จากกรณีเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 63 เวลา 00.18 น. มีเหตุคนถูกยิง ที่เกิดเหตุตลาดล่างซอย 4 ต.ตลาด อ.เมือง จ.สุราษฏร์ธานี เบื้องต้นผู้บาดเจ็บ 1 รายเป็นชายต่างด้าว ถูกยิงเข้าบริเวณก้น สะโพก หลังต้นคอ โดนยิงด้วยลูกปืนลูกซอง สาเหตุเกิดจากคนเจ็บย่องเบาเข้าร้านขายของชำ ทำให้เจ้าของบ้านและชาวบ้านไล่ตามถึงที่เกิดเหตุ
วันที่ 24 ต.ค. 63 ทีมข่าวโทรศัพท์สอบถาม ร.ต.อ.จริยวัฒน์ แทนชื่น ร้อยเวรเจ้าของคดี สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ให้ข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุเป็นชายชาวพม่า ชื่อเรียกว่านายอู่ อายุ 16 ปี แต่ไม่ทราบว่ามีบัตรประจำตัวหรือไม่ เป็นคนไม่มีงานเป็นหลักแหล่ง ตอนนี้ยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ส่วนคนยิงนั้นยังอยู่ระหว่างติดตามตัว เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา ไม่มีใครแสดงตัวว่าเป็นคนยิง
ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ร้านขายข้าวปากซอยตลาดล่าง 4 ต.ตลาด อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี น.ส.ก้อย (นามสมมติ) อายุ 46 ปี เจ้าของร้านขายข้าวที่ถูกย่องเบา พาทีมข่าวไปดูช่องลมหลังร้าน โดยคาดว่าคนร้ายน่าจะปืนประตูเหล็กดัด และลอดตัวผ่านช่องลมเข้าไป
น.ส.ก้อย เปิดเผยว่า ตนถูกชายพม่ารายนี้เข้ามาขโมยของถึง 2 ครั้งแล้ว โดยครั้งแรกคือช่วงวันที่ 14 ต.ค. ที่ผ่านมา คาดว่าคนร้ายน่าจะปีนจากช่องลมทางหลังบ้านเข้ามา โดยได้เหรียญเงินทอนของตนไปประมาณ 1,200 บาท ซึ่งหลังจากนั้นตนก็หวาดระแวงมาตลอด เพราะในละแวกใกล้เคียงกันก็เคยถูกขโมยเงินในลักษณะนี้หลายครั้งแล้ว
กระทั่งช่วง 23.00 น. ของวันที่ 21 ต.ค. ที่ผ่านมา ตนไม่ได้นอนอยู่ที่ร้าน ทราบว่าคนร้ายก็แอบปืนเข้าทางช่องลมหลังบ้านอีก แต่มีพลเมืองดีผ่านมาเห็นจึงเฝ้าดู และคอยไล่จับไว้ ส่วนใครเป็นคนยิงนั้นตนไม่ทราบ เพราะตนตามมาทีหลังตอนเจ้าหน้าที่เข้าระงับเหตุแล้ว และจากการค้นตัวก็พบว่าคนร้ายได้เหรียญเก่า ๆ ที่เป็นของสะสมไป
อย่างไรก็ตาม ตอนที่ตนเดินทางมาที่ร้านในคืนเกิดเหตุนั้น ก็ไม่พบคนยิงแล้ว เจอเพียงคนร้ายอยู่ในสภาพบาดเจ็บจากการถูกยิง และเจ้าหน้าที่กู้ภัยคอยช่วยเหลืออยู่
ที่ร้านโรตี ใกล้กับร้านข้าวที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายรายเดียวกันเคยเข้าไปขโมยเงิน นายจักรพงษ์ ณ นคร อายุ 60 ปี เจ้าของร้านโรตี เปิดเผยว่า ร้านของตนถูกขโมยเงินเมื่อวันที่ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 23.00 น. คนร้ายได้เงินจากพุ่มกฐินไปประมาณ 300 บาท จึงได้ไปแจ้งความไว้ที่โรงพัก และตนได้ไปติดต่อขอดูกล้องจากเทศบาล พบว่าเป็นชายผอมร่างเล็ก เดินมาตามถนนแล้วปีนเข้าช่องลมเล็ก ๆ หลังร้าน จนสุดท้ายมาก่อเหตุที่ร้านข้าว ตนก็จำได้ว่าเป็นคน ๆ เดียวกัน ซึ่งจากการตรวจสอบก็รู้ว่าเขาเป็นชาวพม่า
อย่างไรก็ตามตน ยอมรับว่ารู้สึกหนักใจกับผู้ก่อเหตุ เพราะเงินเพียงเล็กน้อยเขาก็มาขโมย ตนคิดว่าโชคดีแล้วที่ตำรวจสามารถจับเอาไว้ได้