีภาพ ศักดิ์ศรี และเพื่อนของพวกเขาถูกเหยียบย่ำ อย่างไรก็ตามการชุมนุมวันนี้ก็คงจะจบลงโดยสันติ และในการชุมนุมครั้งต่อไป อาจจะได้เห็นพลังของประชาชนมากยิ่งขึ้น ซึ่งวันนี้เห็นได้ชัดเจนว่าผู้เข้าร่วมการชุมนุมไม่ได้ต้องการแกนนำอีกต่อไป เพราะพวกเขาคือประชาชนทุกคนที่เป็นแกนนำเท่ากันหมด และออกมาแสดงพลังโดยศักดิ์ศรีความเป็นพลเมืองไทยเท่า ๆ กัน