จากกรณีเหตุรถบรรทุกน้ำมัน พุ่งชนรถพ่วง 18 ล้อ บริเวณแยกไฟแดงหนองกี่ขาเข้านางรอง จ.บุรีรัมย์ ทำให้น้ำมันที่บรรทุกมาเต็มคัน จำนวน 36,000 ลิตร รั่วไหลออกมา 9,000 ลิตร ก่อนจะไหลไปตามท่อระบายน้ำ และเกิดไฟลุกไหมหลายจุด ยาวประมาณ 1 กม.
เจ้าหน้าที่จึงต้องปิดการจราจร ระดมรถน้ำ รถกู้ชีพ และรถกู้ภัยจากพื้นที่ใกล้เคียงทั้งหมด เข้าช่วยระงับเหตุ จนถึงเวลานี้ยังไม่สามารถเก็บกู้รถได้ต้องรอบริษัทน้ำมันมาเก็บกู้
ลักษณะแนวท่อที่ไฟลุกไหม้ รัศมียาว 900 เมตร โดยมีเปลวไฟพุ่งขึ้นจากท่อระบายน้ำ ความสูง 3 เมตร
ล่าสุดวันที่ 29 ต.ค.63 นายอภินันท์ ภูบาล อายุ 34 ปี คนขับรถบรรทุกน้ำมัน กล่าวว่า ตนได้บรรทุกน้ำมันจาก จ.ระยอง เพื่อจะนำไปส่งที่คลังน้ำมันที่ จ.ศรีสะเกษ ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถตามหลังรถบรรทุกรถจักรยานมา เมื่อมาถึงไฟแดงเห็นรถคันหน้าจอด แต่ตนเบรกไม่อยู่ เพราะฝนตกถนนลื่น จึงพุ่งชนแต่ไม่แรง ซึ่งแรงกระแทกทำให้จุดปล่อยน้ำมันไหลออกมา แต่ไม่ทั้งหมด เพราะถังน้ำมันจะแบ่งเป็นล็อกที่ไหลออกมาประมาณ 15,000 ลิตร
ทั้งนี้ตนจึงรีบออกจากรถ และรีบไปบอกคนขับรถคันหน้า เพื่อให้รีบออกจากตัวรถ เพราะมีน้ำมันรั่ว เนื่องจากเพียงไม่นานก็เกิดประกายไฟและไหม้ลุกลามดังกล่าว จนทำให้ตนได้รับบาดเจ็บ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กล้องวงจรปิดของร้าน ม.การค้า อ.หนองกี่ จับภาพขณะน้ำมันจากรถบรรทุก ไหลมาเป็นคลื่นเพลิงถึงบริเวณหน้าร้านก๋วยเตี๋ยว ริมฟุตพาท เป็นภาพที่มีลูกค้าประมาณ 3 - 4 คน ยืนดูรถชนกัน จากนั้นได้มีแสงไฟที่เกิดจากการระเบิด ทำให้ทั้งเจ้าของร้านและลูกค้าวิ่งหนีออกไป ก่อนจะมีคลื่นเพลิงไหลมาตามถนน แล้วดับไป
นายสิทธิ์พงษ์ แคนลา อายุ 47 ปี เจ้าของร้านไทยวัฒนา เป็นร้านขายอะไหล่ยนต์ กล่าวว่า ตอนนี้อยากให้มีถนนเลี่ยงเมือง เพื่อให้รถขนาดใหญ่ เช่น รถน้ำมัน รถบรรทุกแก๊ส และรถบรรทุกของหนัก ที่วิ่งผ่านในตัวอำเภอ เพราะมีความเสี่ยงมาก ครั้งนี้ถือว่าโชคดี ที่ไม่มีผู้เสียชีวิต และไม่อยากจะคิด ถ้าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นรถบรรทุกแก๊ส
เจ้าหน้าที่นำรถเครนไปยกซากรถเทรนเลอร์บรรทุกน้ำมัน และรถพ่วงบรรทุกจักรยานออกจากถนนแล้ว เพื่อคืนผิวจราจรให้กลับมาใช้ได้ตามปกติ โดยมีการฉีดน้ำหล่อเลี้ยงถังน้ำมันระหว่างเคลื่อนย้ายตลอดเวลา เพราะเกรงจะเป็นอันตราย ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา
เหตุการณ์นี้ทำให้บ้านเรือนเสียหาย 11 คูหา เสียหายหนักสุด 4 คูหา ในจำนวนนี้มีร้านเครื่องเขียนเสียหายหนักสุด ถูกไฟเผาไหม้เหลือแต่ซาก มีรถยนต์เสียหาย 4 คัน รถสามล้อ 2 คัน และรถจักรยานยนต์ 2 คัน บิ๊กไบก์ 1 คัน
ทีมข่าวมีโอกาสพูดคุยกับ นายวุฒิพันธุ์ แซ่ปึง อายุ 50 ปี เจ้าของร้านขายเครื่องเขียน เปิดใจกับทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ว่า ช่วงเกิดเหตุ ประมาณ 23.00 น. ตนยังไม่นอนได้ยินเสียงรถชนกัน ประกอบกับบ้านอยู่ใกล้จุดสี่แยกมากที่สุด จึงเปิดประตูเหล็กออกมาหวังจะออกไปช่วยเหลือ แต่น้ำมันไหลออกมาจำนวนมาก กลิ่นน้ำมันคลุ้งไปทั่ว มั่นใจว่าต้องเกิดการระเบิดแน่นอน จึงไล่ทุบประตูบ้านญาติที่อยู่ติดกัน ให้ทุกคนรู้ตัวรีบหนีออกทางหลังบ้าน อย่าเปิดประตูออกมาหน้าบ้าน
จากนั้นตนรีบเข้าบ้าน พอจังหวะปิดประตูเหล็กลง รถเกิดระเบิดตามหลังมาทันที คล้ายกับลูกไฟกลม ๆ พุ่งใส่ประตูเหล็กอย่างจัง จนประตูถูกแรงอัดโค้งเข้ามาในตัวบ้าน เสียงระเบิดและเปลวไฟพุ่งใส่ประตูเหล็กซ้ำอีก 2 - 3 ครั้ง คิดว่ารุนแรงเกินกว่าจะคุมได้ จึงตัดสินใจวิ่งหนีตายดีกว่า
โดยหนีออกไปด้านหลัง แต่เป็นกำแพงสูง 3 เมตร ตนจึงให้แม่ อายุ 87 ปี ปีนหลังขึ้นไปบนกำแพง ด้วยความตื่นตระหนก แม่กับตนหล่นลงไปอีกฝั่งจนได้รับบาดเจ็บขาเคล็ด ส่วนตนเจ็บเป็นแผลถลอกที่หลังเล็กน้อย ทรัพย์สินไม่เหลืออะไรเลย รถจักรยานยนต์ บิ๊กไบก์ ไหนจะสมุด ดินสอ เครื่องเขียนทุกอย่างที่เป็นอุปกรณ์การเรียน เอาอะไรออกมาไม่ได้สักอย่าง มูลค่าความเสียหาย ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท บ้านต้องสร้างใหม่ทั้งหมด
ส่วนเหตุการณ์ลักษณะนี้ นับเป็นครั้งที่ 3 ในชีวิตแล้ว ครั้งแรกประมาณปี 2524 ไหม้ทั้งตลาดจากแก๊สระเบิด ลุกลามมาบ้านตน จากนั้นก็ปี 2553 ไฟไหม้บ้านญาติติดกัน ลามมาติดที่บ้านตน กระทั่งล่าสุด 2563 รถน้ำมันชนรถพ่วง ระเบิดใส่บ้านและร้านพังเสียหายทั้งหมด ทั้งนี้อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลเรื่องความเสียหาย เพราะตนเดือดร้อน กลัวประกันไม่จ่าย ตอนนี้ต้องอาศัยบ้านญาติ
เช่นเดียวกับ น.ส.จรีรัตน์ ศรีโสภิตสวัสดิ์ อายุ 48 ปี เจ้าของร้าน อุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องมือช่าง บอกกับทีมข่าวว่า เมื่อได้ยินเสียงระเบิดจึงรีบออกมาดู พอเห็นไฟวิ่งมาตามท่อระบายน้ำ ตนรีบฉีดน้ำสกัดไม่ให้ไฟลุกลามเข้าบ้าน แต่รถจักรยานยนต์ รถเก๋ง 2 คันที่จอดหน้าบ้าน เสียหายทั้งหมด ดับไม่ทันแล้ว สกัดได้แค่หน้าบ้าน เพราะถ้าลุกลามเข้าตัวบ้าน จะไม่เหลืออะไรเลย
ทั้งนี้เกิดมาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ในชีวิต ครั้งแรกตอนนั้นไฟไหม้ตลาดจากเหตุแก๊สระเบิด จนมาครั้งนี้ ตนคิดอย่างเดียวถือว่าฟาดเคราะห์ คนไม่เป็นอะไร มีแค่รถและเต็นท์หน้าบ้านพังเสียหาย มูลค่าความเสียหายคาดว่า 1 ล้านบาท แต่ประเมินยังไม่ได้ต้องรอประกันประเมินความเสียหลายอีกครั้ง
นอกจากนี้ ทีมข่าวมีโอกาสพูดคุยกับ นายวิรัตน์ กลิ่นขจร นายอำเภอหนองกี่ จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดจาก บรรทุกน้ำมันพุ่งชนรถพ่วงที่จอดติดไฟแดงอยู่สี่แยกไฟแดงหนองกี่ เพราะคนขับรถน้ำมันเบรกไม่อยู่ เนื่องจากฝนตกถนนลื่น ทำให้รถพุ่งชนท้ายรถพ่วง
ก่อนจะเกิดเกิดประกายไฟลุกไหม้ขึ้นมา และลุกลามไหม้ดังกล่าว ขณะที่เจ้าหน้าที่การไฟฟ้า ก็ได้ระดมกำลังจากหลายพื้นที่ เข้าซ่อมแซมสายไฟฟ้าแรงสูง เปลี่ยนหม้อแปลง เพื่อนอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชนได้มีไฟใช้ ส่วนรถที่รับแจ้งเบื้องต้น มีรถยนต์ 6 คัน รถจักรยานยนต์ 3 คัน ส่วนบ้านเรือน 11 คูหา อันนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่รับแจ้ง ส่วนอื่น ๆ ยังไม่มีรายงาน
ทั้งนี้เหตุการณ์นี้ ไม่มีใครเสียชีวิต ส่วนคนเจ็บก็มีแค่คนขับรถบรรทุก ศีรษะแตกเย็บ 4 เข็ม และเจ้าของร้านเครื่องเขียน เป็นแผลถลอกจากการกระโดดหนีตาย ตกกำแพงสูง 3 เมตร หลังจากนี้ตนในฐานะฝ่ายปกครอง จะประสานประผู้เสียหายที่อยู่บริเวณนี้ทั้งหมด ไปให้ข้อมูลว่าเสียหายอย่างไร เพื่อชดเชยมูลค่าความเสียหาย และอีกส่วนผู้ที่ได้รับผลกระทบ ก็จะมีเงินเยี่ยวยา ตามระเบียบจากกระทรวงการคลัง เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุฉุกเฉินตามความเหมาะสม เหตุการณ์นี้นับว่ายังดีที่ฝนตกลงมา ช่วยลดความร้อนของถังน้ำมันเอาไว้ ไม่ให้ขยายวงกว้าง เสียแค่น้ำมันไหลไปตามท่อเท่านั้น