จากกรณีในโลกโซเชียล มีการเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิด พบวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ ขณะเล่นโทรศัพท์ แล้วไปเฉี่ยวกับรถซาเล้งเก็บของเก่าของคุณลุง ที่ขี่สวนมา จนเสียหลักล้มไปเอง เมื่อคุณลุง ขับต่อมาเรื่อยๆ วัยรุ่นคนดังกล่าว กลับลุกเดินเข้ามาทำร้ายร่างกายคุณลุง ขับรถซาเล้ง จนตกจากรถ และหมดสติในที่สุด
วันนี้ (15 มี.ค.) ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางไปที่ โรงพยาบาลราชวิถี โดยพบกับ นางฉลวย จริตเอก ภรรยาของนายจรูญ มณีพันธ์ คุณลุงขับรถซาเล้ง ผู้บาดเจ็บ บอกถึงเรื่องการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาว่า รู้สึกสงสาร และให้อภัยผู้ก่อเหตุ รวมถึงไม่อยากเอาเรื่อง ซึ่งตนได้ตักเตือนให้ใจเย็นลง อย่าใจร้อน เพราะจะส่งผลให้คนอื่นเดือดร้อน ซึ่งผู้ก่อเหตุรับปาก และได้มาไหว้ขอขมากับสิ่งที่กระทำลงไป ก่อนยอมรับว่า ทำไปเพราะบันดาลโทสะ ที่สำคัญแม่ของผู้ต้องหาก็รู้จักกับตัวเอง ส่วนการดำเนินคดีทางกฎหมาย ขอให้เป็นเรื่องของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ
โดย พล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 แถลงผลการจับกุม นายนราธร โสตติยัง อายุ 21 ปี หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกาย นายจรูญ มณีพันธ์ คนขี่รถซาเล้งเก็บขยะ อายุ 82 ปี ในซอยซานเมือง 2 ประชาสงเคราะห์ เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร จนเป็นข่าวดังในโลกโซเชียล โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 13 มี.ค. ที่ผ่านมา
พันตำรวจเอกกำพล รัตนประทีป ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง กล่าวว่า นายนราธร ยอมรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายคุณลุงขี่ซาเล้งจริง เพราะเกิดจากความโมโห ที่ขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับรถซาเล้งของคุณลุง จนล้มลง แต่คุณลุง ไม่ลงมาช่วย จึงบันดาลโทสะไปทำร้ายคุณลุง และหลังเกิดเหตุ ได้สำนึกผิด จึงเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง พร้อมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทั้งหมด อีกทั้งได้ไปขอขมาญาติคุณลุง มาแล้ว
จากการตรวจสอบประวัติย้อนหลัง พบว่า นายนราธร เคยก่อคดีฆ่าคนตายเมื่อปี 2553 และทำร้ายร่างกายเมื่อปี 2558 นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสารเสพติด นายนราธร แต่ไม่พบ ส่วนกรณีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพขณะที่ นายนราธร เล่นโทรศัพท์ขณะขี่รถจักรยานยนต์นั้น นายนราธร ปฏิเสธว่าไม่ได้เล่น แค่ถือไว้เท่านั้น
ส่วนกรณีที่ให้ปากคำด้วยอาการลิ้นแข็งคล้ายคนเสพยานั้น ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง กล่าวว่า นายนราธร ยอมรับว่าดื่มสุราก่อนมอบตัว ส่วนการดำเนินคดีกับนายนราธร ตำรวจแจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่น ตามมาตรา 295 เป็นข้อหาหลัก
ในขณะที่ พล.ต.ต.เสนิต กล่าวว่า ขอให้คดีนี้เป็นอุทาหรณ์สอนคนทุกคน ใช้สติในการแก้ปัญหา อย่าใช้อารมณ์ในแก้ไขปัญหา เพราะอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้
บริเวณพื้นที่เกิดเหตุดังกล่าว ซอยชานเมือง 2 ประชาสงเคราะห์ เขตดินแดง พบว่าเป็นซอยแคบ ที่รถสามารถวิ่งสวนทางกันได้ แต่เมื่อมีรถสี่ล้อวิ่งสวนทางกัน ต้องมีคันใดคันหนึ่งหลบ แล้วให้อีกคันผ่านไปก่อน ซึ่งซอยนี้กว้างประมาณ 3 เมตร ภายในซอย เป็นที่อยู่อาศัยสลับกับร้านค้า ร้านขายของชำ ส่วนจุดเกิดเหตุ ตามที่ปรากฏในคลิปวิดีโอ เป็นหน้าร้านขายดอกไม้ และพวงมาลัยสด ซึ่งบริเวณนี้มีกล้องวงจรปิด จำนวน 3 ตัว ที่สามารถบันทึกเหตุการณ์ได้ทั้งหมด
นางแสงเดือน ทนนท์ไชย ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนและครอบครัว กำลังนั่งทำพวงมาลัย เตรียมนำไปขายให้กับลูกค้า คุณลุงก็มักจะปั่นรถซาเล้งผ่านหน้าร้านตนเองประจำ และตรงหน้าบ้านจะมีเนินลูกระนาบ ซึ่งไม่สูงมาก แต่สำหรับคนแก่ก็อาจจะปั้นข้ามไปลำบาก เวลาคุณลุง ปั่นรถซาเล้งมาก็จะหยุด แล้วให้คนแถวนี้ช่วยผลักข้ามลูกระนาบ
คนในซอยจะช่วยเหลือคุณลุง แทบทุกคน แต่คราวนี้ เห็นรถลุงมาจอดหน้าบ้าน คิดว่าจะเหมือนเช่นเคย จึงบอกให้ลูกชายคนเล็กไปช่วยเข็น แต่เห็นชายคนในคลิปวิ่งเข้ามา คิดว่าจะช่วยเข็นรถซาเล้งให้ลุง แต่เห็นอีกที ชายคนดังกล่าวก็เตะคุณลุง ร่วงจากรถแล้ว และเห็นว่ามีคนวิ่งเข้ามาห้ามจนคุณลุง กำลังจะลุกขึ้นแต่ชายคนนั้นก็ต่อยซ้ำ ทำให้คุณลุงสลบไป ตนตกใจจึงตะโกนออกไป “ทำไมต่อยคนแก่แบบนี้” แล้วเอามือชี้หน้า จนเพื่อนหลายๆ คนวิ่งออกมาดู ซึ่งตอนนั้นไม่ทราบว่า คุณลุงได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง เพราะมีแต่เลือดไหลออกมา ตนจึงบอกให้เพื่อนบ้านช่วยเรียกรถพยาบาล
ส่วนการปั่นรถซาเล้งของคุณลุงนั้น อยู่ในเลนส์ของตนเอง ไม่ได้ปั่นรถเกินเลนส์ไปฝั่งตรงข้ามแต่อย่างใด ขณะเกิดเหตุ ลูกชายของนางแสงเดือน อยากวิ่งไปช่วยคุณลุง แต่ตนสั่งห้ามไว้ เพราะไม่มีวิถีปฐมพยาบาล กลัวว่าคุณลุงจะได้รับบาดเจ็บส่วนอื่น หากไปเคลื่อนย้าย เกรงว่าจะทำให้คุณลุง เป็นอันตราย
ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านนายนราธร โสดติยัง อายุ 21 ปี หรือ "จ๊อด" คนที่ก่อเหตุ เพื่อสอบถามญาติคนสนิท และเพื่อนบ้านของจ๊อด โดยพบว่าเป็นตึกแถว 2 ชั้น แต่บ้านถูกปิดเงียบ หน้าบ้านมีเพียงรถจักรยายนต์สีขาวจอดอยู่ 1 คัน และบริเวณชั้นบนคล้ายมีคนอาศัยอยู่ เพราะสังเกตว่ามีคนแอบเปิดผ้าม่านออกมามองดูอยู่เป็นระยะ แต่เมื่อกดกริ่ง ก็ไม่มีใครเปิดประตูออกมาพบทีมข่าวแต่อย่างใด
ด้านคุณลุง เพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นร้านค้าฝั่งตรงข้าม กล่าวว่า ปกติบ้าน "จ๊อด" จะอาศัยอยู่กันหลายคน ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่ามีใครบ้างโดยปกติบ้านก็จะปิดเงียบแบบนี้ จะเปิดบ้างในบางครั้งในตอนที่มีการตัดเย็นผ้า
เช่นเดียวกับ คุณป้า ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านอีกคน กล่าวว่า ตนเคยเห็นนายจ๊อด เพราะเคยอาศัยอยู่ละแวกนี้ แต่เรื่องนิสัย ส่วนตัวตนไม่ขอพูด เพราะไม่อยากยุ่ง บ้านเขารวยเกรงว่า จะไม่ได้รับความปลอดภัย ส่วนเรื่องที่ว่านายจ๊อด เคยมีเรื่องมาก่อนนั้น ตนก็ไม่ขอพูดเช่นกัน หากให้ข้อมูลไปเกรงว่า อาจจะไม่ปลอดภัย และบ้านของนายจ๊อด ก็มีหลายที่
นอกจากนี้ ได้รับข้อมูลจากเพื่อนบ้านว่า บริเวณซอย 3 ห่างไปจากบ้านของนายจ๊อด จะเป็นสถานที่รวมตัว พบปะกับเพื่อน ซึ่งพบว่ามีกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่บริเวณกลางซอย ทีมข่าวจึงได้เข้าไปสอบถาม ซึ่งทุกคนปฏิเสธว่า ไม่รู้จักนายจ๊อด โดยจะบอกเพียงแค่เคยเห็น แต่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้านไป