หลังจากที่วันนี้ (9 มี.ค.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงความคืบหน้าคดีหวย 30 ล้าน รอบที่สอง ล่าสุด
น.ส.กนกพรรณ หมวกไสว หรือ ฟ้า คนสนิทของครูปรีชา ใคร่ครวญ กล่าวภายหลังได้ติดตามการแถลงข่าวว่า วันนี้ได้นั่งดูการแถลงข่าวพร้อมกันกับครูปรีชา ซึ่งไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร เพราะไม่ได้คาดหวังอะไรกับเจ้าหน้าที่ในการแถลงการณ์ข่าววันนี้ เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ก็ทำตามขั้นตอนกระบวนการ
"ฟ้า" เล่าว่า ขณะนั่งชมการแถลงข่าว ครูปรีชา มีท่าทีปกติ ยิ้มและหัวเราะ ไม่ได้เครียดแต่อย่างใด ระหว่างนั้นก็ได้นั่งทานข้าวและพูดคุยกัน ซึ่งครูได้นั่งฟังจนจบ ยอมรับว่า ทุกคนที่นั่งอยู่ด้วยกันไม่ได้กังวลอะไร มีเพียงแลกเปลี่ยนความเห็นว่า จากนี้ไปจะเตรียมตัวอย่างไรเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม "ฟ้า" เปิดเผยอีกว่า ปกติครูปรีชา จะมาที่นี่ประจำ โดยวันหยุดมักจะแวะมาเที่ยวพักผ่อน มาเจอกับญาติพี่น้องและเพื่อนๆ บางครั้งครูปรีชา ก็จะให้ตนไปรับก่อนขับรถเข้ามาในกรุงเทพ เพราะครูขับรถไม่เก่ง
ทีมข่าวถามว่า รู้สึกกังวลหรือไม่ว่าหลังการแถลงข่าววันนี้ จะมีออกหมายจับเพิ่มเติม นางสาวกนกพรรณ บอกว่า จากการที่ได้ติดตามข่าว ก็รู้สึกกังวลอยู่บ้าง แต่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับการแถลงครั้งนี้
ส่วนการแถลงข่าวของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ช่วงหนึ่งที่ ระบุว่า ครูปรีชา และ ผู้กำกับการ สภ.เมืองกาญจนบุรี มีความสนิทสนมกันนั้น "ฟ้า" บอกว่า ตอนที่ครูได้ฟังข่าว ก็ตกใจว่า เนื่องจากปกติครูปรีชา ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับนายตำรวจคนดังกล่าวแต่อย่างใด
ทางด้าน
ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา มีความเห็นว่า ความจริงตนไม่อยากออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้ เพราะเป็นขั้นตอนของศาลแพ่ง แต่ยืนยันว่าตนได้เดินทางลงพื้นที่ที่จังหวัดกาญจนบุรีจริง โดยการไปก็เป็นลักษณะลงไปเจาะข้อมูล ซึ่งไม่ได้บอกใคร และไปในจุดที่ตัวเองไม่เคยไป มาก่อนหน้านี้
ซึ่งการไปในครั้งนั้น ตนทำหน้าที่คล้ายนักข่าว โดยเดินสำรวจและสัมภาษณ์พูดคุยกับชาวบ้าน และตนยังตอบข้อสงสัยเรื่องที่มาของหวย ด้วยการตรวจสอบว่าได้มาจากสนามบินน้ำ มีเจ๊พัช และ เจ๊บ้าบิน เป็นผู้ส่งต่อให้กันและกัน จนมีหลักฐานครบถ้วน ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่าสิ่งที่ตนได้รับมา ทำให้ปมที่มาของหวยไม่ใช่การมโน ตามที่ปรากฎเป็นข่าว
ส่วนเรื่องที่ตำรวจอ้างว่า ใช้หลักการตรวจสอบจากโทรศัพท์มือถือ ตนได้ไปตรวจสอบมาเช่นกัน พบว่าตรงจุดนั้นมีเสาสัญญาณของค่ายมือถือค่ายหนึ่ง อยู่บริเวณบ้านครูปรีชา และที่สำคัญหากจะเอาเรื่องสัญญาณโทรศัพท์มือถือ มาพิสูจน์ว่าใครอยู่จุดไหน คงเป็นเรื่องยาก เพราะเสาสัญญานโทรศัพท์ ไม่สามารถระบุพิกัดได้เหมือน GPS
ดร.เทอดศักดิ์ กล่าวอีกว่า การที่ตำรวจออกหมายจับบุคคลที่แอบอ้าง หรือสร้างข้อมูลเท็จ ก็ถือว่าเป็นหน้าที่ของตำรวจ ที่จะต้องดำเนินการ แต่ลักษณะของใครคือผู้ถือหวย จะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงหรือไม่นั้น ต้องผ่านการพิสูจน์ในกระบวนการของศาลแพ่งจึงจะทราบ ดังนั้นตนจึงยังไม่ปักใจเชื่อใคร
ส่วนที่วันนี้มีแม่ค้าหวย 2 ราย คือ "เจ๊เกียว" กับ "เจ๊พัช" ไปปรากฏตัวที่กองปราบฯนั้น ตนมองว่า ทั้งสองเจ๊ อาจจะกลัวโดนจับเลยต้องรีบไปพบตำรวจก่อน หรืออาจจะมาเพื่อลงบันทึกประจำวัน เพื่อขอให้ศาลประทับรับฟ้องให้มีการคุ้มครองพยาน เพราะอาจจะเกิดความหวาดกลัว เนื่องจากมีสื่อออกมานำเสนอข่าวทุกวันว่าจะถูกออกหมายจับ
ดังนั้นจึงมาแสดงตนว่าไม่มีเจตนาหลบหนี ส่วนกรณีที่สื่อไปคุกคามบุกไปหน้าบ้านของแต่ละคนในยามวิกาล และใช้ไฟสปอร์ตไลท์สองเข้าไปบริเวณบ้านของคนอื่น ตนนก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่นักข่าวทุกคน อยากจะทำข่าว และนำเสนอข่าว แต่สิ่งที่ทำต้องไม่เป็นการละเมิดแหล่งข่าว
ขณะที่ ล่าสุดทางตำรวจออกมาบอกว่า จ่อออกหมายจับกลุ่มกองเชียร์ครูปรีชา รวมถึงพยานที่บอกเห็นลุงจรูญก้มเก็บ ลอตเตอรี่ ดร.เทอดศักดิ์ มองว่า การแสดงความคิดเห็นตามสิทธิ์และธรรมนูญที่ไม่ละเมิดผู้อื่น ถือเป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐานและตนในฐานะสื่อมวลชน ทำงานตั้งแต่เด็กจนโตและที่ผ่านมาทำตามกรอบ ไม่เคยนอกกรอบ จึงมองว่าเรื่องนี้สามารถทำได้ และยืนยันว่าตนไม่ได้รับผลประโยชน์เรื่องหวยแต่อย่างใด
ทั้งนี้การที่ตำรวจออกหมายจับในเบื้องต้น ก็ถือว่าเป็นกระบวนการที่จะต้องมีการพิสูจน์ โดยเฉพาะเรื่องของกรรมสิทธิ์ว่าแท้จริงแล้ว ห่วยนั้นเป็นของลุงจรูญหรือครูปรีชา แต่ถ้าหากไม่ใช่ ตนขอตั้งคำถามว่าหากคดีพลิก จะเกิดอะไรขึ้นเพราะจากข้อมูลส่วนตัวแล้วมองต่างจากที่หลายคนกำลังเชื่ออยู่
และเมื่อถามว่า การที่ ดร.เทอดศักดิ์ ออกมาแสดงความคิดเห็นถึง คดีหวย ถือว่าเป็นกองเชียร์ฝ่ายครูปรีชา หรือไม่ ดร.เทอดศักดิ์ บอกว่า ตนทำหน้าที่ในฐานะสื่อ มีสำนักข่าวเป็นของตนเอง นำเสนอโดยไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะยืนยันว่าตนไม่ได้รับผลประโยชน์จากใคร ดังนั้นหากเทียบกับกรณีคดีของเสือดำ ที่ตนมองว่ามีหลายอย่างที่ไม่ตรงกับสิ่งที่หลายคนกำลังมองอยู่ เพราะยืนยันว่าการนำเสนอข่าวของตนนั้นเป็นการวิเคราะห์ ไม่ใช่เป็นการสังเคราะห์เหมือนคนอื่น
สุดท้ายความสัมพันธ์ระหว่าง ครูปรีชา และตำรวจนั้น ดร.เทอดศักดิ์ มองว่า จากข้อมูลที่ทราบจนถึงขณะนี้พบว่าครูไม่มีความสัมพันธ์ใดกับทางตำรวจ แต่ยอมรับว่าตำรวจต้องดำเนินการตรวจสอบตามคำเรียกร้อง ของทนายฝ่ายลุงจรูญและล่าสุดจากการสอบถามฝ่ายครูปรีชา ก็ยืนยันว่าไม่มีความสัมพันธ์ใดกับทางตำรวจ