จากกรณี น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ และ น.ส.มณีรัตน์ แสงภัทรโชติ ใช้ขวานทุบรถของ น.ส.รชนิกร เลิศวาสนา ที่จอดรถขวางหน้าบ้าน โดยพนักงานสอบสวน สน.ประเวศ ได้ออกหมายเรียก เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์, ข่มขู่ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว และพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต
นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เปิดเผยว่า เนื่องจาก น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ เจ้าของบ้าน มีข้อพิพาทกับเขตและตลาดมานาน 10 ปี มีการฟ้องศาลปกครอง ดังนั้น เจ้าของตลาดต้องปฏิบัติตาม ดูแลเรื่องทางเข้า-ออก ไม่ให้บ้านป้าเดือดร้อน กรณีนี้ถือว่า ละเมิดอำนาจศาล ซึ่งคนที่ขับรถมาจอด ก็มีความผิดร่วมด้วย
ส่วนข้อหาข่มขู่ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวนั้น จากคลิปไม่ได้มีพฤติกรรมข่มขู่แต่อย่างใด เจ้าของบ้านขับรถออกมา ก่อนจะลงมือ ซึ่งก็ได้พยายามตามหาตัวคนขับ ทำทุกวิถีทางแล้วแต่ไม่ได้รับการตอบสนอง โดยเจ้าของรถที่จอดขวางก็ยอมรับเองว่า ได้ยินเสียงแตรรถแล้ว แต่ยังซื้อของไม่เสร็จ ย่อมแสดงให้เห็นว่า เจ้าของรถทำการข่มเหงอย่างร้ายแรง
และปฎิเสธข้อหาพกพาอาวุธ เนื่องจากเป็นการใช้ขวานทุบรถ ไม่ได้ทำร้ายร่างกายเจ้าของรถ ทำให้ขาดองค์ประกอบความผิดเรื่องอาวุธ เพราะขวานไม่ใช่อาวุธ แต่เป็นเครื่องมือทางการเกษตร ถ้ายังไม่ทำอันตรายใคร ดังนั้นการแจ้งความข้อกล่าวหานี้ จึงถือเป็นการแจ้งความเกินกว่าเหตุ ซึ่งจะดำเนินการแจ้งความกลับ น.ส.รชนิกร เจ้าของรถที่จอดขวาง ในข้อหา ก่อความเดือดร้อนรำคาญ ตามมาตรา 397 ส่วนจะแจ้งข้อหาแจ้งความเท็จด้วยหรือไม่ ขอเวลาพิจารณา 1 สัปดาห์
นายอนันต์ชัย ิยังกล่าวด้วยว่า เรื่องตลาดคุณป้าไม่มีเจตนาทำให้พ่อค้าแม่ค้าไม่มีที่ทำกิน และรู้สึกเห็นใจทุกคนเพราะเชื่อว่า พ่อค้าแม่ค้าไม่รู้ว่า ตลาดตั้งโดยผิดกฎหมาย แต่การที่ทางสำนักงานเขตประเวศ เชิญชวนให้พ่อค้าแม่ค้าลงชื่อ ให้ตลาดถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง พร้อมยืนยันว่า หากตลาดยังเปิดอยู่ จะรื้อคดีเก่าทั้งหมดเพื่อดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งเก่าและใหม่
น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ ผู้ใช้ขวานทุบรถ กล่าวว่า ตนไม่มีเจตนาข่มขู่ทำร้ายร่างกาย หรือทำให้พ่อค้าแม่ค้าเดือดร้อน เรื่องนี้ กทม.และสำนักงานเขต ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ซึ่ง 2 หน่วยงานนี้ ต้องรีบดำเนินการแก้ไข จัดหาสถานที่ให้พ่อค้าแม่ค้ามีที่ทำมาหากินให้ถูกที่ถูกทาง โดยขอให้ทุกคนช่วยกันบิ๊กคลีนนิ่ง กทม. เพื่อให้ประชาชนได้รับความสงบสุข
ขณะที่ นางบุญศรี แสงหยกตระการ กล่าวว่า หลังเกิดเรื่องทางครอบครัวก็ได้รับกำลังใจจากคนที่ทราบข่าวนี้ ซึ่งชีวิตตอนนี้ยังไม่ถือว่าเป็นปกติ เพราะยังมีการปรับปรุงตลาด ส่วนถ้าคู่กรณีได้ติดต่อขอประนีประนอม ส่วนการพิจารณาแจ้งความหรือไม่นั้น นางบุญศรี กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับทนายความ ส่วนตัวคิดว่า คนเราต้องมีจิตสำนึกตั้งแต่วันที่ได้ใบอนุญาตขับขี่
ส่วนกรณีที่ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ของกทม. สรุปผลการตรวจสอบเบื้องต้นว่า มีเจ้าหน้าที่กว่า 20 คน เข้าข่ายละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเรื่องนี้ ขอให้ทางราชการดำเนินการเอาผิดตามระเบียบ จะไม่ไปฟ้องร้อง หรือแจ้งความเอาผิดใดๆ ถ้าความเดือดร้อนหมดไป ก็คงอโหสิกรรมให้