เมื่อวาน (2 มี.ค.) ที่ผ่านมา นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บมจ.อิตาเลียนไทย พร้อมพวก 3 คน คือ นายยงค์ โดดเครือ ,นางนที เรียมแสน และ นายธานี ทุมมาศ ถูกจับกุม ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฐานลักลอบเข้าป่าล่าสัตว์ ได้เข้ารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ตามหมายเรียก ก่อนกำหนด เดิมที่นั้น ผู้ต้องหาต้องเข้ามารายงานในวันที่ 5 มี.ค. นี้
ซึ่ง พ.ต.อ.พูนศักดิ์ ประเสริฐเมธ รองผู้กำกับการฝ่ายสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ และวิทูล ยิ้มพลาย ทนายความของนายเปรมชัย กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมด เข้าพบเพื่อรายงานตัว และให้ปากคำเพิ่มเติมในข้อสงสัย และปฏิเสธทั้ง 9 ข้อกล่าวหา ซึ่งยืนยันว่า การเข้าไปในเขตป่า ไม่ใช่เป็นการลักลอบเข้าไป เนื่องจากได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง จากเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ทุ่งใหญ่นเรศวรแล้ว
ทั้งนี้ นายณรงค์ชัย สังวรวงศา หัวหน้าด่านกักสัตว์กาญจนบุรี ได้เข้าแจ้งความ ร้องทุกข์ กรณีนายเปรมชัย และพวก ทำทารุณกรรมต่อสัตว์เพิ่มเติม ที่ สภ.ทองผาภูมิ ล่าสุด ก็ได้ถอนแจ้งความแล้ว เนื่องจากการกระทำดังกล่าว ไม่เข้าเงื่อนไขตามพระราชบัญญัติการทำทารุณกรรมต่อสัตว์
ด้าน นายปิยะพงษ์ สืบเสน นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ ผู้ช่วยหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ทุ่งใหญ่นเรศวร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการ กล่าวว่า ขณะนี้นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และเจ้าหน้าที่ชุดแรกที่เข้าจับกุมนายเปรมชัย ยังเดินทางกลับมาไม่ถึง ตั้งแต่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปให้ข้อมูลเพิ่มเติม กับคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของกรมป่าไม้ เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ทุ่งใหญ่นเรศวร ในวันเกิดเหตุ
ส่วนด้าน คุณวงศ์ (นามสมมติ) เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร กล่าวว่า คดีมีความคืบหน้าก็จริง แต่เกรงว่า จะจับตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ยาก ส่วนตัวมองว่า คดีจะพลิก เพราะเขามีเงิน และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เจ้าหน้าที่ทุกคนก็จะหมดกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อมีคนเข้ามาล่าสัตว์ที่ทุกคนพยายามช่วยกันดูแลเอาไว้นาน 10-20 ปี แต่คนล่าสัตว์ยังลอยนวลไม่ติดคุก เปรียบเหมือนคนฆ่าสุนัขยังติดคุก แต่นี่ฆ่าสัตว์สงวน ฆ่าเสือดำ ถ้าเขาไม่ติดคุก และเราในฐานะเจ้าหน้าที่จะคิดอย่างไร หรือว่าบางที การจะไปจับใครที่ทำผิด ก็ต้องดูว่าเขามีเงินแบบนี้ไหม เพราะจับคนมีเงิน เขาก็ต้องหลุดคดีจริงหรือไม่
เช่นเดียวกับลุงพร (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า เสียดายที่เสือดำตาย เพราะเสือดำมีน้อย แต่เรื่องการดำเนินคดีจะเป็นอย่างไร ตนก็ไม่ทราบ เพราะเท่าที่ทราบคือ ถ้าวันหนึ่งชาวบ้านไปยิงสัตว์ตาย ก็ต้องติดคุกตั้งแต่วันแรกแล้ว ส่วนการดำเนินคดี ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจเชื่อว่า ใครทำผิด ก็ต้องรับกรรมตามที่ก่อเอาไว้
แม้เสือดำจะถูกฆ่าตายบริเวณริมน้ำในเขตป่า แต่ก็เป็นที่ประจำที่มักจะพบเห็นเสืออย่างบ่อยครั้ง เจ้าหน้าที่หลายคน ที่เคยมีโอกาสเข้าไปตรวจตราพื้นป่าในช่วงค่ำ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า พวกตนมักจะเจอเสือมานอนอยู่ข้างถนนริมทาง ขณะนี้ได้ให้เพื่อนเจ้าหน้าที่ได้เตรียมนำกล้องติดเพื่อดูพฤติกรรมของเสือ และนำภาพความน่ารักเหล่านั้นมาให้สื่อได้เผยแพร่ บางครั้งเสือดำพยายามจะสื่อสารบางอย่าง เพราะขณะที่เจ้าหน้าที่ขับรถผ่านจุดที่มักพบเสือดำ ก็จะมีเสือดำมาวิ่งนำหน้ารถตรวจการ โดยมีลักษณะไม่กลัวรถหรือคน แต่พอขับตามไป ก็เห็นว่าเสือดำวิ่งหายเข้าไปในป่า
เช่นเดียวกับ นายโสภณ เวียงเจริญ ชาวบ้านอาสาประจำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เล่าว่า ตนเองทำงานมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2536 เวลาที่เข้าไปในป่า มักจะเห็นเสือดำบ่อยครั้ง ซึ่งเสือดำจะไม่ดุร้าย มักเจอเสือในพื้นที่เดิม เวลาพบเจอคนมักจะหลบ แต่ถ้าเป็นเสือดำที่ได้รับบาดเจ็บ เวลาเจอใครก็จะหงุดหงิดและทำร้าย เท่าที่ทราบ ไม่เคยได้ยินใครมาแจ้งว่าโดนเสือดำทำร้าย แต่พอมาวันนี้เสือดำกลับตายลงตนก็รู้สึกเสียใจที่ก่อนหน้านี้เคยเจอ แต่มาวันนี้กลับไม่เจอเสียแล้ว
นายโสภณ ยังบอกด้วยว่า วันนี้หากจะจับคนฆ่าเสือดำมาลงโทษ ต้องหาเจ้าหน้าที่ที่มีความสามารถทำงานรัดกุม เข้ามาทำงาน และยังบอกถึงคนฆ่าเสือว่า “ท่านทำอะไรไว้ ท่านต้องรับตามที่ทำกรรมเอาไว้” และส่วนตัวก็อยากได้เสือดำตัวนั้นกลับคืนมา แต่ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
นอกจากนี้ นายโสภณ เล่าต่อว่า ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องขึ้นในเขตทุ่งใหญ่ ขณะนี้ยังมีประกาศ และคำสั่งให้ปิดเขตชั่วคราว จนกว่าจะมีการตรวจสอบและดำเนินการเก็บพยานหลักฐานให้ครบถ้วน จึงจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปเข้าไปยังในเขต เมื่อมีนักท่องเที่ยวมาก็จะเข้ามาถึงได้เพียงหน้าด่านทุ่งใหญ่ แต่ในกรณีปิดเขต ได้ยกเว้นและอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ คือ ให้เฉพาะชาวบ้านจากหมู่บ้านจะแก ผ่านเข้าออกเท่านั้น เนื่องจากหมู่บ้านจะแก เป็นหมู่บ้านเขตชายแดนไทย-เมียนมาร์ จึงมีเส้นทางผ่านเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ส่วนด่านสะเน่พ่อง ทางเข้าเขตที่ติดกับสังขละบุรี ยังเข้าเที่ยวได้ปกติ แต่ไม่เกินด่านเกาะสะเดิ่ง และด่านตะเคียนทอง สามารถเข้าไปลึกสุดถึง น้ำตกสาลาวะ
ส่วนกรณีคลิปเสียงที่เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ เกี่ยวกับการพูดคุยต่อรองระหว่างเจ้าหน้าที่กับบุคคลของฝั่งนายเปรมชัย ทำนองว่าจะมอบสิ่งของที่ต้องการ หากทำให้คดีนี้หลุดได้
ด้านแหล่งข่าวระดับหัวหน้าป่าไม้ กล่าวว่า ตอนนี้แม้ว่าตำรวจอ้างว่าคลิปดังกล่าวหายไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่เป็นต้นเรื่องของเทปยังเก็บเสียงไว้ ยังไม่สูญหาย แต่กรณีนี้ได้แจงต่อสื่อไปแล้วว่า ไม่ใช่เสียงของนายเปรมชัย ตามที่มีคนพูดถึง แต่เป็นคลิปเสียงคนสนิทของนายเปรมชัย คือนายยงค์ ที่เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาในคดีล่าสัตว์ ส่วนการดำเนินคดี เอาผิดปมติดสินบนเจ้าพนักงานไม่ใช่ประเด็นหลัก สิ่งสำคัญ คือ การดำเนินคดีทั้ง 9 ข้อหา ที่ต้องการทำให้สำเร็จ และหลักฐานทั้งหมดก็มีพร้อม สมบูรณ์ เชื่อว่าอย่างไรก็เอาผิดได้ ซึ่งกระบวนการจากนี้คงเป็นของตำรวจที่จะดำเนินการต่อไป