จากกรณีนางเรวดี หาแก้ว หรือ "ป้าติ้น" แจ้งความเอาผิด นางจรูญ หรือ "ป้าติ๋ว" ว่ายักยอกทรัพย์เป็นลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท งวดประจำวันที่ 1 เม.ย.60 และก่อนหน้านี้ที่ ป้าติ้นเคยแจ้งความเอาผิด นางสุดารัตน์ น้อยนิตย์ หรือ "ป้าดา" ยักยอกทรัพย์เป็นลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 งวดวันที่ 1 เม.ย. 59 โดยวันนี้ (12 มี.ค.) พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ระบุว่า คดีดังกล่าวเป็นขบวนการสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อหลอกลวงและแอบอ้างการเป็นเจ้าของรางวัล
ความคืบหน้าวันนี้ “รายการต่างคนต่างคิด” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ อมรินทร์ทีวี ช่อง 34 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.50 น.ได้เชิญ
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม,
นางจรูญ หรือ "ป้าติ๋ว" กับ นางเรวดี หาแก้ว หรือ "ป้าติ้น" และ นางสุดารัตน์ น้อยนิตย์ หรือ "ป้าดา" เข้ามาร่วมพูดคุยในรายการ
โดย
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ในช่วงปี 2559 ตนได้รับเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายให้กับป้าติ้นกรณีฟ้องร้องป้าดา แต่ภายหลังจากที่ได้สืบหาข้อเท็จจริงจึงทราบว่า หวยนั้นไม่ได้มีอยู่จริง จึงได้ถอนตัวออกมา ล่าสุดตนได้รับเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายให้กับป้าติ๋วและป้าดา พร้อมยินดีเป็นพยานให้กับป้าดาด้วย
ครั้งแรกที่ตนพบกับป้าติ้นนั้น ป้าติ้นได้แจ้งกับตนว่า มีบันทึกข้อความอยู่ในหน่วยความจำของโทรศัพท์มือถือ ข้อความว่า “ซื้อหวย 066720 หนึ่งชุด ไว้กับพี่ดา เราจ่ายเงินไป 500 บาท เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 59 เวลา 14.00 น.” และอีกข้อความที่ได้บันทึกไว้คือ “ซื้อ 066720 ซื้อลอตเตอรี่หุ้นกับพี่ดา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 59 เวลา 11.00 น."
แต่ผลการตรวจสอบโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวปรากฎว่า เป็นการบันทึกข้อความไว้ในโปรแกรมปฎิทินของโทรศัพท์ ซึ่งสามารถบันทึกย้อนหลังได้ ก่อนหน้านี้ตนเคยได้ขอโทรศัพท์มือถือของป้าติ้น ไปเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ แต่ป้าติ้นไม่ยอมให้นำไปตรวจสอบ นอกจากนี้ ตนตั้งข้อสังเกตด้วยว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. แต่ทำไมป้าติ้นจึงนำโทรศัพท์ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจในวันที่ 11 ส.ค. ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานาน
จากนั้น
นายอัจฉริยะ ได้ขอดูเอกสารที่ป้าติ้นได้นำมาในรายการ ซึ่งเป็นเอกสารผลการตรวจสอบข้อมูลผู้ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 1 เม.ย.59 ทั้งหมด ที่สำนักงานสลากฯ ส่งให้ตำรวจเจ้าของคดี โดยนายอัจฉริยะได้ถามป้าติ้นว่า ได้เอกสารฉบับนี้และสำนวนสอบสวนทั้งหมดมาได้อย่างไร เอกสารทั้งหมดเป็นเอกสารลับทางราชการ เป็นคำให้การทั้งหมดของคู่กรณี
ด้าน
ป้าติ้น กล่าวว่า ข้อมูลที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์ตามที่นายอัจฉริยะอ้างถึงนั้น ไม่ได้เป็นการบันทึกข้อมูลย้อนหลัง โดยหากเป็นเช่นนั้นจริง ตนก็ต้องจำได้ว่าบันทึกไว้ในโปรแกรมปฎิทินรายวัน ยืนยันว่าข้อความดังกล่าวได้บันทึกไว้เมื่อวันที่ 28 มี.ค.59 ซึ่งเป็นวันที่ซื้อลอตเตอรี่ ส่วนเรื่องการส่งโทรศัพท์ไปให้ทางปอท. ตรวจล่าช้านั้น เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน เป็นผู้นำส่งไป ซึ่งตนไม่ทราบในเรื่องนี้
ส่วนเรื่องเอกสารของสำนักงานสลากฯ นั้น "ป้าติ้น" กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประเวศ ได้ให้ตนนำไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กองปราบปราม โดยยอมรับว่า ตนถือวิสาสะเปิดอ่าน พร้อมกับถ่ายเอกสารเก็บไว้ เนื่องจากเห็นว่าเป็นประโยชน์กับตนในเรื่องคดี แต่ภายหลังเจ้าหน้าที่ทราบว่า ตนได้เก็บเอกสารไว้ จึงได้มาติดต่อขอนำกลับ ซึ่งตนได้ให้กลับไปบางส่วน
ป้าติ้น เปิดเผยด้วยว่า นายอัจฉริยะเคยเรียกเงินรับจากคดีของตนจริง แต่ทางเอกสารนายอัจฉริยะ เป็นคนให้ทนายเก็บเอกสารไว้
ขณะที่นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารลับ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถมอบให้คู่กรณีนำไปส่งให้ทางกองปราบปรามได้ ตนมองมองป้าติ้นได้กระทำทุจริตร่วมกับพนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นการกระทำโดยมิชอบด้วยกฏหมาย ตนจึงถอนตัวจากการเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายให้กับป้าติ้น พร้อมกับยืนยันว่า ตนไม่เคยเรียกร้องเงินส่วนแบ่ง 25% ตามที่ป้าติ้นกล่าวอ้าง ซึ่งถ้าตนเรียกร้องจริง ก็ให้หาหลักฐานมายืนยัน โดยในวันพรุ่งนี้ (13 มี.ค.) ตนจะเดินทางไปแจ้งความป้าติ้น ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาด้วย
นอกจากนี้ นายอัจฉริยะยังบอกอีกว่า ตนได้มีการไปคุยกับคนขายลอตเตอรี่ที่วัดลาดบัวขาว ที่ขายให้กับนางเรวดี ในคดีฟ้องร้องป้าดา ซึ่งตอนนี้ผู้ค้าลอตเตอรี่คนดังกล่าวได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ภรรยาผู้เสียชีวิตทราบว่า ป้าติ้นกับพนักงานสอบสวน ให้สามีตนไปเซ็นเอกสารคำให้การที่ทำไว้รอล่วงหน้า โดยที่ยังไม่ได้ให้ปากคำ
พร้อมกันนี้ นายอัจฉริยะยังบอกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการส่งลอตเตอรี่จำนวน 100 ชุด ที่ป้าติ้นกล่าวอ้าง ไปตรวจที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งพบว่าลอตเตอรี่ไม่มีรอยลบและขีดฆ่าตามที่มีการกล่าวอ้างอีกด้วย
นอกจากนี้ ในวันที่ 1 เม.ย. 2560 ป้าติ้น ได้ส่งข้อความทางไลน์มาหา ป้าติ๋ว ระบุว่า “เรากินหวยอีกแล้ว แย่ๆ” โดยตั้งข้อสังเกตว่า หากป้าติ้นถูกรางวัลจริง เหตุใดจึงพิมพ์ข้อความคล้ายกับคนที่ไม่ถูกหวยเช่นนั้น ซึ่งป้าติ้นได้ตอบกลับในทันทีว่า ขณะนั้นตนอยู่ต่างจังหวัด ยังไม่ทราบเลขรางวัลที่ออก 3 ตัวหน้า ทราบเพียง 3 ตัวหลัง จึงพิมพ์ไปเช่นนั้น
นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า ป้าติ้น ได้ไปให้การกับพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 60 ว่าไม่ได้ทำตำหนิใดๆ ด้านหลังลอตเตอรี่ แต่พอไปให้การครั้งที่ 2 กลับบอกพนักงานสอบสวนว่า ได้เซ็นซื่อหลังลอตเตอรี่ 2 ใบครึ่ง คือ จากชุด 09-18 หลังจากนั้นจึงได้มีการนำลายเซ็นของป้าติ้น พร้อมด้วยสลากเลขชุด 09-18 ไปตรวจสอบ ผลปรากฎว่าไม่มีลายเซ็นตามที่ป้าติ้นกล่าวอ้าง และไม่มีต้นขั้วรางวัลที่ 1 ที่คำชะโนด จ.อุดรธานี
ด้านป้าติ้น ชี้แจงว่า ในครั้งแรกตนนึกไม่ออกว่าได้เซ็นชื่อหรือไม่ และยังไม่กล้าบอกตำรวจ เพราะกลัวถูกทำลายหลักฐาน
นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า ภายหลังจากที่พนักงานสอบสวนไม่ทำตามความต้องการ ป้าติ้นจึงได้ไปร้องกับ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพรหมกุล รองผบ.ตร. เพื่อเอาผิดเจ้าหน้าที่ ในลักษณะข่มขู่เจ้าหน้าที่รัฐให้ทำตามที่ตนต้องการ เหมือนกับที่เคยทำกับคดีป้าดา ที่ สน.ประเวศ ซึ่งเป็นการคุกคามการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยป้าติ้นอ้างว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม ตนอยากถามว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมตรงไหน ซึ่งตนค่อนข้างแน่ใจว่า สาเหตุที่ป้าติ้นไปร้องเรียนว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น เพื่อต้องการดูสำนวนการสอบสวน เหมือนกรณีของป้าดา และหากป้าติ้นรู้ว่าใครถูกลอตเตอรี่ ก็จะนำไปกล่าวอ้างว่าเป็นนอมินี เหมือนที่เคยทำอีก
ด้าน ป้าติ้น ปฏิเสธว่า สิ่งที่นายอัจฉริยะพูดนั้น ไม่เป็นความจริง พร้อมกับหันไปบอกนายอัจฉริยะ ว่าคนอย่างตนไม่เคยใส่ร้ายใคร ก่อนที่นายอัฉริยะจะกล่าวด้วยว่า "
หากคนอย่างตนที่ชื่อนายอัจฉริยะ ไม่สามารถจับคนอย่าง ป้าติ้น เข้าไปอยู่ในเรือนจำได้ ตนยอมให้เหยียบหน้า ได้เลย"
ด้าน
นางจรูญ หรือ ป้าติ๋ว เปิดเผยถึงเรื่องโทรศัพท์มือถือด้วยว่า อยู่ ๆ โทรศัพท์ของตนก็ไม่สามารถกดอะไรได้ และขึ้นภาพขอป้าติ้น และนางวิไลพร หรือป้าเล็ก ก่อนที่โทรศัพท์จะดับไป หลังจากนั้นป้าติ้น ก็เดินทางมาหาตนที่บ้าน พร้อมกับคนเก่งคอมพิวเตอร์ และทหาร โดยบอกว่าขอโทรศัพท์ของตนไปตรวจสอบ เพราะตนถ่ายรูปไว้ ตนจึงบอกว่า "มันจะมีภาพถ่ายได้อย่างไร ในเมื่อไม่ได้ถ่าย คดีเก่ายังไม่จบ อยากจะได้คดีใหม่เพิ่มอีกหรือ"
ก่อนที่จะนำโทรศัพท์ตนไปเชื่อมต่อกับโน๊ตบุ๊ค คนที่เก่งคอมพิวเตอร์บอกว่า "มันเชื่อมต่อไม่ได้ จะต้องเอาไปเสียบไฟในบ้าน" แต่ตนไม่ยินยอมให้เข้าบ้าน เนื่องจากตนอยู่กับลูกสาว 2 คน จึงเกรงว่าจะถูกทำอันตราย หรือถูกอุ้มไป ตนจึงบอกให้ไปกู้ข้อมูลที่ศูนย์มือถือจะได้รู้ๆ กันไป แต่ศูนย์มือถือแจ้งว่าจะต้องไปแจ้งความก่อน จึงจะกู้ข้อมูลได้
จนถึงปัจจุบันโทรศัพท์ตนก็ยังใช้การไม่ได้ ตนยังพูดกับเพื่อนว่า "ตั้งแต่มีเรื่องกับติ้น โทรศัพท์ก็ใช้ไม่ได้" และอยากจะฝากคนเก่งคอมพิวเตอร์ที่ป้าติ๋ว เรียกว่า “อา” ว่า ไม่ว่าจะมีหลักฐานอะไร เชื่อได้เลยว่าเป็นหลักฐานที่ถูกทำขึ้นทั้งหมด และเมื่อถึงวันฟ้องร้องกัน ขอให้มาศาลด้วย เพราะตนยังข้องใจกับเรื่องนี้มาก
ทั้งนี้ ป้าติ๋วยืนยันว่า จะเดินหน้าฟ้องร้องแน่นอน เพราะตอนนี้มอบหมายให้ทนายความเป็นคนจัดการแล้ว คาดว่าจะได้ความคืบหน้าสิ้นเดือนนี้