จากกรณีเหตุท่อก๊าซระเบิดที่ ต.เปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ จนทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนบริเวณโดยรอบรัศมีกว่า 800 เมตร ซึ่งมีผู้บาดเจ็บ 62 ราย เสียชีวิต 3 ราย
ในที่เกิดเหตุพบว่าเป็นท่อส่งก๊าซขนาดใหญ่ที่ฝังอยู่ใต้ดิน ได้เกิดระเบิดขึ้นทำให้ไฟลุกไหม้บ้านเรือนประชาชนที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง ได้รับความเสียหายกว่า 10 หลังคาเรือน รวมทั้งตัวอาคารของโรงพัก สภ.เปร็ง ถูกแรงอัดจนกระจกแตกตัวอาคารแตกร้าว ทรัพย์สินได้รับความเสียหายจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่ของบริษัท ปตท. จำกัด การไฟฟ้าส่วนผลิต เจ้าหน้าที่ดับเพลิง เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุ หาสาเหตุและป้องกันจุดที่อันตราย
สำหรับผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 3 ราย ชื่อนางมะลิ บุญมั่น, นางสาวละมัย กลมอ่อน, นางสมศรี จันทร์แถม และมีผู็ที่ได้รับบาดเจ็บเป็นชาวบ้านในพื้นอีกจำนวนมาก
วันที่ 23 ต.ค. 63 น.ส.กฤชกนก หาญหิรัญ อายุ 58 ปี ลูกสาวของนางละมัย กรมอ่อน อายุ 85 ปี ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุตนทำงานขายของอยู่ที่ตลาด ส่วนแม่กลับมาบ้านก่อน กระทั่ง 13.00 น. ญาติโทรศัพท์ไปบอกว่าบ้านไฟไหม้ ตนจึงรีบกลับมาที่บ้านพบว่าไฟกำลังลุกอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ไม่ให้ตนเข้าไป
กระทั่งเห็นแม่นอนอยู่บนถนนข้างบ้าน ตนจึงรีบวิ่งไปดู พบว่าแม่นอนแน่นิ่งไม่ได้สติ เนื้อตัวพุพองจากไฟคลอก เมื่อลองจับตัวพบว่ายังมีลมหายใจ แต่ก็มีฟองน้ำลายผุดอกมาจากปาก ตนจึงรีบนำแม่ส่งไปที่ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล แต่แพทย์ไม่สามารถช่วยชีวิตได้
น.ส.กฤชกนก กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนเสียใจและหดหู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก เพราะนอกจากแม่ตนแล้วยังมีหลานชายและน้องเขยตนที่บาดเจ็บจากไฟคลอก ยังรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ส่วนบ้านตนก็ถูกไฟไหม้เหลือแต่โครงบ้าน ของในบ้านเสียหายทั้งหมด ทรัพย์สินทั้งเงินสดหลายหมื่นบาท ทองคำอีก 19 บาท ไหม้หายไปกับกองเพลิง
บ้านญาติที่อยู่ติดกัน 6-7 หลังก็ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด ตนเหลือเพียงเสื้อผ้าที่ใส่ติดตัวเพียงชุดเดียวเท่านั้น ตอนนี้เครียดมากเหมือนทุกอย่างที่สร้างมาพังทลายทั้งหมด ซ้ำแม่ยังมาเสียชีวิต เมื่อคืนที่ผ่านมาแทบไม่ได้นอน ได้แต่คิดว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ พี่น้องกอดคอกันร้องไห้ โดยตอนนี้ทราบว่าบริษัท ปตท. จะรับผิดชอบ แต่ตนก็ยังคิดไม่ออกว่าหลังจากนี้จะดำเนินชีวิตอย่างไรต่อไป
นางวันเพ็ญ นิ่มสกุลจันทร์ อายุ 50 ปี ลูกสาวนางมะลิ บุญมั่น อายุ 80 ปี ผู้ตาย กล่าวว่า ตนทราบข่าวจากวิทยุว่าบ้านถูกไฟไหม้รีบกลับมา พบว่าแม่ถูกไฟคลอก มีเศษดินเต็มศีรษะ นอนแน่นิ่ง ไม่มีลมหายใจ ร่างอยู่บนรถกู้ภัยแล้ว ตนจึงรีบตามแม่ไปที่โรงพยาบาล พบว่าแม่เสียชีวิตตั้งแต่ที่บ้านแล้ว
โดยแม่ตนป่วยเป็นความดัน ขาพิการต้องใช้ไม้เท้าสี่ขา คาดว่าช่วงเกิดเหตุอาจจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และหนีไม่ทันจึงถูกไฟคลอก
ตอนนี้เสียใจมาก ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ โดยตนเพิ่งสร้างบ้านใหม่ให้แม่หลังน้ำท่วม เพิ่งเข้าอยู่ได้เพียง 1 สัปดาห์ก็ถูกไฟไหม้ แทบไม่เหลืออะไรเลย นอกจากนี้ หลานชายอายุ 21 ปี ซึ่งอยู่ดูแลแม่ที่บ้านก็ถูกไฟคลอกที่หลัง รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนี้ยังไม่กล้าบอกหลานว่าแม่เสียชีวิตแล้ว เพราะกลัวจะช็อกและรับไม่ได้
ด้านนายมานพ เย็นแม้น อายุ 42 ปี สามีของ น.ส.สมศรี จันทร์แกม อายุ 41 ปี ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนนั่งเล่นอยู่หน้าแคมป์คนงานก่อสร้าง ซึ่งอยู่ข้างโรงเรียน พร้อมด้วยภรรยา และเพื่อนบ้านประมาณ 6-7 คน จากนั้นก็มีไฟลุกข้างแคมป์ ระยะห่างจากจุดที่ตนนั่งไม่เกิน 30 เมตร
ซึ่งด้วยความตกใจ พวกตนจึงรีบวิ่งหนี ขณะนั้นเห็นภรรยาวิ่งออกมาแล้วแต่เกิดล้ม ตนจึงหันไปบอกให้วิ่งต่อ แล้วรีบวิ่งห่างออกไปประมาณ 200-300 เมตร เมื่อหันกลับมามองไม่เจอภรรยา จึงวิ่งกลับไปหา พบว่าภรรยานั่งอยู่ข้างโอ่งน้ำฝั่งตรงข้ามแคมป์คนงาน สภาพถูกไฟคลอกตั้งแต่เอวลงไป
โดยภรรยาบอกตนให้เรียกรถพยาบาล เพราะจะไม่ไหวแล้ว จากนั้นตนนำตัวภรรยาส่งโรงพยาบาล แต่ช่วงที่ขึ้นรถกู้ภัย ภรรยาไม่มีสติ เมื่อถึงโรงพยาบาลแพทย์ปั๊มหัวใจ 30 นาที แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ ตนเสียใจมาก ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
