จากกรณี พ.ต.ท.สำราญ สุขโต รอง สว.สส. สภ.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจากเรือประมงพบศพลอยทะเลบริเวณเกาะคราม ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ห่างออกจากชายฝั่งไปประมาณ 20 ไมล์ทะเล ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
หนุ่มอู่เรือหายลึกลับส่อถูกฆ่า เจอภาพเดินเข้าซอยก่อนศพโผล่ เพื่อนสนิทหายตัว
ล่าสุดวันที่ 26 ต.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังบ้านของนายบี (นามสมมติ) เพื่อนสาวประเภทสองของนายกอล์ฟ ผู้สูญหาย
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางแอน (นามสมมติ) แม่บุญธรรมของนายบี ให้สัมภาษณ์ว่า นายบี เป็นลูกบุญธรรมของตน วันนี้ไม่อยู่บ้านเนื่องจากไปทำงาน (เร่ขายเครื่องกรองน้ำ) และจะกลับเข้าบ้านประมาณเวลา 20.00 น. ของทุก ๆ วัน
โดยวานนี้หลังการพบศพปริศนาที่เกาะคราม ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรีนั้น นายบีก็ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้กับตน เขาก็คาดว่าศพดังกล่าวน่าจะไม่ใช่ร่างของนายกอล์ฟ เพราะไม่น่าจะสวมใส่กางเกงในลักษณะแบบนี้ ส่วนเชือกคล้องตะกรุดสีแดง ลูกของตนไม่มั่นใจเชือกเส้นนี้
นางแอน เล่าต่อว่า วันที่ 1 ต.ค.63 เวลา 01.39 น. เป็นเวลาที่นายบีโทรศัพท์มาให้ตนเปิดประตูบ้าน หลังจากที่ไปส่งนายกอล์ฟเที่ยวสถานบันเทิงด้วยกัน และหลังจากนั้นนายบีก็นอนในบ้านจนถึง 08.00 น. ของเช้าวันที่ 1 ต.ค.63 กระทั่งเขาไปทำงาน ตนจึงขอยืนยันให้ลูกบุญธรรมของตน หลังจากที่เขาไปส่งนายกอล์ฟมา นายบีได้นอนอยู่ในบ้าน และไม่ได้ออกไปไหน
กระทั่งวันที่ 2 ต.ค.63 นายบี ได้แชตข้อความหานายกอล์ฟ แต่นายกอล์ฟไม่อ่าน และไม่รับโทรศัพท์ แต่มีผู้หญิงชาวกัมพูชาที่อู่เรือรับสาย และบอกว่านายกอล์ฟเอาโทรศัพท์ชาร์จไว้ที่อู่เรือ ส่วนที่นายบีลบเบอร์ออกจากประวัติการโทรในเครื่องของนายกอล์ฟนั้น ตนคิดว่าจะได้สะดวกในการหาเบอร์แปลก ๆ ที่โทรเข้ามา
และในวันที่ 2 ตนก็ได้ไปส่งนายบีที่อู่เรือ เพื่อไปเอาโทรศัพท์และเสื้อผ้าของนายกอล์ฟมาไว้ที่บ้าน ก่อนที่วันต่อมาพี่ชายของนายกอล์ฟ จะมาเอาโทรศัพท์ และกระเป๋าของนายกอล์ฟกลับคืนไป
สำหรับนายบีกับกอล์ฟ ตนก็ไม่รู้ว่าเขาสนิทสนมกันขนาดไหน เพราะบีบอกกับตนแค่ว่า สนิทกันแบบพี่น้องเท่านั้น ช่วงที่นายบี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไปสอบสวน ตนก็รู้สึกสงสารนายบี เพราะเขาไม่ได้ทำงาน ต้องลางานมาให้ข้อมูลกับตำรวจ ตนได้แต่แนะนำว่า ถ้าบริสุทธิใจก็ไม่ต้องไปคิดมาก ทั้งนี้ตนก็ไม่กังวลที่นายบีอาจเป็นผู้ต้องสงสัย เพราะตนมั่นใจว่าลูกไม่รู้เรื่องการหายตัวไปของนายกอล์ฟ
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายังที่เกิดเหตุอีกครั้ง ที่บริเวณอู่ซ่อมเรือ ต.ปากน้ำ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ซึ่งเป็นจุดที่นายเจริญชัย ทั่งทอง หรือ กอล์ฟ หายตัวไปในวันที่ 1 ต.ค.63 ที่ผ่านมา
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายชูชาติ มณีโครต หรือ นายจ่อย เพื่อนร่วมงานของผู้สูญหาย เล่าว่า ไทม์ไลน์ของตนช่วงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 30 ก.ย.63 ที่ผ่านมา ตนได้นั่งเล่นกับนายกอล์ฟที่บริเวณอู่เรือ จากนั้นช่วงค่ำนายกอล์ฟก็ออกไปข้างนอก ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเพื่อนออกไปไหน
กระทั่งเวลาประมาณ 01.10 น. ของวันที่ 1 ต.ค.63 นายกอล์ฟได้เดินเข้ามาที่ท้ายอู่เรือด้วยสภาพเมา ตนและนายพันกำลังนั่งอยู่เรือของพวกตน ได้ชวนนายกอล์ฟกินไข่หวานด้วยกัน แต่นายกอล์ฟปฏิเสธ จากนั้นพวกตนก็แยกย้ายกันไปนอนในเรือ โดยวันที่เกิดเหตุ พวกตนได้จอดเรือเรียงติดกัน 3 ลำ ลำแรกเป็นเรือนายกอล์ฟ ลำที่ 2 เป็นเรือนายพัน และลำที่ 3 เป็นเรือของตน
หลังจากที่ต่างคนต่างนอนในเรือ ตนก็เห็นนายกอล์ฟเอาโทรศัพท์มาชาร์จแบตเตอรี่ที่เรือของนายพัน ที่อยู่ลำกลาง แต่จำไม่ได้ว่าเวลาใด เนื่องจากขณะที่ตนนอนหลับ ตนมีอาการเมาหนัก กระทั่งตนตื่นนอนเวลาประมาณ 06.00 น. ของวันที่ 1 ต.ค.63 ตนได้เก็บข้าวของในเรือของตน และเดินไปเก็บข้าวของที่อยู่เรือของนายพันอีกด้วย โดยตนเห็นนายพันนอนหลับอยู่ในเรือของเขา ส่วนเรือของนายกอล์ฟตนแค่มองผ่าน ๆ ไม่ทันได้สังเกต จึงไม่เห็นว่านายกอล์ฟอยู่ในเรือหรือไม่
ต่อมาในเวลา 07.00 น. ตนได้นำเรือออกทะเล เพื่อไปหาปลา โดยมีนายหมึกเป็นลูกเรือ และมีนายพันมาช่วยปลดเชือกคล้องเรือ จากนั้นตนก็ไปหาปลาในทะเล ประมาณวันที่ 5 ต.ค.63 เจ้าของอู่จึงโทรศัพท์มาถามว่า นายกอล์ฟได้ออกเรือไปกับตนหรือไม่ ตนจึงตอบว่าไม่ได้มา ทั้งนี้ตนออกเรือหาปลาที่ทะเล และได้นำปลาไปขายที่ท่าน้ำปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถึงวันที่ 20 ต.ตค.63 ตนและนายหมึกจึงเดินเรือกลับมาที่อู่ ในจ.ระยอง
นายจ่อย เล่าต่อว่า สำหรับศพปริศนาที่พบในเกาะครามนั้น ตนคาดว่าน่าจะเป็นศพของนายกอล์ฟ เนื่องจากลักษณะของรูปร่างใกล้เคียงกับนายกอล์ฟ ถามว่าวันที่ 1 ต.ค.63 เป็นวันที่พายุเข้าทำไมตนถึงได้นำเรือออกจากฝั่ง กรณีพายุเข้าตนไม่กลัว ตนจึงนำเรือออกไปหาปลา
หลังจากกลับจากขายปลาที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตนก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกสอบสวนวันเว้นวัน ซึ่งตนก็หนักใจเพราะตนจะนำเรือออกไปหาปลา ก็ไม่สามารถทำได้อีก เพราะต้องรอให้คดีกอล์ฟคลี่คลายก่อน ตนยืนยันว่าไม่รู้เห็นกับการหายตัวไปของนายกอล์ฟ ที่ผ่านมาตนช่วยเหลือและหวังดีกับนายกอล์ฟมาตลอด ตอนนี้ตนยอมรับว่าตนเครียดมาก
นอกจากนี้นายจ่อย ยังให้ข้อมูลนอกรอบว่า เช้าของวันที่ 1 ต.ค.63 ตนไม่ได้อุ้มนายกอล์ฟจากหัวเรือของนายพัน ไปไว้ในเรือของนายพัน ตามที่พ่อของนายกอล์ฟสงสัยอีกด้วย
ด้านนายพัน เพื่อนร่วมงานของนายกอล์ฟ ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า ที่พ่อของนายกอล์ฟเชื่อว่าลูกชายหายตัวไปในทะเล ไม่ได้เดินออกไปนอกอู่นั้น ตนไม่เห็นด้วยกับพ่อของนายกอล์ฟ เนื่องจากวันที่ 1 ต.ค.63 เวลาประมาณ 05.00 น. มีเจ้าของอู่ ที่นอนอยู่บนชั้น 2 ของบ้าน เขาได้ยินเสียงคล้ายกับคนเมาเดินออกไปด้านหน้าอู่ โดยเสียงที่เจ้าของอู่ได้ยิน เป็นเสียงคนเดินชนตัวบ้าน และกำแพง บริเวณข้างอู่ ที่เป็นช่องแคบ ๆ 50 ซม.เท่านั้น เนื่องจากที่ตรงนั้นเป็นทางเข้า-ออกทางเดียว ที่คนงานจะเข้า-ออกได้ เนื่องจากเวลากลางคืน เจ้าของอู่จะปิดประตูบ้านทางเข้าหลักไว้
นายพัน เล่าต่อว่า กลางดึกวันที่ 1 ต.ค.63 ที่บริเวณหลังอู่ (จุดจอดเรือ) มีเพียงแค่ตน นายจ่อย และนายกอล์ฟ นอนอยู่ในเรือเท่านั้น ตนก็ตอบไม่ได้ว่าใครจะเดินไปข้างนอกอู่ในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งตนก็คาดว่าอาจเป็นนายกอล์ฟ หลังจากที่มาฝากให้ตนชาร์จโทรศัพท์แล้วก็เดินออกไปข้างนอกอู่หรือไม่ เพราะตนตื่นนอนลุกจากมุ้งขึ้นมาก็ไม่เจอนายกอล์ฟแล้ว ตนคาดว่าถ้ามีเหตุเกิดขึ้นกับนายกอล์ฟจริง เขาน่าจะไปเกิดเหตุที่ข้างนอกอู่ เขาไม่มีทางเกิดเหตุในอู่เรือแน่นอน และถ้านายกอล์ฟเมาจนจมน้ำตายในอู่ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เนื่องจากช่วงเกิดเหตุระดับน้ำในทะเลค่อนข้างแห้ง ถ้านายกอล์ฟไม่เอาหน้าไปมุดโคลน เขาไม่มีทางเสียชีวิตแน่นอน
นายพัน เล่าต่อว่า วันที่เกิดเหตุเรือของตนจอดติดกันกับเรือของนายกอล์ฟ ตนยืนยันว่า เวลาประมาณ 05.00 น. ตนได้ยินเสียงคนเดินออกจากเรือนายกอล์ฟจริง แต่ตนมองไม่เห็นนายกอล์ฟ และตนก็มั่นใจว่าเสียงเดินดังกล่าว เดินขึ้นไปที่หน้าอู่
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้จำลองเหตุการณ์ทดสอบนอนบนเรือนายพัน เพื่อวัดระดับการมองเห็นด้วยสายตา หากนายกอล์ฟ เดินออกจากเรือ ว่าจะสามารถมองเห็นนายกอล์ฟได้หรือไม่
การทดสอบครั้งนี้ ทีมข่าวได้ใช้เรือ 3 ลำ จอดเรียงติดกันเพื่อให้ใกล้เคียงกับวันที่เกิดเหตุมากที่สุด สำหรับลำดับการจอดเรือ เรือลำที่ 1 เป็นเรือของนายกอล์ฟ (ผู้ญหาย) เรือลำที่ 2 เป็นเรือของนายพัน (เรือที่ทีมข่าวทดลองนอน) และเรือลำที่ 3 เป็นเรือของนายจ่อย ซึ่งระยะห่างของเรือลำที่ 1 มาหาเรือลำที่ 2 จะห่างกันประมาณ 1.5 เมตร และเรือลำที่ 2 ไปหาเรือลำที่ 3 อีก 1.5 เมตร
เมื่อทีมข่าวนอนอยู่ในเรือจะเห็นว่า ในห้องโดยสารของเรือแต่ละลำ ที่ใช้เป็นห้องนอนนั้น จะมีหน้าต่างพลาสติกใส ที่สามารถมองทะลุออกมาที่ด้านหน้า และด้านข้างได้ชัดเจน
การทดลองครั้งที่ 1 ทีมข่าวทดลองนอนหันหน้าไปทางหัวเรือลำที่ 1 (เรือของนายกอล์ฟ) แล้วให้ผู้ช่วยช่างภาพ จำลองเป็นนายกอล์ฟ ผู้สูญหาย เดินออกจากเรือลำที่ 1 โดยเดินไปที่หัวเรือ และเดินออกไปที่บริเวณอู่เรือนั้น จากการทดลองทีมข่าวจะสามารถมองเห็นนายกอล์ฟได้ชัดเจนในระดับสายตา (กรณียังไม่หลับ)
การทดลองครั้งที่ 2 กรณีถ้านายพันนอนหลับ ทีมข่าวได้ทดสอบโดยกรณีนอนหลับ จะเห็นว่าหากวันเกิดเหตุ นายพันนอนหลับ หรือนอนกึ่งหลับกึ่งตื่น จะสามารถรู้สึกตัวได้ชัดเจน เพราะถ้านายกอล์ฟ มีการเดินหรือเคลื่อนไหว แรงเดินจะทำให้น้ำทะเลเกิดคลื่น และทำให้เรือกระทบกัน จนคนที่นอนอยู่บนเรือรู้สึกตัวได้ ถึงแม้จะนอนหลับก็ตาม
ทีมข่าวได้สอบถามข้อมูลกับพี่ชายของนายกอล์ฟ ทราบว่านายกอล์ฟมีส่วนสูง 170 ซม. และน้ำหนัก 60-63 กก. และสำหรับผู้ช่วยช่างภาพที่ทดลองเป็นนายกอล์ฟนั้น มีส่วนสูง 172 น้ำหนัก 92 กก. หากนายกอล์ฟเดินออกจากเรือ อาจทำให้เรือเคลื่อนไหว น้อยกว่าผู้ช่วยช่างภาพที่ทดลองวันนี้
ทั้งนี้ทีมข่าวได้ทดลองเดินในช่องแคบ ด้านข้างอู่ซ่อมเรือ ซึ่งเป็นช่องแคบเส้นผ่านศูนย์กลาง 50 ซม. และมีความยาวประมาณ 40 ม. ฝั่งหนึ่งเป็นกำแพงอู่ ส่วนอีกฝั่งเป็นกำแพงบ้าน โดยช่องแคบนี้จะเป็นทางเข้า-ออก ที่คนงานและคนในอู่จะใช้สัญจรในเวลา 20.00 - 06.00 น. เนื่องจากประตูอู่จะปิดในช่วงเวลาดังกล่าว และตอนที่ทีมข่าวลองเดินในช่องแคบ จะได้ยินเสียงเท้าขณะเดินชัดเจน