จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์" โพสต์คลิปวิดีโอพร้อมบรรยายข้อความกรณี เด็กหญิงรายหนึ่ง ใช้เชือกผูกรัดคอแมว โดยที่ผู้ปกครองทำการถ่ายคลิปวิดีโอให้ ก่อนโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ข้อความบรรยายว่า "ไม่ขำเลย กำลังติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ เพราะล่าสุด ลบโพสต์หลังคอมเมนต์ว่าแมวตายแล้ว" เมื่อโพสต์ดังกล่าวถูกแพร่ออกไปในโซเชียล ต่างมีคนเข้ามาแสดงความคิดเป็นจำนวนมาก
วันที่ 2 พ.ย. 63 ทีมข่าวอมรินทร์เดินทางไปที่บ้านของเด็กที่อยู่ในคลิป ต.พลับพลาไชย อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี พบว่าแมวตัวดังกล่าวที่อยู่ในคลิปวิ่งเล่นได้ปกติ คล้ายไม่ได้รับบาดเจ็บ
นายพรรษา จันทร์เสียงใส หรือ หนุ่ม อายุ 31 ปี พ่อของเด็กในคลิป เปิดเผยว่า ลูกสาวของตนชื่อน้องตังค์ อายุ 4 ขวบ ปกติแล้วลูกสาวเป็นเด็กร่าเริง เป็นคนที่รักและเอ็นดูสัตว์เป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงหรือทำร้ายสัตว์ แต่เมื่อวันที่ 1 ต.ค.63 ช่วงเวลา 18.00 น. ลูกสาวได้เล่นกับแมวบริเวณลานนอกบ้านกับภรรยา ขณะนั้นลูกสาวได้นำเชือกฝากาผูกที่ขาของแมว แล้วจับหิ้ว บอกว่าแมวตายแล้ว ก่อนที่ภรรยาจะถ่ายคลิปนำไปลงเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยที่ไม่คิดว่าจะกลายเป็นกระแสดราม่า ใหญ่โต เพราะเพื่อนในเฟซบุ๊กของภรรยาก็ไม่ได้มีเยอะ
กรณีที่เกิดขึ้นตนเองอยากชี้แจงว่า แมวตัวดังกล่าวไม่ได้ตาย และคนในบ้านไม่มีใครคิดที่จะทำร้ายแมว อีกทั้งเชือกที่ใช้รัดแมวก็รัดที่ขา ไม่ได้รัดที่คอ และเป็นการเล่นตามประสาเด็กโดยที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ตามวัย ในฐานะพ่อเด็กจึงอยากให้สังคมมองลูกของตนเองใหม่ พร้อมทั้งอยากขอโทษ หากทำให้คนในสังคมเข้าใจผิดว่าครอบครัวปล่อยให้ลูกทารุณกรรมสัตว์
ตนขอร้องให้เลิกด่าทอครอบครัวในทางเสียหาย เพราะเห็นการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิด ทั้งนี้ หลังเกิดเรื่องลูกสาวก็ไม่ได้มีสภาวะจิตใจที่ย่ำแย่ เนื่องจากยังเป็นเด็กไม่ได้รู้เรื่อง แต่หลังจากนี้ ตนเองก็จะดูแลลูกอย่างใกล้ชิดและจะไม่ให้ลูกสาวเล่นในลักษณะดังกล่าวอีก
ด้านนางนก อายุ 50 ปี ป้าของเด็ก เปิดเผยว่า ปกติแล้วหลานสาวมีนิสัยร่าเริงเหมือนเด็กทั่วไป หลังจากที่ตนเองทราบเรื่องว่ามีคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ก็รู้สึกตกใจ ไม่คิดว่าจะกลายเป็นกระแสใหญ่โต ตนเองในฐานะป้า อยากบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ตามประสาเด็ก และหลานไม่ได้คิดตั้งใจที่จะทำร้ายสัตว์แต่อย่างใด