จากกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊ครายหนึ่ง โพสต์หลังเกิดเหตุระทึกว่า "ช่วงเวลาดังกล่าวมีรถบรรทุกเป็นจำนวนมาก จึงเบี่ยงรถไปเลนขวา เพื่อที่จะขึ้นสะพานภูมิพล จังหวะนั้นเอง มีรถบรรทุกไม่ทราบยี่ห้อ วิ่งมาช่องทางซ้ายด้วยความเร็ว ก่อนจะมีวัตถุบางอย่าง ตกลงมากระแทกกระจกอย่างแรง และทะลุเข้ามาภายในรถ เฉียดคอไป และหล่นที่เบาะหลัง เมื่อตั้งสติได้ ก็พบว่า วัตถุดังกล่าว คือ แหนบเสริมรถกระบะ ความยาวประมาณ 1 เมตร" โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 11.30 น.
วันนี้ (4 มี.ค.61)
นายวิเชียร อินทร์ไกรดี อายุ 42 ปี ผู้ประสบเหตุ และคนโพสต์เฟซบุ๊ก เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุ ตนได้ขับรถยนต์มาบนทางด่วนถนนวงแหวนอุสาหกรรม ซึ่งเป็นถนน 3 เลน และช่วงเวลาดังกล่าวมีรถบรรทุก และรถ 10 ล้อ วิ่งอยู่เต็ม 2 เลนด้านซ้าย ตนจึงพยายามเบี่ยงมาเลนขวาสุด ซึ่งตนได้พูดกับลูกชายว่า "นี่แหละ รถที่บรรทุกของหนัก จะวิ่งช่องทางซ้าย"
ขณะเดียวกันสังเกตเห็นว่า รถด้านหน้าตนเป็นรถกระบะ มีตู้เหล็กครอบขนาดใหญ่ พยายามเปลี่ยนเลนไปทางด้านซ้าย ซึ่งตนได้ชะลอความเร็วลง โดยเว้นระยะห่างไว้ เพื่อให้รถกระบะคันดังกล่าวเบี่ยงไปเลนซ้าย ซึ่งจังหวะนั้นได้มีวัตถุบางอย่างพุ่งเข้ามากระแทกกระจกหน้ารถอย่างแรงทางฝั่งคนขับ เหล็กเฉี่ยวคอไปตกบริเวณด้านหลัง ซึ่งขณะนั้นภรรยากับลูกชายคนเล็ก ตกใจร้องเสียงดัง ขณะที่ตนทำอะไรไม่ถูก
นายวิเชียร เปิดใจว่า ตอนนั้นตนรู้สึกชาไปทั้งตัว จึงพยายามสำรวจตนเอง และถามลูกชายคนโตว่าเป็นอะไรหรือเปล่า หรือมีแผลตรงไหนบ้างหรือไม่ ซึ่งลูกชายบอกว่าไม่มี เพราะเหล็กกระเด็นไปตกที่ด้านหลังรถ ก่อนที่ตนจะตั้งสติกดไฟฉุกเฉิน พยายามเบี่ยงรถชิดเข้าขอบทางซ้ายมือ ซึ่งก็มีรถยนต์คันหลังบีบแตรเป็นจำนวนมาก
เมื่อจอดรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตนก็รีบสำรวจคนที่นั่งรถมาด้วยกัน ก็ไม่พบว่ามีใครเป็นอะไร และเจอท่อนเหล็ก ลักษณะคล้ายแหนบของรถกระบะ ยาวประมาณ 1 เมตร จำนวน 1 ชิ้น
หลังจากนั้นได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ประกันภัยรถยนต์ โดยเจ้าหน้าที่ประกันแนะนำให้ตนติดต่อตำรวจทางด่วน ซึ่งต้องวนรถกลับไปตรงจุดเกิดเหตุอีกครั้งหนึ่ง ตนมองว่าต้องกลับรถหลายต่อ และยังรู้สึกจิตตกกับเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่ จึงติดต่อศูนย์รถยนต์แทน ซึ่งในวันจันทร์ที่ 5 มี.ค. ตนจะเดินทางเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจทางด่วน 1 เพื่อให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบ
นายวิเชียร กล่าวอีกว่า ถึงตอนนี้ตนยังจิตตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่กล้ากลับไปใช้ถนนเส้นดังกล่าวอีก และคิดว่าตัวเองโชคดีที่รถยนต์ติดกระจกนิรภัย 2 ชั้น ถ้าในวันนั้นไม่ใช่กระจกนิรภัย คงไม่รอดมาถึงทุกวันนี้ จึงอยากจะขอฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เรียกตรวจสอบรถกระบะที่บรรทุกของเป็นประจำ ส่วนจุดที่เกิดเหตุนั้น อยากจะให้มีการตรวจสอบป้องกัน ไม่ใช่ปล่อยทิ้งไว้ จนเป็นถนนที่อันตราย หมายความว่าคนที่เสียเงินค่าทางด่วนมา 40 บาท จะต้องเตรียมตัวมาประสบอุบัติเหตุหรือ
ด้าน
นายวินิจจัย ชลานุเคราะห์ สื่อมวลชนสายรถยนต์ ด้านเทคนิค ได้ให้ข้อมูลว่า กรณีดังกล่าว หลังจากตนดูภาพแล้ว เหล็กที่เจ้าของรถถืออยู่นั้น ไม่ใช่เหล็กแหนบ หรือชิ้นส่วนของรถยนต์มาตรฐาน เพราะเหล็กชิ้นดังกล่าวมีขนาดสั้น และบางกว่าเหล็กแหนบ รวมไปถึงเหล็กแหนบต้องมีรูตรงกลาง เพื่อใส่น็อตยึด หรือเรียกว่า "สะดือแหนบ" ร้อยเหล็กแหนบเอาไว้ แต่เหล็กชิ้นนี้ไม่มี
ขณะเดียวกัน หากเหล็กที่ร้อยแหนบขาด หรือเรียกว่า "สะดือแหนบขาด" ก็อาจเป็นไปได้ว่า รถที่ไปเสริมแหนบแล้วบรรทุกของหนักจนสะดือแหนบขาด แหนบอาจจะหลุดออกมาแล้วดีดตัวพุ่งใส่รถ แต่ปัจจุบันเกิดขึ้นได้ยาก เพราะเทคโนโลยีทันสมัยขึ้น อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้อาจเป็นไปได้ว่า เกิดจากเหล็กหลังรถกระบะ หรือชิ้นส่วนที่ตกแต่งของรถกระบะ ร่วงหล่นลงพื้น แล้วกระเด้งพื้นถนนพุ่งเข้าใส่รถยนต์